พล.ท.วิชัย แชจอหอ แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เรียกประชุมผู้บริหารงานด้านความมั่นคงพื้นที่ 20 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งประกอบด้วยผู้ว่ารองผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 และภาค 4 ผู้บังคับการหน่วยทหารที่ขึ้นตรงกับกองทัพภาคที่ 2 ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทั้งหมดกว่า 300 คน มอบนโยบายในการขับเคลื่อนประเทศไทย ตามโรดแมป 3 ระยะ ของ คสช. และการวางแผนเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งรวมทั้งปัญหาความเดือดร้อนอื่นๆ ของประชาชนในพื้นที่ 20 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
พล.ท.วิชัย กล่าวว่า สำหรับภารกิจของกองทัพภาคที่ 2 ได้ดำเนินงานตามโรดแมป 3 ระยะ ของ คสช.อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันอยู่ในระยะที่ 2 อยู่ระหว่างการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่การปฏิรูปประเทศไทย และส่วนระยะที่ 3 คือการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ ดังนั้นในการประชุมครั้งนี้เน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในแต่ละพื้นที่ ร่วมทำงานแบบบูรณาการ เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์ลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ในวันที่ 7 สิงหาคม 2559 ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยกำชับให้หลักยุทธศาสตร์ประชารัฐ ลงพื้นที่ไปสร้างความรู้ ความเข้าใจ ในเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้กับประชาชนอย่างทั่วถึง ส่วนอำนาจการลงประชามติรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ก็ปล่อยให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจด้วยตัวเอง
ส่วนการเคลื่อนไหวต่อต้านร่างรัฐธรรมนูญในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือนั้น ขณะนี้ยอมรับว่ามีอยู่บ้างเป็นบางกลุ่ม ไม่หนักใจมากนัก เพราะมีกฎหมาย พ.ร.บ.การลงประชามติที่นำมาบังคับใช้ โดยได้สั่งการให้ทุกหน่วยเฝ้าติดตามการเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด เนื่องจากในข้อกฎหมาย ระบุไว้ชัดเจนว่า ถ้าเข้าข่ายชี้นำเพื่อให้มีการคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ ถือว่าผิดกฎหมาย ทางกองทัพภาคที่ 2 ก็พร้อมที่จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวดทันที
พล.ท.วิชัย กล่าวว่า สำหรับภารกิจของกองทัพภาคที่ 2 ได้ดำเนินงานตามโรดแมป 3 ระยะ ของ คสช.อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันอยู่ในระยะที่ 2 อยู่ระหว่างการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่การปฏิรูปประเทศไทย และส่วนระยะที่ 3 คือการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ ดังนั้นในการประชุมครั้งนี้เน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในแต่ละพื้นที่ ร่วมทำงานแบบบูรณาการ เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์ลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ในวันที่ 7 สิงหาคม 2559 ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยกำชับให้หลักยุทธศาสตร์ประชารัฐ ลงพื้นที่ไปสร้างความรู้ ความเข้าใจ ในเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้กับประชาชนอย่างทั่วถึง ส่วนอำนาจการลงประชามติรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ก็ปล่อยให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจด้วยตัวเอง
ส่วนการเคลื่อนไหวต่อต้านร่างรัฐธรรมนูญในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือนั้น ขณะนี้ยอมรับว่ามีอยู่บ้างเป็นบางกลุ่ม ไม่หนักใจมากนัก เพราะมีกฎหมาย พ.ร.บ.การลงประชามติที่นำมาบังคับใช้ โดยได้สั่งการให้ทุกหน่วยเฝ้าติดตามการเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด เนื่องจากในข้อกฎหมาย ระบุไว้ชัดเจนว่า ถ้าเข้าข่ายชี้นำเพื่อให้มีการคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ ถือว่าผิดกฎหมาย ทางกองทัพภาคที่ 2 ก็พร้อมที่จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวดทันที
