นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ในวันอังคารที่ 10 พ.ค.นี้ จะยื่นหนังสือถึง สตง. เพื่อขอให้เพิ่มผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้ คือรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครอีก 2 คน ได้แก่นายอมร กิจเชวงกุล ในฐานะผู้รับผิดชอบสำนักวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว และนายจุมพล สำเภาพล ในฐานะผู้ลงนามอนุมัติการเบิกงบฉุกเฉิน และจะขอให้ตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างของกทม. อีก 2 โครงการ ที่เป็นการจัดจ้างบริษัทคิวริโอ ทัวร์ แอนด์ แทรเวิล ได้แก่โครงการจัดจ้างผลิตโฆษณา และโครงการจัดซื้อเครื่องดนตรีไทย
จากนั้นจะยื่นเรื่องเพื่อขอให้ สตง. ตรวจสอบ นายจุมพล สำเภาพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่ดูแลสำนักโยธาและสำนักรักษาความสะอาดเพิ่มเติม เนื่องจากพบการดำเนินโครงการจัดซื้อเครื่องสูบน้ำชนิดลากจูง ซึ่งจัดซื้อจากประเทศจีน และมีราคาสูงกว่าเครื่องที่จัดซื้อจากยุโรปกว่าเท่าตัว และยังไม่สามารถใช้รถเล็กหรือรถใหญ่ลากได้ ต้องใช้รถยกแทน ทำให้มีการใช้งานน้อย และโครงการจัดซื้อรถขัดพื้นถนนซึ่งซื้อมาแล้ว 20 คันและกำลังจะจัดซื้อเพิ่มอีก 30 คัน คันละ 6 ล้านบาท ซึ่งไม่มีเหตุผลเพียงพอในการจัดซื้อ
นายวิลาศยังเรียกร้องให้มีการตรวจสอบเส้นทางการเงินของข้าราชการ กทม.ระดับกลางคนหนึ่ง ซึ่งเป็นเส้นทางการเงิน และไม่กังวลเรื่องที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครขู่ว่าจะมีการฟ้องร้อง เพราะไม่เคยกล่าวหาโดยไม่มีหลักฐาน
ส่วนกรณีการเรียกร้องให้ใช้มาตรา 44 ในการสั่งพักงานผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครนั้น นายวิลาศระบุว่า เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานเดียวกันกับการสั่งพักงานผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งทาง สตง. เสนอเรื่องไปยัง พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) เพื่อเสนอ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ส่งต่อให้นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. พิจารณาออกคำสั่งพักงานตามมาตรา 44 ได้
จากนั้นจะยื่นเรื่องเพื่อขอให้ สตง. ตรวจสอบ นายจุมพล สำเภาพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่ดูแลสำนักโยธาและสำนักรักษาความสะอาดเพิ่มเติม เนื่องจากพบการดำเนินโครงการจัดซื้อเครื่องสูบน้ำชนิดลากจูง ซึ่งจัดซื้อจากประเทศจีน และมีราคาสูงกว่าเครื่องที่จัดซื้อจากยุโรปกว่าเท่าตัว และยังไม่สามารถใช้รถเล็กหรือรถใหญ่ลากได้ ต้องใช้รถยกแทน ทำให้มีการใช้งานน้อย และโครงการจัดซื้อรถขัดพื้นถนนซึ่งซื้อมาแล้ว 20 คันและกำลังจะจัดซื้อเพิ่มอีก 30 คัน คันละ 6 ล้านบาท ซึ่งไม่มีเหตุผลเพียงพอในการจัดซื้อ
นายวิลาศยังเรียกร้องให้มีการตรวจสอบเส้นทางการเงินของข้าราชการ กทม.ระดับกลางคนหนึ่ง ซึ่งเป็นเส้นทางการเงิน และไม่กังวลเรื่องที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครขู่ว่าจะมีการฟ้องร้อง เพราะไม่เคยกล่าวหาโดยไม่มีหลักฐาน
ส่วนกรณีการเรียกร้องให้ใช้มาตรา 44 ในการสั่งพักงานผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครนั้น นายวิลาศระบุว่า เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานเดียวกันกับการสั่งพักงานผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งทาง สตง. เสนอเรื่องไปยัง พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) เพื่อเสนอ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ส่งต่อให้นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. พิจารณาออกคำสั่งพักงานตามมาตรา 44 ได้