นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้ส่งข้อความผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ถึงผู้ว่าราชการ และนายอำเภอ ทุกจังหวัด เรื่อง “สานพลังประชารัฐ” สู่ “บริษัทประชารัฐรักสามัคคีจังหวัด” เพื่อประชาชนมั่นคงมั่งคั่งและยั่งยืนว่า ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายลดความเหลื่อมล้ำ สร้างรายได้และความเจริญ ความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจให้ครอบคลุมทั้งประเทศโดยให้ภาคเอกชนและประชาสังคมเข้ามามีส่วนร่วมดำเนินการร่วมกับภาครัฐเพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ของประเทศในเรื่อง มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ซึ่ง ครม.ได้มีมติเห็นชอบเมื่อ 15 ธันวาคม ให้มีการแต่งตั้งคณะทำงานร่วมภาครัฐ-เอกชน-ประชาชนในรูปแบบ “สานพลังประชารัฐ” จำนวน 12 คณะ โดยหนึ่งในนั้นคือ คณะทำงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นหัวหน้าทีมภาครัฐ และนายฐาปน สิริวัฒนภักดี บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ เป็นหัวหน้าทีมภาคเอกชน อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชนเป็นเลขานุการ คณะทำงานนี้มีหน้าที่เชื่อมโยงความต้องการที่แท้จริงของหมู่บ้าน ชุมชน สู่กิจกรรมของคณะทำงาน ที่มีเป้าหมายคือเศรษฐกิจชุมชนเข้มแข็ง ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น และมีความสุข
นายกฤษฏาระบุว่า สิ่งที่จะสร้างรายได้ให้ชุมชนได้อย่างยั่งยืนมีอยู่ 3 กลุ่มคือ 1.การเกษตร 2.การแปรูป คือโครงการเอสเอ็มอี และสินค้าโอท็อป 3.การส่งเสริมการท่องเที่ยวหมู่บ้าน ชุมชน โดยมีคณะทำงานขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐส่วนกลาง จะขับเคลื่อนให้บรรลุเป้าหมายด้วยช่วยเหลือให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งทุนหรือปัจจัยการผลิต การบริหารจัดการ การสร้างองค์ความรู้ในการผลิตหรือการประกอบอาชีพ การช่วยเหลือด้านการตลาดและการสื่อสารสร้างการรับรู้
ปลัดกระทรวงมหาดไทยระบุอีกว่า การดำเนินการจะให้มีการจดทะเบียนจัดตั้ง “บริษัทประชารัฐรักสามัคคี… (ชื่อจังหวัด) …จำกัด” ในรูปแบบกิจการหรือธุรกิจเพื่อสังคม ที่ไม่ได้มุ่งหวังกำไรของบริษัทเพียงประการเดียว ทั้งนี้จะระดมผู้ร่วมลงทุนเป็นหุ้นส่วนจากภาคธุรกิจเอกชนในระดับชาติ หรือในพื้นที่ ร่วมกับภาครัฐและประชาชนหรือกลุ่มประชาสังคมตามสภาพปัญหา ความต้องการและศักยภาพของพื้นที่
“ในระดับจังหวัดได้มีการแต่งตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐจังหวัดที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดและภาคเอกชนรวมทั้งภาคประชาสังคมเป็นคณะทำงานทำหน้าที่บูรณาการดำเนินงานในแต่ละจังหวัดโดยจะดำเนินการในพื้นที่ครอบคลุม 18 กลุ่มจังหวัดและกระจายสู่ 76 จังหวัด โดยขณะนี้ได้เริ่มดำเนินการที่จังหวัดภูเก็ต จึงขอให้จังหวัด อำเภอได้ศึกษารูปแบบการดำเนินการดังกล่าวข้างต้นเพื่อนำมาพิจารณาดำเนินการในจังหวัดอำเภอต่อไป” นายกฤษฎาระบุ
นายกฤษฏาระบุว่า สิ่งที่จะสร้างรายได้ให้ชุมชนได้อย่างยั่งยืนมีอยู่ 3 กลุ่มคือ 1.การเกษตร 2.การแปรูป คือโครงการเอสเอ็มอี และสินค้าโอท็อป 3.การส่งเสริมการท่องเที่ยวหมู่บ้าน ชุมชน โดยมีคณะทำงานขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐส่วนกลาง จะขับเคลื่อนให้บรรลุเป้าหมายด้วยช่วยเหลือให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งทุนหรือปัจจัยการผลิต การบริหารจัดการ การสร้างองค์ความรู้ในการผลิตหรือการประกอบอาชีพ การช่วยเหลือด้านการตลาดและการสื่อสารสร้างการรับรู้
ปลัดกระทรวงมหาดไทยระบุอีกว่า การดำเนินการจะให้มีการจดทะเบียนจัดตั้ง “บริษัทประชารัฐรักสามัคคี… (ชื่อจังหวัด) …จำกัด” ในรูปแบบกิจการหรือธุรกิจเพื่อสังคม ที่ไม่ได้มุ่งหวังกำไรของบริษัทเพียงประการเดียว ทั้งนี้จะระดมผู้ร่วมลงทุนเป็นหุ้นส่วนจากภาคธุรกิจเอกชนในระดับชาติ หรือในพื้นที่ ร่วมกับภาครัฐและประชาชนหรือกลุ่มประชาสังคมตามสภาพปัญหา ความต้องการและศักยภาพของพื้นที่
“ในระดับจังหวัดได้มีการแต่งตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐจังหวัดที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดและภาคเอกชนรวมทั้งภาคประชาสังคมเป็นคณะทำงานทำหน้าที่บูรณาการดำเนินงานในแต่ละจังหวัดโดยจะดำเนินการในพื้นที่ครอบคลุม 18 กลุ่มจังหวัดและกระจายสู่ 76 จังหวัด โดยขณะนี้ได้เริ่มดำเนินการที่จังหวัดภูเก็ต จึงขอให้จังหวัด อำเภอได้ศึกษารูปแบบการดำเนินการดังกล่าวข้างต้นเพื่อนำมาพิจารณาดำเนินการในจังหวัดอำเภอต่อไป” นายกฤษฎาระบุ