ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (6 มิ.ย.) หลังจากนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวสุนทรพจน์ครั้งล่าสุดว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีความแข็งแกร่ง แม้ตัวเลขการจ้างงานเดือนพ.ค.ของสหรัฐออกมาต่ำกว่าการคาดการณ์ก็ตาม นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นกว่า 2%
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,920.33 จุด พุ่งขึ้น 113.27 จุด หรือ +0.64% ดัชนี แนสแด็ก ปิดที่ 4,968.71 จุด เพิ่มขึ้น 26.19 จุด หรือ +0.53% ดัชนีเอสแอนด์พี500 ปิดที่ 2,109.41 จุด เพิ่มขึ้น 10.28 จุด หรือ +0.49%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นขานรับมุมมองเศรษฐกิจในด้านบวกจากประธานเฟด โดยนางเยลเลนได้การกล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุม "World Affairs Council of Philadelphia" เมื่อวานนี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีความแข็งแกร่ง แม้ตัวเลขการจ้างงานเดือนพ.ค.ของสหรัฐออกมาต่ำกว่าการคาดการณ์ก็ตาม
"ดิฉันมองเห็นเหตุผลที่ดีที่จะคาดว่าปัจจัยบวกที่สนับสนุนการขยายตัวของการจ้างงานและการปรับตัวขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ จะยังคงมีอิทธิพลเหนือปัจจัยลบ ซึ่งผลที่ตามมานั้น ดิฉันคาดว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ยังคงดำเนินต่อไป โดยตลาดแรงงานปรับตัวดีขึ้น และจีดีพีมีการขยายตัวในระดับปานกลาง" นางเยลเลนกล่าว
นอกจากนี้ ประธานเฟดยังกล่าวด้วยว่า เฟดจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป อย่างไรก็ตาม นางเยลเลนไม่ได้มีการระบุถึงกำหนดเวลาที่เฉพาะเจาะจงในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่กล่าวเพียงว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะต้องเกิดขึ้น ก่อนที่มีการบรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจทั้งหมดของเฟด
การแสดงความเห็นของประธานเฟดเมื่อวานนี้ นับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มีการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานสหรัฐที่ต่ำสุดในรอบกว่า 5 ปี รวมทั้งเป็นการกล่าวแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟดต่อสาธารณชนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในวันที่ 14-15 มิ.ย.
หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ทะยานขึ้นกว่า 2% โดยหุ้นทรานส์โอเชียน และหุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 10% นับเป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้นด้วย ขณะที่หุ้นดาวอน เอนเนอร์จี และหุ้นเบเกอร์ ฮิวจ์ พุ่งขึ้นกว่า 4.5%
หุ้นกลุ่มผู้ผลิตวัตถุดิบดีดตัวขึ้น โดยหุ้นฟรีพอร์ท แมค-มอแรน และหุ้นโมซาอิค พุ่งขึ้นอย่างน้อย 4.8% หุ้นซีเอฟ อินดัสเทรียลส์ โฮลดิงส์ พุ่งขึ้น 8.9%
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นเช่นกัน นำโดยหุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค และหุ้นเวลส์ ฟาร์โก
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงประสิทธิภาพการผลิต-ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยเบื้องต้นไตรมาส 1/2559, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, สต็อกสินค้าคงคลังภาคส่งเดือนเม.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนมิ.ย.
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,920.33 จุด พุ่งขึ้น 113.27 จุด หรือ +0.64% ดัชนี แนสแด็ก ปิดที่ 4,968.71 จุด เพิ่มขึ้น 26.19 จุด หรือ +0.53% ดัชนีเอสแอนด์พี500 ปิดที่ 2,109.41 จุด เพิ่มขึ้น 10.28 จุด หรือ +0.49%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นขานรับมุมมองเศรษฐกิจในด้านบวกจากประธานเฟด โดยนางเยลเลนได้การกล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุม "World Affairs Council of Philadelphia" เมื่อวานนี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีความแข็งแกร่ง แม้ตัวเลขการจ้างงานเดือนพ.ค.ของสหรัฐออกมาต่ำกว่าการคาดการณ์ก็ตาม
"ดิฉันมองเห็นเหตุผลที่ดีที่จะคาดว่าปัจจัยบวกที่สนับสนุนการขยายตัวของการจ้างงานและการปรับตัวขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ จะยังคงมีอิทธิพลเหนือปัจจัยลบ ซึ่งผลที่ตามมานั้น ดิฉันคาดว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ยังคงดำเนินต่อไป โดยตลาดแรงงานปรับตัวดีขึ้น และจีดีพีมีการขยายตัวในระดับปานกลาง" นางเยลเลนกล่าว
นอกจากนี้ ประธานเฟดยังกล่าวด้วยว่า เฟดจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป อย่างไรก็ตาม นางเยลเลนไม่ได้มีการระบุถึงกำหนดเวลาที่เฉพาะเจาะจงในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่กล่าวเพียงว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะต้องเกิดขึ้น ก่อนที่มีการบรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจทั้งหมดของเฟด
การแสดงความเห็นของประธานเฟดเมื่อวานนี้ นับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มีการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานสหรัฐที่ต่ำสุดในรอบกว่า 5 ปี รวมทั้งเป็นการกล่าวแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟดต่อสาธารณชนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในวันที่ 14-15 มิ.ย.
หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ทะยานขึ้นกว่า 2% โดยหุ้นทรานส์โอเชียน และหุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 10% นับเป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้นด้วย ขณะที่หุ้นดาวอน เอนเนอร์จี และหุ้นเบเกอร์ ฮิวจ์ พุ่งขึ้นกว่า 4.5%
หุ้นกลุ่มผู้ผลิตวัตถุดิบดีดตัวขึ้น โดยหุ้นฟรีพอร์ท แมค-มอแรน และหุ้นโมซาอิค พุ่งขึ้นอย่างน้อย 4.8% หุ้นซีเอฟ อินดัสเทรียลส์ โฮลดิงส์ พุ่งขึ้น 8.9%
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นเช่นกัน นำโดยหุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค และหุ้นเวลส์ ฟาร์โก
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงประสิทธิภาพการผลิต-ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยเบื้องต้นไตรมาส 1/2559, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, สต็อกสินค้าคงคลังภาคส่งเดือนเม.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนมิ.ย.