ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ความเคลื่อนไหวค่าเงินบาทสัปดาห์หน้า ระหว่างวันที่ 7-11 กรกฎาคม 2557 เงินบาทอาจเคลื่อนไหวในกรอบ 32.30-32.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยต้องจับตาความคืบหน้าในประเด็นเศรษฐกิจ-การเมืองไทย ข้อมูลเงินเฟ้อ และการส่งออกเดือน มิ.ย. ของจีน และถ้อยแถลงจากเจ้าหน้าที่เฟดในระหว่างสัปดาห์ ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ บันทึกการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 17-18 มิ.ย. ตัวเลขสต๊อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือน พ.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ อนึ่ง ตลาดการเงินไทยจะปิดทำการในวันศุกร์ที่ 11 ก.ค. เนื่องในวันอาสาฬหบูชา
พร้อมกันนี้ ได้สรุปความเคลื่อนไหวค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเกือบตลอดสัปดาห์ สอดคล้องกับสถานะซื้อสุทธิพันธบัตร และหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติ นอกจากนี้ เงินบาทและสกุลเงินส่วนใหญ่ในเอเชียยังได้รับแรงหนุนจากความต้องการเสี่ยงของนักลงทุน ภายหลังจากดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือน มิ.ย.ของจีน และสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ เงินบาทขยับอ่อนค่าช่วงสั้นๆ ในระหว่างสัปดาห์ตามแรงขายทำกำไร สวนทางกับเงินดอลลาร์ฯ ที่แข็งค่าขึ้นหลังมีการเปิดเผยข้อมูลตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ
ในวันศุกร์ (4 ก.ค.) เงินบาทอยู่ที่ระดับ 32.37 เทียบกับระดับ 32.46 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (27 มิ.ย.)
พร้อมกันนี้ ได้สรุปความเคลื่อนไหวค่าเงินสกุลสำคัญ เริ่มกันที่เงินยูโรกลับมาอ่อนค่าลง หลังจากแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์ในช่วงต้นสัปดาห์ หลังจากดัชนี PMI เขตชิคาโก ที่น่าผิดหวัง กระตุ้นให้นักลงทุนเทขายเงินดอลลาร์ฯ ออกมา อย่างไรก็ดี เงินยูโรต้องล้างช่วงบวกลงทั้งหมด และกลับมาอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ โดยถูกกดดันจากคำกล่าวที่สะท้อนความวิตกเกี่ยวกับการแข็งค่าของเงินยูโร และสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินอย่างต่อเนื่องจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ กลับมาได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ เดือน มิ.ย. ที่แข็งแกร่งกว่าที่คาด (เช่น การจ้างงานนอกภาคเกษตร และข้อมูล PMI ภาคการผลิตที่เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาด และอัตราการว่างงานที่ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปี) ซึ่งช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในช่วงครึ่งปีหลัง
ขณะที่เงินเยนแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 2 สัปดาห์ โดยเงินเยนถูกกดดันจากกระแสความต้องการเสี่ยงของนักลงทุน ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ทยอยแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สดใส โดยเฉพาะตัวเลขการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น และอัตราการว่างงานที่ลดต่ำลงที่กระตุ้นให้นักลงทุนบางส่วนคาดการณ์ถึงจังหวะการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีหน้า
ในวันศุกร์ (4 ก.ค.) เงินยูโรอยู่ที่ 1.3587 เทียบกับ 1.3647 ดอลลาร์ฯ ต่อยูโรในวันศุกร์ก่อนหน้า (27 มิ.ย.) ส่วนเงินเยนอยู่ที่ 102.06 เทียบกับ 101.36 เยนต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า