นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณียกเลิกมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 10 พฤษภาคม เรื่องรายงานการตรวจสอบข้อเท็จจริงและการแก้ปัญหาสุขภาพและสิ่งแวดล้อมจากการทำเหมืองแร่ทองคำของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ว่า เป็นการแก้ไขมติ ครม. แต่จำเป็นต้องใช้คำว่ายกเลิกมติ ครม.เดิม เพื่อจะออกมติ ครม.ใหม่ ซึ่งเป็นการแก้ไขเนื่องจากการประชุมครั้งแรกได้มีการจดมติออกมาเพื่อทำมติ แต่จดไม่ตรงกับความเป็นจริงในที่ประชุมขณะนั้น จึงต้องยกเลิกมติเดิมแล้วออกมติใหม่ซ้ำลงไปเท่านั้น
"การปิดเหมืองทองคำนั้นยังคงปิดเหมือนเดิม เพียงแต่แก้มติให้มีถ้อยคำรัดกุมและตรงตามความเป็นจริงมากยิ่งขึ้น ซึ่งมติเดิมผมเป็นผู้ตรวจเอง แต่ปรากฏว่าถ้อยคำที่ออกไปทำให้เกิดการตีความไปได้อีกแบบ เราจึงแก้ไขเท่านั้น กระทรวงอุตสาหกรรมจะต้องไปออกคำสั่งอีกครั้ง เนื่องจากเป็นอำนาจโดยตรงของกระทรวงอุตสาหกรรม ไม่ใช่อำนาจ ครม.จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ต้องแก้ไขมติเดิม ทั้งนี้ไม่ได้มีการใช้คำสั่ง คสช. เป็นการดำเนินการตามขั้นตอนปกติทุกอย่าง หากกระทรวงอุตสาหกรรมออกคำสั่งมาก็ไม่จำเป็นต้องนำเข้าที่ประชุม ครม.เพราะสามารถบังคับใช้ได้ทันที" นายวิษณุกล่าว
ด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.กล่าวว่า จำเป็นต้องมีการเขียนในส่วนของเรื่องการดำเนินการตามกฎหมาย เพราะมติ ครม.ในวันดังกล่าวเป็นการรับทราบและเห็นชอบในหลักการ ซึ่งก็ต้องมีการดำเนินการตามกฎหมาย ไม่เช่นนั้นก็จะกลายเป็นว่าตนใช้อำนาจของ ครม.ซึ่งจะมีต่อผลทางธุรกิจ อย่างไรก็ตามมติ ครม.ในวันดังกล่าวว่าอย่างไรก็เป็นไปตามนั้น
"เราก็ต้องมองประเด็นในเรื่องของการลงทุนด้วย อย่างไรก็ตาม วันนี้ถ้ายังไม่ชัดเจนก็ยังเปิดไม่ได้เท่านั้นเอง" นายกฯ ระบุ
นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้มีปัญหาอะไร เป็นการปรับให้ตรงกับข้อเท็จจริงว่าในการประชุมเมื่อวันที่ 10 พ.ค. รมว.อุตสาหกรรมได้นำเสนอเรื่องการต่ออายุเหมืองแร่ทองคำของบริษัท อัคราฯ ให้เพียงแค่สิ้นเดือน ธ.ค.59 ให้ ครม.ทราบ ซึ่งเป็นการปรับให้ถูกต้องว่า เป็นการนำเสนอเพื่อทราบ และนำเสนอโดยวีดิทัศน์ เพราะเรื่องการต่ออายุให้แค่สิ้นปีเป็นอำนาจของกระทรวงอุตสาหกรรมโดยตรงอยู่แล้ว ยืนยันว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ไม่ได้คลุมเครือ และไม่จำเป็นต้องนำเข้า ครม.อีกครั้ง เรื่องนี้จบแล้ว
นายชาติ หงส์เทียมจันทร์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) ยืนยันว่า นโยบายยุติกิจการเหมืองทองคำในประเทศไทยยังคงเป็นไปตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 10 พ.ค.59 โดยเฉพาะกรณีของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ที่ต้องปิดเหมืองทองคำทั้งหมดภายในสิ้นปีนี้ โดยตามแผนระบุให้กระทรวงอุตสาหกรรม, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมต้องกำกับดูแลการปิดเหมืองและฟื้นฟูพื้นที่ ด้านกระทรวงสาธารณสุขมีหน้าที่ดูแลสุขภาพประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และกระทรวงแรงงานต้องเร่งเข้าไปดูแลพนักงานที่ได้รับผลกระทบจากการปิดกิจการประมาณ 1,000 คน
ทั้งนี้กพร.ได้สั่งการให้ บมจ.อัคราฯ เร่งจัดส่งแผนฟื้นฟูให้ กพร.ภายใน 1 เดือน หรือภายในสิ้นเดือน มิ.ย. และในเดือน ก.ค.จะเชิญสํานักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) และกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) มาพิจารณาแผนว่าสมควรดำเนินการหรือไม่ โดยขั้นตอนการเยียวยาฟื้นฟูต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในปีนี้ อย่างไรก็ตาม บมจ.อัคราฯ มีความกังวลว่า ในช่วง 7 เดือนที่เหลือนี้จะฟื้นฟูเหมืองไม่ทัน ซึ่ง กพร.ก็ได้ให้คำแนะนำไป
นายชาติกล่าวว่า ภายหลังจากมีมติ ครม.เมื่อวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา ในช่วงปลายเดือน พ.ค. บมจ.อัคราฯ ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อ กพร.ตามสิทธิ์ที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.แร่ โดยบริษัทต้องการให้ กพร.ต่ออายุใบอนุญาตกิจการโลหกรรมระยะเวลา 3-5 ปี ไม่ใช่ 7 เดือน ซึ่งเรื่องนี้ตามกฎหมาย กพร.ต้องตอบข้ออุทธรณ์ของบริษัทภายใน 30 วัน คือภายในเดือน มิ.ย.นี้ โดยเบื้องต้น กพร.จะยังยืนยันตามมติเดิมของครม.ต่อไป
ที่ศูนย์บริการประชาชน ทำเนียบรัฐบาล กลุ่มชาวบ้าน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา จำนวน 30 คน นำโดยนางรัดดา สะเทื้อน มายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.เพื่อขอความช่วยเหลือหลังถูกละเมิดสิทธิ์ โดยนางรัดดากล่าวว่า พวกตนถูกกลุ่มผู้นำท้องถิ่น อบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตำบลกุดพิมาน และตำรวจ สภ.ด่านขุนทด ใช้อิทธิพลดำเนินคดีข้อหาบุกรุก ทั้งที่ประชาชนอยู่อาศัยอย่างสุจริตบนพื้นที่ดังกล่าวตั้งแต่ปี 2451 มีหลักฐาน น.ส.3ก. และ สค.1 ตามกฎหมาย แต่กลับถูกดำเนินคดี อีกทั้งไม่ได้พิสูจน์ทราบเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม รวมถึงยังมีการใช้กฎหมายเอื้อประโยชน์กลุ่มนายทุนเหมืองแร่โพแทช จึงขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ดำเนินการแก้ปัญหา เพราะยังมีประชาชนที่ถูกดำเนินคดีอีกหลายคนและบางคนกำลังป่วยอยู่ในเรือนจำ อยากให้รื้อคดีใหม่ทั้งหมดทุกขั้นตอน และขอให้พิจารณาเอาผิดข้าราชการท้องถิ่นดังกล่าว รวมทั้งขอให้ตรวจสอบการอนุมัติการทำประโยชน์เหมืองแร่โพแทชว่าถูกกฎหมายหรือไม่
"การปิดเหมืองทองคำนั้นยังคงปิดเหมือนเดิม เพียงแต่แก้มติให้มีถ้อยคำรัดกุมและตรงตามความเป็นจริงมากยิ่งขึ้น ซึ่งมติเดิมผมเป็นผู้ตรวจเอง แต่ปรากฏว่าถ้อยคำที่ออกไปทำให้เกิดการตีความไปได้อีกแบบ เราจึงแก้ไขเท่านั้น กระทรวงอุตสาหกรรมจะต้องไปออกคำสั่งอีกครั้ง เนื่องจากเป็นอำนาจโดยตรงของกระทรวงอุตสาหกรรม ไม่ใช่อำนาจ ครม.จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ต้องแก้ไขมติเดิม ทั้งนี้ไม่ได้มีการใช้คำสั่ง คสช. เป็นการดำเนินการตามขั้นตอนปกติทุกอย่าง หากกระทรวงอุตสาหกรรมออกคำสั่งมาก็ไม่จำเป็นต้องนำเข้าที่ประชุม ครม.เพราะสามารถบังคับใช้ได้ทันที" นายวิษณุกล่าว
ด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.กล่าวว่า จำเป็นต้องมีการเขียนในส่วนของเรื่องการดำเนินการตามกฎหมาย เพราะมติ ครม.ในวันดังกล่าวเป็นการรับทราบและเห็นชอบในหลักการ ซึ่งก็ต้องมีการดำเนินการตามกฎหมาย ไม่เช่นนั้นก็จะกลายเป็นว่าตนใช้อำนาจของ ครม.ซึ่งจะมีต่อผลทางธุรกิจ อย่างไรก็ตามมติ ครม.ในวันดังกล่าวว่าอย่างไรก็เป็นไปตามนั้น
"เราก็ต้องมองประเด็นในเรื่องของการลงทุนด้วย อย่างไรก็ตาม วันนี้ถ้ายังไม่ชัดเจนก็ยังเปิดไม่ได้เท่านั้นเอง" นายกฯ ระบุ
นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้มีปัญหาอะไร เป็นการปรับให้ตรงกับข้อเท็จจริงว่าในการประชุมเมื่อวันที่ 10 พ.ค. รมว.อุตสาหกรรมได้นำเสนอเรื่องการต่ออายุเหมืองแร่ทองคำของบริษัท อัคราฯ ให้เพียงแค่สิ้นเดือน ธ.ค.59 ให้ ครม.ทราบ ซึ่งเป็นการปรับให้ถูกต้องว่า เป็นการนำเสนอเพื่อทราบ และนำเสนอโดยวีดิทัศน์ เพราะเรื่องการต่ออายุให้แค่สิ้นปีเป็นอำนาจของกระทรวงอุตสาหกรรมโดยตรงอยู่แล้ว ยืนยันว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ไม่ได้คลุมเครือ และไม่จำเป็นต้องนำเข้า ครม.อีกครั้ง เรื่องนี้จบแล้ว
นายชาติ หงส์เทียมจันทร์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) ยืนยันว่า นโยบายยุติกิจการเหมืองทองคำในประเทศไทยยังคงเป็นไปตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 10 พ.ค.59 โดยเฉพาะกรณีของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ที่ต้องปิดเหมืองทองคำทั้งหมดภายในสิ้นปีนี้ โดยตามแผนระบุให้กระทรวงอุตสาหกรรม, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมต้องกำกับดูแลการปิดเหมืองและฟื้นฟูพื้นที่ ด้านกระทรวงสาธารณสุขมีหน้าที่ดูแลสุขภาพประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และกระทรวงแรงงานต้องเร่งเข้าไปดูแลพนักงานที่ได้รับผลกระทบจากการปิดกิจการประมาณ 1,000 คน
ทั้งนี้กพร.ได้สั่งการให้ บมจ.อัคราฯ เร่งจัดส่งแผนฟื้นฟูให้ กพร.ภายใน 1 เดือน หรือภายในสิ้นเดือน มิ.ย. และในเดือน ก.ค.จะเชิญสํานักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) และกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) มาพิจารณาแผนว่าสมควรดำเนินการหรือไม่ โดยขั้นตอนการเยียวยาฟื้นฟูต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในปีนี้ อย่างไรก็ตาม บมจ.อัคราฯ มีความกังวลว่า ในช่วง 7 เดือนที่เหลือนี้จะฟื้นฟูเหมืองไม่ทัน ซึ่ง กพร.ก็ได้ให้คำแนะนำไป
นายชาติกล่าวว่า ภายหลังจากมีมติ ครม.เมื่อวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา ในช่วงปลายเดือน พ.ค. บมจ.อัคราฯ ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อ กพร.ตามสิทธิ์ที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.แร่ โดยบริษัทต้องการให้ กพร.ต่ออายุใบอนุญาตกิจการโลหกรรมระยะเวลา 3-5 ปี ไม่ใช่ 7 เดือน ซึ่งเรื่องนี้ตามกฎหมาย กพร.ต้องตอบข้ออุทธรณ์ของบริษัทภายใน 30 วัน คือภายในเดือน มิ.ย.นี้ โดยเบื้องต้น กพร.จะยังยืนยันตามมติเดิมของครม.ต่อไป
ที่ศูนย์บริการประชาชน ทำเนียบรัฐบาล กลุ่มชาวบ้าน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา จำนวน 30 คน นำโดยนางรัดดา สะเทื้อน มายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.เพื่อขอความช่วยเหลือหลังถูกละเมิดสิทธิ์ โดยนางรัดดากล่าวว่า พวกตนถูกกลุ่มผู้นำท้องถิ่น อบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตำบลกุดพิมาน และตำรวจ สภ.ด่านขุนทด ใช้อิทธิพลดำเนินคดีข้อหาบุกรุก ทั้งที่ประชาชนอยู่อาศัยอย่างสุจริตบนพื้นที่ดังกล่าวตั้งแต่ปี 2451 มีหลักฐาน น.ส.3ก. และ สค.1 ตามกฎหมาย แต่กลับถูกดำเนินคดี อีกทั้งไม่ได้พิสูจน์ทราบเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม รวมถึงยังมีการใช้กฎหมายเอื้อประโยชน์กลุ่มนายทุนเหมืองแร่โพแทช จึงขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ดำเนินการแก้ปัญหา เพราะยังมีประชาชนที่ถูกดำเนินคดีอีกหลายคนและบางคนกำลังป่วยอยู่ในเรือนจำ อยากให้รื้อคดีใหม่ทั้งหมดทุกขั้นตอน และขอให้พิจารณาเอาผิดข้าราชการท้องถิ่นดังกล่าว รวมทั้งขอให้ตรวจสอบการอนุมัติการทำประโยชน์เหมืองแร่โพแทชว่าถูกกฎหมายหรือไม่