ปัจจัยหนุนจากต่างประเทศส่งดัชนีหุ้นไทยช่วงเช้าปิดที่ 1,470.30 จุด เพิ่มขึ้น 3.01 จุด เปลี่ยนแปลง +0.21% มูลค่าการซื้อขาย 16,931.10 ล้านบาท โดยระหว่างเทรดดัชนีแตะจุดสูงสุดที่ 1,474.46 จุด และต่ำสุดที่ 1,467.44 จุด น.ส.ธีระดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป สรุปภาพรวมบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยช่วงเช้าวันนี้สามารถยืนในแดนบวกได้อย่างต่อเนื่อง
ตามตลาดหุ้นเอเชียที่ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงบ่ายวันนี้ โดยราคาโลหะอุตสาหกรรมดีดตัวขึ้นขานรับดัชนี PMI ภาคการผลิตจีนที่ขยายตัวขึ้นสวนทางกับการคาดการณ์ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น เนื่องจากกลุ่มติดอาวุธ “รัฐอิสลามในอิรักและลีแวนต์” (ไอเอสไอแอล) ในอิรักสามารถยึดครองพื้นที่ได้มากขึ้น ส่งผลให้หุ้นที่ปรับตัวขึ้นส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มพลังงานหลังได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม มองว่าแต่ดัชนียังขยับแดนบวกได้ไม่มากนักหลังนักลงทุนบางส่วนยังรอดูความคืบหน้ามาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ชัดเจนก่อน
ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงบ่ายวันนี้ คาดว่ามีโอกาสประคองตัวยืนในแดนบวกต่อได้ แต่ระหว่างทางอาจมีแรงเทขายสุทธิออกมาทำกำไรระยะสั้นบ้าง เนื่องจากปัจจัยหนุนช่วงนี้ยังมีอย่างจำกัด ซึ่งหากมาตรการปฏิรูปโครงสร้างต่างๆ ของคณะ คสช.มีความชัดเจน น่าจะผลักดันให้ดัชนีเคลื่อนไหวได้มากกว่านี้ ทั้งนี้ ให้กรอบดัชนีไว้ที่ระดับ 1,470-1,480 จุด
สอดคล้องกับบทวิเคาะห์ บล.เคที ซีมิโก้ ที่ระบุว่า นักลงทุนยังรอความชัดเจนของแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน แผนปฏิรูปโครงสร้างพลังงาน รวมถึงการประมูลของ กสทช. ซึ่งคณะทำงาน คสช. ตั้งเป้าจะสรุปให้ได้ภายในสิ้นเดือนนี้ โดยหากเกิดความชัดเจน อาจกลับกลายเป็นตัวแปรผลักดันให้ SET INDEX ขยับขึ้นสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้เช่นกัน ส่วนประเด็นการเก็บภาษี Capital Gain ที่นายกิติพงษ์ กรรมการ ตลท.ให้ข้อมูลว่า คณะกรรมการ ตลท.อยู่ระหว่างการศึกษา คาดใช้เวลาไม่เกิน 3 เดือนจะมีข้อสรุป อาจกดดันจิตวิทยาการลงทุนชั่วคราวส่งผลให้ดัชนีไม่สามารถปรับตัวขึ้นได้ไกลเท่าที่ควร