"เสรีพิสุทธิ์" แนะใช้วิดีโอคอนเฟอเรนซ์สอบ"ธัมมชโย"

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส เปิดเผยถึงกรณีวัดพระธรรมกาย ว่าตกลงจะเอาอย่างไรกัน ตนไม่เห็นด้วยในการที่จะไปร้องแรกแหกกระเชอที่จะไปจับกุมพระธัมมชโยให้ได้ ทั้งที่ท่านอ้างว่ายังป่วยอยู่ มันมีวิธีการอีกตั้งเยอะแยะ ถ้าเผื่อไปขอศาลออกหมายจับแล้วศาลอนุญาตให้จับแล้ว แต่ท่านป่วยก็รอก่อนก็ได้ ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย ไม่เห็นจะต้องรีบจะต้องเอากำลัง 400-500 ไปบุกไปยึดไปจับอะไรต่าง ๆ ให้ได้ โดยตนเองจะยกตัวอย่างสอนดีเอสไอซะหน่อย สมัยก่อนเวลาจะฝากขังผู้ต้องหา เวลาจับกุมผู้ต้องหาแล้วไปฝากขัง จะฝากขังได้ครั้งละ 12 วัน 7 ครั้ง และระหว่างนั้นตำรวจก็ต้องสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานไป พอถึง 12 วัน เจ้าหน้าที่เรือนจำก็ต้องเอาผู้ต้องหา ผู้ต้องขังมาที่ศาล เพื่อขอฝากขังต่อ ไม่รู้กี่คดีต่อคดีก็ต้องมาศาล ก็ต้องล่ามโซ่ ข้อมือ ข้อเท้า อิรุงตุงนังเพิ่มเจ้าหน้าที่อีกเยอะแยะ หนีไประหว่างทางเจ้าหน้าที่ก็ถูกตั้งกรรมการอีก มันยุ่ง ศาลเลยเปลี่ยนวิธีใหม่ใช้วิดีโอคอนเฟอเรนซ์อยู่ที่ศาลและอยู่ในคุก ศาลก็จะถามบอกวันนี้ พนักงานสอบสวนมาฝากขังต่อ 12 วัน จะขัดข้องหรือไม่ ทางนั้นขัดข้องก็ไม่ขัดข้อง ถ้าขัดข้องก็ตอบมา จากนั้นก็อยู่ที่ดุลพินิจของศาลว่าจะให้ฝากขังต่อหรือไม่ อันนี้ก็เหมือนกัน ให้ทางวัดติดวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ มาที่พนักงานสอบสวน ไม่ต้องเข้าไปจับแล้วก็สอบถามท่าน ว่าท่านจะให้การรับสารภาพหรือปฏิเสธ ถ้าปฏิเสธก็บอกมา รับสารภาพก็บอกมา ก็ถือเป็นพยานหลักฐานได้แล้ว ถ้าปฏิเสธพนักงานสอบสวนก็รวบรวมหลักฐานไป ถ้าท่านไม่มาให้การเพิ่มเติม ถ้าเห็นควรสั่งฟ้องก็ฟ้อง ไม่เห็นจำเป็นจะต้องเอาตัวให้ได้วันนี้เลย
พล.ต.อ.เสรีพิสุทธิ์ กล่าวต่อว่า แม้กระทั่ง พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรียุติธรรม ทำเกินหน้าที่มันเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนไม่ใช่หน้าที่ของคนระดับรัฐมนตรีที่จะลงมาแบบนี้ แม้กระทั่งเห็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยังบอกยังไม่ยุ่งเลยเพราะกลัวจะลาม แต่ พล.อ.ไพบูลย์ เอาอย่างนี้ให้ได้ ไม่รู้ไปรับใบใครสั่งอะไรมา พล.อ.ไพบูลย์ใช้กฎหมายไม่เป็นแกเป็นทหารฉะนั้นวิธีการมีอีกเยอะที่จะได้ตัวผู้กระทำความผิด ไม่ใช่จะต้องเอากันวันนี้ รอก่อนก็ได้ มันไม่หมดเวลาหรอก มันเป็นคดีแล้วมันยังไม่หมดอายุความ แต่มาทำให้เป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต