ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (9 มิ.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงราว 1.3% ซึ่งได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มผู้ผลิตวัตถุดิบปรับตัวลงด้วย อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ขยับลงเพียงเล็กน้อยเนื่องจากตลาดได้รับปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งได้แก่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งที่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 10 เดือน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,985.19 จุด ลดลง 19.86 จุด หรือ -0.11% ดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 4,958.62 จุด ลดลง 16.02 จุด หรือ -0.32% ดัชนีเอสแอนด์พี500 ปิดที่ 2,115.48 จุด ลดลง 3.64 จุด หรือ -0.17%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กอ่อนแรงลงตั้งแต่ตลาดเปิดทำการ หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงราว 1.3% เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากราคาน้ำมันพุ่งขึ้นติดต่อกัน 3 วันทำการก่อนหน้านี้
หุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มผู้ผลิตวัตถุดิบปรับตัวลงตามราคาน้ำมัน โดยหุ้นเอ็นอาร์จี เอนเนอร์จี ดิ่งลง 6.6% หุ้นชาซาพีค เอนเนอร์จี ร่วงลง 1.8% หุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรน ร่วงลง 5.9% ส่วนหุ้นซีเอฟ อินดัสทรีส์ โฮลดิงส์ และหุ้นโมซาอิค ซึ่งเป็นสองบริษัทผู้ผลิตปุ๋ยรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 4.2% และ 1.8% ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กขยับลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากภาวะการซื้อขายได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 4,000 ราย สู่ระดับ 264,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 4 มิ.ย. ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 270,000 ราย
ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่านั้น ลดลง 7,500 ราย สู่ 269,500 รายในสัปดาห์ที่แล้ว
ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งประจำเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 0.6% ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นแข็งแกร่งสุดในรอบ 10 เดือน และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.1% ขณะที่ยอดขายในภาคค้าส่งเพิ่มขึ้น 1.0% ซึ่งเป็นอัตราสูงสุดในรอบ 1 ปี
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากหุ้นแอปเปิล และหุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคปรับตัวขึ้น หลังจากบริษัทหลายแห่งประกาศเพิ่มการจ่ายเงินปันผล โดยหุ้นอาเมเรน คอร์ปอเรชัน พุ่งขึ้น 2.4% หุ้นคอนโซลิเดท เอดิสัน และหุ้นพีจีแอนด์อี ต่างก็ปรับตัวขึ้นกว่า 1.5%
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,985.19 จุด ลดลง 19.86 จุด หรือ -0.11% ดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 4,958.62 จุด ลดลง 16.02 จุด หรือ -0.32% ดัชนีเอสแอนด์พี500 ปิดที่ 2,115.48 จุด ลดลง 3.64 จุด หรือ -0.17%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กอ่อนแรงลงตั้งแต่ตลาดเปิดทำการ หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงราว 1.3% เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากราคาน้ำมันพุ่งขึ้นติดต่อกัน 3 วันทำการก่อนหน้านี้
หุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มผู้ผลิตวัตถุดิบปรับตัวลงตามราคาน้ำมัน โดยหุ้นเอ็นอาร์จี เอนเนอร์จี ดิ่งลง 6.6% หุ้นชาซาพีค เอนเนอร์จี ร่วงลง 1.8% หุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรน ร่วงลง 5.9% ส่วนหุ้นซีเอฟ อินดัสทรีส์ โฮลดิงส์ และหุ้นโมซาอิค ซึ่งเป็นสองบริษัทผู้ผลิตปุ๋ยรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 4.2% และ 1.8% ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กขยับลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากภาวะการซื้อขายได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 4,000 ราย สู่ระดับ 264,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 4 มิ.ย. ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 270,000 ราย
ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่านั้น ลดลง 7,500 ราย สู่ 269,500 รายในสัปดาห์ที่แล้ว
ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งประจำเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 0.6% ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นแข็งแกร่งสุดในรอบ 10 เดือน และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.1% ขณะที่ยอดขายในภาคค้าส่งเพิ่มขึ้น 1.0% ซึ่งเป็นอัตราสูงสุดในรอบ 1 ปี
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากหุ้นแอปเปิล และหุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคปรับตัวขึ้น หลังจากบริษัทหลายแห่งประกาศเพิ่มการจ่ายเงินปันผล โดยหุ้นอาเมเรน คอร์ปอเรชัน พุ่งขึ้น 2.4% หุ้นคอนโซลิเดท เอดิสัน และหุ้นพีจีแอนด์อี ต่างก็ปรับตัวขึ้นกว่า 1.5%