นายณัฐพงศ์ เชิดชู รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยถึงกระแสข่าวที่มีผู้ใช้บริการรถจักรยานยนต์รับจ้างผ่านแอปพลิเคชัน หรือแกร็บไบค์ ล่าสุดมีเหตุกระทบกระทั่งระหว่างผู้ขับขี่แกร็บไบค์กับวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างในพื้นที่ ทำให้ผู้โดยสารโพสต์ในโซเชียลเรียกร้องสิทธิ์ของตนเองที่จะเลือกใช้ระบบขนส่งสาธารณะ โดยยืนยันว่า ที่ผ่านมากรมการขนส่งทางบกเข้มงวดไม่ให้เกิดบริการรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างผ่านแอป เนื่องจากเป็นการกระทำผิดกฎหมายชัดเจน เพราะรถที่นำมาวิ่งให้บริการส่วนหนึ่งไม่ได้เป็นรถป้ายเหลือง หรือขึ้นทะเบียนเป็นรถสาธารณะ
นอกจากนี้ การออกมารับจ้างผ่านแอปที่มีการวิ่งข้ามเขตต่าง ๆ ก็กระทบปัญหาโซนนิ่งที่เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และกรมฯ ได้ดำเนินการจัดระเบียบ โดยหลังจากมีบริการดังกล่าวได้เรียกผู้บริหารแกร็บไบค์มาพูดคุยทำความเข้าใจแล้ว ซึ่งรับปากว่าจะไม่มีการให้บริการลักษณะดังกล่าว และวันที่ 17 พฤษภาคมนี้ จะมีการเรียกผู้ประกอบการอูเบอร์ไบค์มาทำความเข้าใจ
ทั้งนี้ การดำเนินการลงโทษทางกฎหมายกับรถจักรยานยนต์ที่ใช้ผิดประเภท ผู้ขับขี่จะมีโทษปรับ 2,000 บาท ขณะที่เว็บไซต์ที่ถูกนำมาเป็นสื่อกลางในการประสานงานรับผู้โดยสาร กรมการขนส่งทางบกได้เสนอเรื่องไปยังกระทรวงคมนาคม เพื่อให้พิจารณาดำเนินการลงโทษและเพิ่มโทษให้หนักขึ้น เพื่อป้องปรามปัญหาในอนาคต
ส่วนกรณีประชาชนผู้ใช้บริการเรียกร้องว่าเป็นสิทธิ์ที่สามารถตัดสินใจเรียกใช้บริการมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่เป็นวินหรือผ่านแอปนั้น กรมฯ ขอทำความเข้าใจว่า การใช้บริการของผู้โดยสารหากเรียกใช้บริการที่อยู่นอกระบบก็จะยากต่อการควบคุมมาตรฐาน ซึ่งมีปัญหาหลายประเด็น ไม่ว่าประเด็นผู้ขับขี่จะมีทักษะในการขับเพียงพอที่จะออกมาวิ่งให้บริการหรือไม่ ผู้ขับขี่มีใบขับขี่รถสาธารณะหรือไม่ ตามกฎหมายผู้มีใบขับขี่สาธารณะจะมีมาตรการสอบเข้มข้นมากกว่า รถคันดังกล่าวขึ้นทะเบียนเป็นรถสาธารณะที่มีการตรวจสภาพปีละ 2 ครั้งหรือไม่ รวมทั้งการบันทึกประวัติอาชญากรและอุบัติเหตุต่าง ๆ ที่มีในระบบ มีการทำประกันภัยคุ้มครองผู้โดยสารตามกฎหมายกำหนดหรือไม่ ซึ่งประเด็นเหล่านี้ผู้โดยสารไม่สามารถหาหลักประกันได้จากรถนอกระบบ ไม่รวมถึงประเด็นสำคัญหากใช้รถในระบบที่ถูกต้องก็เป็นการสนับสนุนผู้ประกอบการที่อยู่ในอาชีพมีรายได้และโอกาสพัฒนาตัวเอง ทั้งหมดนี้เป็นประโยชน์ที่ผู้ใช้บริการจะได้รับ
นอกจากนี้ การออกมารับจ้างผ่านแอปที่มีการวิ่งข้ามเขตต่าง ๆ ก็กระทบปัญหาโซนนิ่งที่เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และกรมฯ ได้ดำเนินการจัดระเบียบ โดยหลังจากมีบริการดังกล่าวได้เรียกผู้บริหารแกร็บไบค์มาพูดคุยทำความเข้าใจแล้ว ซึ่งรับปากว่าจะไม่มีการให้บริการลักษณะดังกล่าว และวันที่ 17 พฤษภาคมนี้ จะมีการเรียกผู้ประกอบการอูเบอร์ไบค์มาทำความเข้าใจ
ทั้งนี้ การดำเนินการลงโทษทางกฎหมายกับรถจักรยานยนต์ที่ใช้ผิดประเภท ผู้ขับขี่จะมีโทษปรับ 2,000 บาท ขณะที่เว็บไซต์ที่ถูกนำมาเป็นสื่อกลางในการประสานงานรับผู้โดยสาร กรมการขนส่งทางบกได้เสนอเรื่องไปยังกระทรวงคมนาคม เพื่อให้พิจารณาดำเนินการลงโทษและเพิ่มโทษให้หนักขึ้น เพื่อป้องปรามปัญหาในอนาคต
ส่วนกรณีประชาชนผู้ใช้บริการเรียกร้องว่าเป็นสิทธิ์ที่สามารถตัดสินใจเรียกใช้บริการมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่เป็นวินหรือผ่านแอปนั้น กรมฯ ขอทำความเข้าใจว่า การใช้บริการของผู้โดยสารหากเรียกใช้บริการที่อยู่นอกระบบก็จะยากต่อการควบคุมมาตรฐาน ซึ่งมีปัญหาหลายประเด็น ไม่ว่าประเด็นผู้ขับขี่จะมีทักษะในการขับเพียงพอที่จะออกมาวิ่งให้บริการหรือไม่ ผู้ขับขี่มีใบขับขี่รถสาธารณะหรือไม่ ตามกฎหมายผู้มีใบขับขี่สาธารณะจะมีมาตรการสอบเข้มข้นมากกว่า รถคันดังกล่าวขึ้นทะเบียนเป็นรถสาธารณะที่มีการตรวจสภาพปีละ 2 ครั้งหรือไม่ รวมทั้งการบันทึกประวัติอาชญากรและอุบัติเหตุต่าง ๆ ที่มีในระบบ มีการทำประกันภัยคุ้มครองผู้โดยสารตามกฎหมายกำหนดหรือไม่ ซึ่งประเด็นเหล่านี้ผู้โดยสารไม่สามารถหาหลักประกันได้จากรถนอกระบบ ไม่รวมถึงประเด็นสำคัญหากใช้รถในระบบที่ถูกต้องก็เป็นการสนับสนุนผู้ประกอบการที่อยู่ในอาชีพมีรายได้และโอกาสพัฒนาตัวเอง ทั้งหมดนี้เป็นประโยชน์ที่ผู้ใช้บริการจะได้รับ