ชัยนาท - หัวหน้าสำนักงานจังหวัดชัยนาท ในฐานะคณะทำงานและเลขานุการคณะทำงานขับเคลื่อนงานด้านการประชาสัมพันธ์ของจังหวัด ตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แถลงผลการดำเนินงานโครงการตำบลละ 5 ล้าน เบิกจ่ายแล้ว 535 โครงการ งบประมาณกว่า 155 ล้าน
วันนี้ (24 ก.พ.) นายณัฐพล ธานีรัตน์ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดชัยนาท ในฐานะคณะทำงานและเลขานุการคณะทำงานขับเคลื่อนงานด้านการประชาสัมพันธ์ของจังหวัด ตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยคณะทำงานฯ แถลงข่าวความคืบหน้าการดำเนินงานโครงการตามมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล (ตำบลละ 5 ล้านบาท) และสถานการณ์ภัยแล้งในจังหวัดชัยนาท ณ ห้องประชุม Operation War Room ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดชัยนาท
นายณัฐพล ธานีรัตน์ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดชัยนาท กล่าวว่า จังหวัดชัยนาทได้รับอนุมัติจัดสรรงบประมาณโครงการตามมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล (ตำบลละ 5 ล้านบาท) รวม 53 ตำบล จำนวน 825 โครงการ วงเงิน 263,588,400 ล้านบาท จากรายงานของสำนักงานคลังจังหวัดชัยนาท ณ วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2559 การก่อหนี้ผูกพันและการเบิกจ่ายเงินโครงการฯ มีโครงการก่อหนี้ผูกพันแล้ว 801 โครงการ มีการเบิกจ่ายเงินแล้ว 535 โครงการ งบประมาณ 155,397,354 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 58.95 ของงบฯ ที่ได้รับทั้งหมด
โดยในการดำเนินโครงการดังกล่าว จังหวัดได้มีการตั้งคณะทำงานติดตามประเมินผลโครงการฯ ประกอบด้วยทุกภาคส่วนรวม 8 คณะ ออกสุ่มตรวจใน 8 อำเภอ ซึ่งจากการประชุมคณะทำงานติดตามประเมินผลโครงการฯ ของจังหวัด เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2559 คณะทำงานติดตามประเมินผลฯ แต่ละชุดได้ออกสุ่มตรวจติดตามเพื่อให้คำแนะนำ ปรึกษาโดยภาพรวมมีผลการดำเนินโครงการต่างๆ เป็นที่น่าพอใจ แต่ก็พบปัญหาบางพื้นที่บางโครงการหาผู้รับจ้างไม่ได้ จึงยังไม่ได้ก่อหนี้ผูกพันแต่อย่างใด และบางพื้นที่มีการเบิกจ่ายงบประมาณล่าช้า เนื่องจากการตรวจรับงานไม่ตรงตามที่กำหนด ทั้งนี้ คณะทำงานดังกล่าวได้จัดชุดติดตามพิเศษเพื่อลงพื้นที่เพื่อช่วยแก้ไขปัญหา และให้คำแนะนำเป็นกรณีพิเศษ
ด้าน น.ส.สุพัตรา คล้ายทิม หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชัยนาท กล่าวว่า สถานการณ์ภัยแล้งในจังหวัดชัยนาท ขณะนี้ยังไม่มีการประกาศให้พื้นที่ใดเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติแล้ง รวมทั้งยังไม่มีรายงานพื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหายจากสถานการณ์ภัยแล้ง ส่วนน้ำที่ใช้ในการอุปโภคบริโภคยังมีเพียงพอ มีเพียงบางพื้นที่ที่อยู่ห่างไกลจากแหล่งน้ำสาธารณะ ประชาชนเริ่มขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค แต่ทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้นำน้ำไปแจกจ่ายให้แก่ประชาชนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแล้ว