นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการออกเสียงประชามติ ว่า เมื่อพิจารณาถึงเนื้อหาสาระของกฎหมายประชามติและบรรยากาศของการทำประชามติแล้ว พบว่าเป็นไปในลักษณะให้ข้อมูลด้านเดียวหรือมัดมือชก เพราะมาตรา 10 ของกฎหมายประชามติเปิดโอกาสให้กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) หน่วยงานของรัฐ เจ้าหน้าที่ของรัฐเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญให้ประชาชนทราบได้ โดยไม่ถือว่าเป็นการจูงใจ
นอกจากนี้ ยังให้ข้าราชการของรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน นับแสนคนออกไปอธิบายถึงร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งเชื่อได้ว่าคงออกไปประชาสัมพันธ์ถึงข้อดีของรัฐธรรมนูญ ในขณะที่สภานิติบัญญัติ (สนช.) สามารถประชาสัมพันธ์ถึงข้อดีของคำถามพ่วง ที่ให้วุฒิสมาชิก (ส.ว.) จากการคัดเลือกขั้นสุดท้ายของ คสช.มีสิทธิเลือกนายรัฐมนตรีได้เต็มที่ เช่นเดียวกับ กรธ. แต่ในส่วนของผู้ที่เห็นต่าง ไม่สามารถพูดถึงความเห็นที่แตกต่าง ไม่สามารถพูดถึงข้อเสียในรัฐธรรมนูญ โดยมีหน่วยงานรัฐ เจ้าหน้าที่รัฐ งบประมาณของรัฐร่วมมือสนับสนุน
ทั้งนี้ ขอเรียกร้องว่า ขณะนี้ยังมีเวลาอีกหลายเดือนก่อนถึงวันออกเสียงประชามติ ผู้มีอำนาจในบ้านเมืองและ กกต.ควรใช้ช่วงเวลานี้ทำให้บรรยากาศการทำประชามติเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ เสรี และเป็นธรรม การที่รัฐเอื้อประโยชน์ให้ฝ่ายหนึ่งพูดถึงข้อดีของร่างรัฐธรรมนูญได้ แต่ไม่เอื้อประโยชน์ให้อีกฝ่ายหนึ่งพูดถึงข้อเสียของร่างรัฐธรรมนูญได้ เท่ากับเป็นการมัดมือชก จึงอยากฝากไปถึง กกต.และผู้มีอำนาจในบ้านเมืองว่า สาเหตุส่วนหนึ่งที่ต้องทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ เพราะคนในสังคมมีความเห็นต่างกันในเรื่องเดียวกัน คือ เรื่องรัฐธรรมนูญ การทำประชามติเพื่อหาข้อยุติในความเห็นที่แตกต่างกันจะหาข้อยุติในความเห็นต่างกันได้ ผู้คนจะต้องรู้สึกว่าเป็นข้อยุติที่เป็นธรรมจึงจะยอมรับ ดังนั้น เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ เราจึงควรช่วยกันทำให้เกิดการยอมรับผลของการออกเสียงประชามติ โดยทำให้มีการทำประชามติที่เสรีและเป็นธรรม เปิดโอกาสให้ทั้งฝ่ายที่เห็นชอบ และไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญมีโอกาสถกแถลง แสดงออกด้วยข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วน รอบด้าน อย่างเท่าเทียม
นอกจากนี้ ยังให้ข้าราชการของรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน นับแสนคนออกไปอธิบายถึงร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งเชื่อได้ว่าคงออกไปประชาสัมพันธ์ถึงข้อดีของรัฐธรรมนูญ ในขณะที่สภานิติบัญญัติ (สนช.) สามารถประชาสัมพันธ์ถึงข้อดีของคำถามพ่วง ที่ให้วุฒิสมาชิก (ส.ว.) จากการคัดเลือกขั้นสุดท้ายของ คสช.มีสิทธิเลือกนายรัฐมนตรีได้เต็มที่ เช่นเดียวกับ กรธ. แต่ในส่วนของผู้ที่เห็นต่าง ไม่สามารถพูดถึงความเห็นที่แตกต่าง ไม่สามารถพูดถึงข้อเสียในรัฐธรรมนูญ โดยมีหน่วยงานรัฐ เจ้าหน้าที่รัฐ งบประมาณของรัฐร่วมมือสนับสนุน
ทั้งนี้ ขอเรียกร้องว่า ขณะนี้ยังมีเวลาอีกหลายเดือนก่อนถึงวันออกเสียงประชามติ ผู้มีอำนาจในบ้านเมืองและ กกต.ควรใช้ช่วงเวลานี้ทำให้บรรยากาศการทำประชามติเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ เสรี และเป็นธรรม การที่รัฐเอื้อประโยชน์ให้ฝ่ายหนึ่งพูดถึงข้อดีของร่างรัฐธรรมนูญได้ แต่ไม่เอื้อประโยชน์ให้อีกฝ่ายหนึ่งพูดถึงข้อเสียของร่างรัฐธรรมนูญได้ เท่ากับเป็นการมัดมือชก จึงอยากฝากไปถึง กกต.และผู้มีอำนาจในบ้านเมืองว่า สาเหตุส่วนหนึ่งที่ต้องทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ เพราะคนในสังคมมีความเห็นต่างกันในเรื่องเดียวกัน คือ เรื่องรัฐธรรมนูญ การทำประชามติเพื่อหาข้อยุติในความเห็นที่แตกต่างกันจะหาข้อยุติในความเห็นต่างกันได้ ผู้คนจะต้องรู้สึกว่าเป็นข้อยุติที่เป็นธรรมจึงจะยอมรับ ดังนั้น เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ เราจึงควรช่วยกันทำให้เกิดการยอมรับผลของการออกเสียงประชามติ โดยทำให้มีการทำประชามติที่เสรีและเป็นธรรม เปิดโอกาสให้ทั้งฝ่ายที่เห็นชอบ และไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญมีโอกาสถกแถลง แสดงออกด้วยข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วน รอบด้าน อย่างเท่าเทียม
