นายวิฑูรย์ กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) เปิดเผยถึงปริมาณการจำหน่ายก๊าซปิโตรเลียมเหลว(แอลพีจี)หรือก๊าซหุงต้ม มี.ค.59 เฉลี่ยอยู่ที่ 4.90 แสนตันต่อเดือน เมื่อเทียบกับเดือนก.พ.59 ที่อยู่ 4.82 แสนตันต่อเดือนลดลง 4.74% และเมื่อเทียบกับช่วงเดือน มี.ค.58 ที่ยอดจำหน่ายอยู่ที่ 5.46 แสนตันลดลง 10.34% เมื่อแยกรายสาขาพบว่าการใช้ภาคครัวเรือนอยู่ที่ 1.77 แสนตันต่อเดือนลดลงจาก ก.พ. 5.54% และทรงตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ,ภาคขนส่งอยู่ที่ 1.27 แสนตันต่อเดือนลดลงจาก ก.พ.1.23% และลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน 16.60%, ปิโตรเคมี 1.31 แสนตันต่อเดือนลดลงจากเดือน ก.พ.8.91% ลดจากช่วงเดียวกันปีก่อน 20.50% ส่วนภาคอุตสาหกรรม 5.47 หมื่นตันต่อเดือนเพิ่มขึ้นจาก ก.พ.0.82% และเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 5.44%
นายวิฑูรย์ กล่าวเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากยอดส่งออกที่ลดลง ประกอบกับราคาน้ำมันถูก ผู้ใช้แอลพีจีหันไปใช้น้ำมันมากขึ้นจึงทำให้การใช้หดตัว ส่งผลการนำเข้าอยู่ที่ 2.2 หมื่นตัน เทียบกับ ก.พ.59 ที่การนำเข้าอยู่ที่ 4.47 หมื่นตันต่อเดือนลดลง 53.94% เทียบกับ มี.ค.58 นำเข้าอยู่ที่ 9.3 หมื่นตันลดลง 76.19% ในขณะที่การผลิตเดือนอยู่ที่ 4.52 แสนตันต่อเดือน เมื่อเทียบกับ ก.พ.59 การผลิตอยู่ที่ 4.41 แสนตันต่อเดือนลดลง4.14% เทียบกับ มี.ค.58
สำหรับยอดจำหน่ายก๊าซธรรมชาติเหลวสำหรับยานยนต์หรือ เอ็นจีวี (NGV) เดือน มี.ค.59 อยู่ที่8.47 ล้านกิโลกรัมต่อวัน เทียบกับ ก.พ. 59 อยู่ที่ 8.23 ล้านกก.ต่อวันลดลง 0.24 ล้านกิโลกรัมต่อวัน เทียบกับ มี.ค.58 ที่การจำหน่ายอยู่ที่ 9.16 ล้านกก.ต่อวันลดลง 0.69 ล้านกิโลกรัมต่อวัน ขณะที่จำนวนสถานีบริการเอ็นจีวีอยู่ที่ 488 แห่งเท่ากับเดือนก.พ. 59 และหากเทียบกับเดือน มี.ค. 58 ปั๊มเอ็นจีวีเพิ่มขึ้นมาเพียง 2 แห่ง ส่วนสถานีบริการแอลพีจีเดือน มี.ค.59 อยู่ที่ 2,071 แห่งเทียบกับ ก.พ.59 อยู่ที่ 2,065แห่งเพิ่มขึ้น 6 แห่ง เทียบกับ มี.ค.58 เพิ่มขึ้น 68 แห่ง
ด้านยอดการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงกลุ่มเบนซิน มี.ค.59 อยู่ที่ 28.23 ล้านลิตรต่อวัน เปรียบเทียบกับมี.ค. 58 เพิ่มขึ้น 11.11% ส่วนยอดการใช้ดีเซลรวมอยู่ที่ 64.45 ล้านลิตรต่อวัน เปรียบเทียบกับ มี.ค.58 อยู่ที่ 61.94 ล้านลิตรต่อวันเพิ่มขึ้น 4.54% โดยจะเห็นชัดเจนว่า เมื่อราคาถูกยอดใช้น้ำมันจึงเพิ่มขึ้นและมีการเปลี่ยนจากก๊าซมาเป็นน้ำมันเพิ่มขึ้นด้วย
นายวิฑูรย์ กล่าวเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากยอดส่งออกที่ลดลง ประกอบกับราคาน้ำมันถูก ผู้ใช้แอลพีจีหันไปใช้น้ำมันมากขึ้นจึงทำให้การใช้หดตัว ส่งผลการนำเข้าอยู่ที่ 2.2 หมื่นตัน เทียบกับ ก.พ.59 ที่การนำเข้าอยู่ที่ 4.47 หมื่นตันต่อเดือนลดลง 53.94% เทียบกับ มี.ค.58 นำเข้าอยู่ที่ 9.3 หมื่นตันลดลง 76.19% ในขณะที่การผลิตเดือนอยู่ที่ 4.52 แสนตันต่อเดือน เมื่อเทียบกับ ก.พ.59 การผลิตอยู่ที่ 4.41 แสนตันต่อเดือนลดลง4.14% เทียบกับ มี.ค.58
สำหรับยอดจำหน่ายก๊าซธรรมชาติเหลวสำหรับยานยนต์หรือ เอ็นจีวี (NGV) เดือน มี.ค.59 อยู่ที่8.47 ล้านกิโลกรัมต่อวัน เทียบกับ ก.พ. 59 อยู่ที่ 8.23 ล้านกก.ต่อวันลดลง 0.24 ล้านกิโลกรัมต่อวัน เทียบกับ มี.ค.58 ที่การจำหน่ายอยู่ที่ 9.16 ล้านกก.ต่อวันลดลง 0.69 ล้านกิโลกรัมต่อวัน ขณะที่จำนวนสถานีบริการเอ็นจีวีอยู่ที่ 488 แห่งเท่ากับเดือนก.พ. 59 และหากเทียบกับเดือน มี.ค. 58 ปั๊มเอ็นจีวีเพิ่มขึ้นมาเพียง 2 แห่ง ส่วนสถานีบริการแอลพีจีเดือน มี.ค.59 อยู่ที่ 2,071 แห่งเทียบกับ ก.พ.59 อยู่ที่ 2,065แห่งเพิ่มขึ้น 6 แห่ง เทียบกับ มี.ค.58 เพิ่มขึ้น 68 แห่ง
ด้านยอดการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงกลุ่มเบนซิน มี.ค.59 อยู่ที่ 28.23 ล้านลิตรต่อวัน เปรียบเทียบกับมี.ค. 58 เพิ่มขึ้น 11.11% ส่วนยอดการใช้ดีเซลรวมอยู่ที่ 64.45 ล้านลิตรต่อวัน เปรียบเทียบกับ มี.ค.58 อยู่ที่ 61.94 ล้านลิตรต่อวันเพิ่มขึ้น 4.54% โดยจะเห็นชัดเจนว่า เมื่อราคาถูกยอดใช้น้ำมันจึงเพิ่มขึ้นและมีการเปลี่ยนจากก๊าซมาเป็นน้ำมันเพิ่มขึ้นด้วย