สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องชาวไทยที่รักทุกท่าน เนื่องในวันที่ 2 เมษายน ของทุกปี เป็นวันมหามงคลของปวงชนชาวไทย เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุ 61 พรรษา รัฐบาลขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกหมู่เหล่าพร้อมใจกันน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระพรชัยมงคลแด่พระองค์ พร้อมกันนี้ ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนได้ร่วมกันทำความดีเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ตามโครงการปณิธานความดี ปีมหามงคล ทำดี เริ่มได้ที่ใจเรา ที่ผมเคยกล่าวไปแล้วหลายครั้ง อีกทั้งในปีนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นครองราชย์ครบ 70 ปี และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา และในปีถัดไป ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 90 พรรษา เพื่อถวายเป็นของขวัญและแสดงถึงพลังแห่งความรักและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พสกนิกรไทยจากทั่วทุกภูมิภาคถวายแด่ทุกพระองค์
วันที่ 1 เมษายน ของทุกปี เป็นวันข้าราชการพลเรือน เป็นวันแห่งความภาคภูมิใจ อันที่จริงไม่ว่าจะเป็นข้าราชการประเภทไหน ระดับใด ก็ย่อมมีความสำคัญต่อการบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับพี่น้องประชาชนด้วยกันทั้งสิ้น เพื่อให้ประชาชนทุกกินอิ่ม นอนหลับ สุขภาพดี มีความสุข มีความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ข้าราชการต้องทำทุกวันตราบใดที่ยังอยู่ในราชการ ที่สำคัญข้าราชการทุกแขนงล้วนทำงานต่างพระเนตรพระกรรณในกิจการของพระราชา หรือลดภาระของพระเจ้าแผ่นดิน ดังนั้น ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ในคำว่าข้าราชการนี้ ที่มีทั้งอำนาจ บทบาท หน้าที่ และความรับผิดชอบ ในตัวของมันเองอยู่แล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่ข้าราชการต้องมีจิตสำนึกที่ดี ประพฤติดี อย่างที่เราเรียกว่าธรรมาภิบาล ซึ่งประกอบด้วยหลัก 6 ประการ อยากจะทบทวน ได้แก่ หลักคุณธรรม หลักยุติธรรม หลักความโปร่งใส หลักความมีส่วนร่วม หลักความรับผิดชอบ และหลักความคุ้มค่า
ทั้งนี้ รัฐบาลปัจจุบันได้ยึดถือและนำมาประยุกต์ใช้ในหลักการทำงานร่วมกันในสังคม ที่สำคัญคือคำว่า ประชารัฐ นอกจากจะให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนแล้ว ในการรักษาความสมดุลระหว่างหลักการ 6 ประการ ในทุกมิติ ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม จะทำให้การบริหารราชการแผ่นดินไม่ติดกับดักตัวเอง หรือพบทางตัน ในการนี้ ขอให้ข้าราชการทุกคนได้อัญเชิญยุทธศาตร์พัฒนา เข้าใจ เข้าถึง พัฒนาและหลักการทรงงาน 23 ประการ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็นแนวทางการทำงาน และขอเป็นกำลังใจให้กับพี่้น้องข้าราชการทุกท่าน จงมีความเพียรอันบริสุทธิ์ เอาชนะอุปสรรคการทำงานด้วยปัญญา ทั้งนี้ เพื่อจะช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับพี่น้องประชาชนชาวไทย ให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน
ในฐานะตัวแทนประชาชนชาวไทย และผู้นำประเทศ ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง กับเหตุการณ์ก่อการร้าย ณ เมืองละฮอร์ ประเทศปากีสถาน ที่ก่อให้เกิดความสูญเสีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหยื่อครั้งนี้ มีแต่ความโหดร้าย ไร้มนุษยธรรม เป็นเด็กและผู้หญิง ขณะที่ทุกคนมีความสุขในเทศกาลทางศาสนา ผมขอประณามการกระทำครั้งนี้ และพร้อมร่วมมือกับทุกประเทศ ทุกพันธมิตรในโลกนี้ เพื่อต่อต้านเอาชนะเครือข่ายก่อการร้ายและความรุนแรงต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์
สำหรับประเทศไทยนั้น แม้จะไม่มีคู่ขัดแย้งโดยตรง หรือเป็นเป้าหมายการปฏิบัติการดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ขอให้หน่วยงานด้านความมั่นคง ทุกส่วนราชการ รวมภาคเอกชน บริษัท ห้างร้าน เจ้าของสถานที่สำคัญ แหล่งท่องเที่ยว เวรยามต่างๆ รปภ.ให้ความสำคัญกับมาตรการรักษาความปลอดภัย ทั้งบุคคลแปลกหน้า และสถานที่มีการชุมนุมของคนหมู่มาก เช่น สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในเทศกาลสงกรานต์เหล่านี้ด้วย ขอให้พี่น้องประชาชนทุกคนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความปลอดภัยทางสังคม ระดับประเทศชาติ โดยให้ความสนใจต่อประเทศชาติ อย่าสนใจแต่ตัวเอง พบเห็นสิ่งผิดปกติ หรือบุคคลที่ต้องสงสัย ขอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่โดยตรง ทันทีด้วย
ในเรื่องของทุจริตคอร์รัปชันกัดกร่อนสังคม มาเป็นระยะเวลายาวนาน ในช่วง 3 ปี ที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2556 ถึง ปี 2558 ป.ป.ช. ได้มีการชี้มูลความผิด คดีทุจริต และการร่ำรวยผิดปกติ ไปแล้ว คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย รวมมากกว่า 5 แสนล้านบาท จาก 193 คดี แม้ว่าผลสำรวจสถานการณ์คอรัปชั่นของไทยนั้น โดยมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ระบุว่า สถานการณ์คอร์รัปชันไทย ในปี 2558 ดีที่สุดในรอบ 6 ปีที่ผ่านมา และผลการจัดอันดับดัชนีชีวัดคอรัปชั่นโลกในปี 2558 โดยองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ ได้จัดลำดับประเทศไทยมีความโปร่งใส ขยับขึ้นจากเดิม 9 อันดับ โดยเป็นอันดับที่ 3 ในกลุ่มประเทศอาเซียนรองจากสิงคโปร์ มาเลเซีย และเป็นอันดับ ที่ 76 ของโลก อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้กำหนดให้การปราบปรามการทุจริตเป็นวาระแห่งชาติไปแล้ว ได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น ตั้งใจจริงในการแก้ปัญหาของรัฐบาล แต่ยังคงต้องทำงานหนักร่วมกับศุลกากร และหน่วยงานต่าง ๆ ต่อเนื่อง ทั้งเรื่องการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่สองมาตราฐาน ทั้งการขับเคลื่อนด้านการปฏิรูป และมาตราการต่าง ๆ เพื่อจะต่อสู้กับการทุจริตคอรัปชั่น เช่น การจัดตั้งคณะกรรมการการต่อต้านการทุจริต แห่งชาติ (คตช.) การตั้งคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) การโยกย้ายข้าราชการที่ได้รับการร้องเรียน หรือมีข้อมูลมีพฤติกรรมที่ส่อไปในทางทุจริต เพื่อเปิดโอกาสให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามกระบวนการยุติธรรม และการออก พ.ร.บ.การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ.2558 การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เช่น จีนิวส์ การเปิดให้มีศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ (OSS) ได้แก่ ศูนย์ดำรงธรรม ศูนย์รับเรื่องราวร้องเรียน เพื่อเพิ่มช่องทางการร้องเรียน แจ้งเบาะแส และเข้าถึงประชาชนอย่างใกล้ชิด รวมทั้งได้กำหนดให้มีการทำสัญญาคุณธรรม ที่เรียกว่า IP ในสัญญาจะมีการรับหรือให้สินบน และใช้ระบบคอสต์ (CoST) เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนมีโอกาสเข้ามาตรวจสอบกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เพื่อจะลดช่องทางการหาประโยชน์จากผู้มีอำนาจหรือผู้แอบอ้าง และเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการกำกับดูแล อีกทั้งให้มีการเปิดเผยข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างในระบบเครือข่ายสารสนเทศของกรมบัญชีกลาง สร้างความเชื่อมั่นต่อสาธารณชนอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม การแก้ปัญหาคอร์รัปชันที่ยั่งยืนนั้น เราจำเป็นต้องสร้างจิตสำนึกในการต่อต้านการทุจริตในทุกรูปแบบ คนให้ก็ต้องผิด คนรับก็ต้องผิด ละเลยเพิกเฉยก็ไม่ได้ ช่วยกันกำจัดคนเหล่านี้ออกไป โดยทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย จะต้องช่วยกันเป็นกระบอกเสียงในการเฝ้าระวังให้กับสังคม เป็นตาสับปะรดเสริมเจ้าหน้าที่รัฐ โดยรัฐบาลหวังว่าการใช้หลักสูตร "โตไปไม่โกง" ในโรงเรียนทั่วประเทศ และการรณรงค์ "สำนึกไทยไม่โกง" มีการทำผ่านภาพยนตร์สั้น 4 เรื่อง ได้แก่ คนโกงเราต้องแฉ เรื่องโกงเราต้องแชร์ หรืออีกเรื่องหนึ่ง คือ คนอย่างนี้ก็มีด้วย เรื่องที่สาม คือ ทริปห้องกรง และสี่ คือ กรรมติดจรวด อันนี้ก็เป็นผลงานของคณะ คสช.ที่ช่วยกันตอกย้ำ ปลูกฝังสำนึกและความซื่อสัตย์ให้หยั่งรากลึกลงไปในจิตใจของเยาวชนไทย จะได้พูดคุยกับพ่อแม่ให้ร่วมมือกันด้วย มันจะเป็นรากฐานสำคัญที่จะช่วยบ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้อย่างเข้มแข็งและยั่งยืน ทั้งหมดการจะว่าใครผิดใครถูก หรือทุจริต หรือไม่ทุจริต จำเป็นต้องยึดหลักฐาน ยึดกฎหมายเป็นหลักในการพิจารณา และกำหนดแนวทางที่ถูกต้อง ไม่ใช่ใช้จากคำบอกเล่า เสียงเล่าลือ คำบอก หรือในโซเชียลมีเดียที่กล่าวอ้างกันมากมาย วันนี้ขอให้เข้าใจด้วยว่า ระบบการบริหารราชการแผ่นดิน หรือการที่จะทำให้สังคมเป็นสุขนั้นต้องใช้กฎหมายให้เป็นธรรมให้ชอบธรรม ในการสร้างความเข้มแข็ง ทั้งทางด้านเศรษฐกิจของประเทศด้วย กลไกประชารัฐ อันนี้รัฐบาลพยายามจะส่งเสริมให้เกิดความเชื่อมโยงในเรื่องของห่วงโซ่อุปทาน ทั้งภายใน และภายนอกประเทศในเวลาเดียวกัน เนื่องจากว่าทุกอย่างนั้นจำเป็นต้องขับเคลื่อนประสานสอดคล้องกัน ไม่ว่าใหญ่ กลาง เล็ก ในประเทศ ประเทศเพื่อนบ้าน อาเซียน ประชาคมโลก อื่นๆ เราได้ดำเนินการดังนี้
เรื่องที่ 1.คือการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากในประเทศ ที่มุ่งเน้นการระเบิดจากข้างใน ผมพูดหลายครั้งแล้ว เริ่มจากประชาชน เริ่มจากเกษตรกรไปเป็นกลุ่ม ไปเป็นสหกรณ์ อะไรเหล่านี้ เช่น วันนี้เราสนับสนุนการจัดตั้งกิจการที่เป็นประโยชน์แก่คนในชุมชน หรือที่เรียกว่า วิสาหกิจเพื่อสังคมโซเชียลเอ็นเตอร์ไพรส์เพื่อผลิตสินค้า หรือให้บริการ ส่งเสริมการจ้างงานในท้องถิ่น โดยไม่ได้วางเป้าหมายเพื่อสร้างผลกำไรอย่างเดียว ต้องช่วยกันแก้ปัญหา ช่วยกันพัฒนาชุมชนของตนเอง สังคม หรือสิ่งแวดล้อมที่ใกล้ตัวให้มากที่สุด โดยใช้งบประมาณที่รัฐบาลจัดสรรให้ตามโครงการตำบลละ 5ล้านบาท และกองทุนหมู่บ้าน 1 ล้านบาท มาเสริมกันไป เราไม่สามารถจะให้อะไรต่างๆ มากมายหลายอย่างได้ ทุกคนต้องสร้างความเข้มแข็งด้วยกันที่เรามีอยู่ ก็ใช้อย่างพอเพียง
ทั้งนี้ หลายชุมชนนำไปสร้างร้านค้าชุมชน โรงสีชุมชน ลานตากมัน รวมถึงปั๊มน้ำมัน เครื่องจักรกล โดยชุมชนเป็นเจ้าของร่วมกัน มีการบริหารจัดการกันเอง ทำให้เกิดกำไรและการหมุนเวียนรายได้ มีการนำไปลงทุนเพื่อขยายกิจการ เกษตรกรสามารถนำผลผลิตมาแปรรูป สร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งนับเป็นพื้นฐานของวิสาหกิจเพื่อสังคม ที่รัฐบาลต้องการสนับสนุนเพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งรัฐบาลมีแผนขยายผลสู่กระบวนการให้ความรู้ และพัฒนาสู่กิจการเพื่อสังคม ในรูปแบบองค์กรชุมชน คอมมูนิตี้ โซเชียล เอ็นเตอร์ไพรส์ และพิจารณาการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับกำไรสุทธิของวิสาหกิจ และสิทธิประโยชน์ทางภาษี สำหรับผู้สนับสนุนวิสาหกิจเพื่อสังคมต่อไป
ทั้งนี้ อนาคตอันใกล้ วิสาหกิจเพื่อสังคมแต่ละพื้นที่ จะต้องรวมกลุ่มสร้างความเข้มแข็งร่วมกัน อย่าแยกกันอยู่ รวมกันให้ได้ เราจะเข้มแข็ง ทั้งเรื่องการแลกเปลี่ยนความรู้ ใช้ทรัพยากรร่วมกัน โดยมีหน่วยงานรัฐสนับสนุนตามแนวทางประชารัฐ เราจะยกระดับกลุ่มวิสาหกิจให้เป็นศูนย์ธุรกิจเฉพาะด้าน รัฐบาลขอเชิญชวนให้ภาคเอกชนร่วมสนับสนุนวิสาหกิจชุมชนในรูปแบบต่างๆ เช่น การลงทุนร่วมบริจาคเงิน ทรัพย์สิน รัฐบาลจะพิจารณาสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้ ขณะนี้ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กับกลุ่มธุรกิจที่ปรึกษา ลงพิจารณาดำเนินการที่ จ.ภูเก็ตก่อน ในระยะอันใกล้นี้
เรื่องที่ 2 คือ การขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม โดยอาศัยความสัมพันธ์ และการเชื่อมโยงระหว่างประเทศ เนื่องจากอยู่ห่วงโซ่อุปทานเดียวกัน เช่น ประชาคมอาเซียน หรือกลุ่ม CLMV ที่จะเสริมสร้างความเข้มแข็ง ในภูมิภาคก่อน จากนั้น เราก็ทำคู่ขนานโดยการเชื่อมโยงออกไปภายนอก เช่นในกลุ่ม G77 ในปีนี้ไทยเป็นประธานอยู่ ผมก็ใช้ทุกอย่างขับเคลื่อนทั้งหมดเพื่อที่จะไปเป็นโอกาสในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ พัฒนาเศรษฐกิจยั่งยืนและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ร่วมกัน ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงให้กับประเทศสมาชิก เราจะต้องเข้มแข็งไปพร้อม ๆ กัน ไม่ทิ้งใครไว้้ข้างหลัง
ในการประชุมสุดยอดผู้นำความร่วมมือแม่น้ำโขง แม่น้ำล้านช้าง ที่ผู้ส่งเสริมความมั่นคงทางทรัพยากรน้ำ ในภูมภาค ภายใต้วิสัยทัศน์ แม่น้ำสายเดียวกัน มีอนาคตร่วมกัน หรือ SHARE RIVER, SHARE FUTURE รวมทั้งกรอบความร่วมมือ 5 ด้าน ได้แก่ ด้านอุตสาหกรรม ด้านเศรษฐกิจข้ามพรมแดน ด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ด้านการเกษตร ด้านสังคม ทั้งนี้ เพื่อจะลดความยากจน รวมทั้งกรอบความร่วมมืออื่นๆ ที่ไทยได้เข้ามามีส่วนร่วมด้วย ซึ่งจะทำให้เกิดเครือข่ายทางความร่วมมือ รวมความคิด ร่วมกลุ่ม สร้างความเข้มแข็ง ภายใต้หลักการสำคัญก็คือ ลดความหวาดระแวง ลดความเหลื่อมล้ำ แบ่งปันผลประโยชน์ที่เท่าเทียม ทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน มันจะได้เข้มแข็งไปด้วยกัน ไม่เอาประโยชน์แต่เพียงอย่างเดียว ไม่ทำธุรกิจอย่างเดียวให้ได้กำไรสูงสุด ก็เพื่อนกันทั้งสิ้น เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ในส่วนของการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทาน ทั้งภายในและภายนอกประเทศดังกล่าวนั้น จะนำพาการพัฒนาด้านสังคมและเศรษฐกิจของเราได้อย่างยั่งยืน เพราะมันจำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ตั้งแต่ต้นทาง ก็คือผู้ผลิต เพาะปลูก หรือวัสดุต้นทุน ขั้นที่หนึ่ง ไปสู่การแปรรูป ขั้นที่สอง ที่จะให้มีราคาสูงขึ้น และขั้นที่สาม คือเรื่องของปลายทาง ก็คือเรื่องของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ต้องร่วมมือกันทั้งสามส่วน ถึงจะเรียกว่าเป็นวงจรห่วงโซ่คุณค่า ทั้งในประเทศและต่างประเทศด้วย กับมหามิตรต่างๆ ด้วย
ในการประชุมทุกครั้งที่ต่างประเทศ ผู้นำมักจะมีเวลาที่ค่อนข้างน้อย ผมไปก็ได้มีโอกาสกล่าวถ้อยแถลงในแต่ละวาระการประชุม เนื่องจากมีประเทศที่ไปประชุมหลายประเทศด้วยกัน และเวลาก็มีจำกัด เขาจะกำหนดเวลาให้ประมาณ 3 นาทีบ้าง 5 นาที หรือ 7 นาที อย่างมากก็ไม่เกิน 10 นาที เราก็จำเป็นต้องเตรียมการให้พร้อม ก็ต้องร่างไว้บ้างอะไรไว้บ้าง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมก็ได้ให้แนวทางไว้ทั้งหมดอยู่แล้ว แล้วผมก็ไปพูดเสริมเติมเอาบ้าง ถ้ามีโอกาส ส่วนใหญ่ก็จะกล่าวถึงหลักการ ความร่วมมือ วิสัยทัศน์ ที่ทุกประเทศ ผู้นำประเทศต้องแสดงออกมา และต้องกล่าวให้ตรงประเด็น นอกนั้นก็หากมีโอกาสก็จะเป็นการหารือทวิภาคี หรือพูดคุยในโอกาสต่างๆ ที่ทำได้ กับผู้นำ เช่น ระหว่างงานเลี้ยง เลี้ยงรับรองอะไรต่างๆ ก็แล้วแต่ ก็มีทุกโอกาสที่คุยได้ก็คุย วันนี้เราก็ใกล้ชิดกันมากขึ้น
ในระหว่างการประชุมที่ผ่านมานั้น ผมก็ใช้วิธีนี้ ก็ได้ผลมากพอสมควร และทุกประเทศก็มีความไว้เนื้อเชื่อใจกับผมมากขึ้นจากผู้นำของแต่ละประเทศ
เรื่องปรับทัศนคติ เป็นเรื่องของกฎหมาย ทุกคนต้องรู้กฎหมาย ใครจะบอกไม่รู้กฎหมาย ไม่ได้ รัฐธรรมนูญก็เขียนไว้ ก็เขียนไว้ทั้งหมดนะ คนไทยทุกคนต้องรู้กฎหมาย รู้ข้อห้าม แต่หลายคนก็ยังทำ ทั้งนี้ก็เพื่อมุ่งหมายจะสร้างความขัดแย้ง บิดเบือน โจมตีรัฐบาลในสิ่งที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริง โจมตี คสช. อ้างคำว่าประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน ผมพูดมาหลายครั้งแล้วว่ามันคนละเรื่องกัน ถ้ากฎหมายมีไว้แล้ว แล้วท่านฝ่าฝืน ท่านก็ผิดกฎหมาย เมื่อถูกจับกุมดำเนินคดีท่านก็บอกว่าละเมิดสิทธิมนุษยชน ผมว่ามันไม่น่าใช่นะ ผมก็ได้อธิบายหลายประเทศไปแล้ว เมื่อวานก็อธิบายกับคณะเยี่ยมจากสหรัฐอเมริกาไปแล้ว ว่าเหตุผลของเราในเรื่องของการเชิญมาปรับทัศนคติ เราทำอย่างไร ไม่ใช่เป็นอย่างที่เขาไปกล่าวอ้างกัน หรืออย่างที่มีการล็อบบี้ยิสต์อะไรต่างๆ ในต่างประเทศ ทุกคนทราบดีอยู่แล้ว ทุกคนต้องเข้าใจประเทศไทยว่าเรากำลังทำอะไรกันอยู่ ทำเพื่อคนไทย ทำเพื่ออนาคต ทำเพื่อมิตรประเทศด้วย เพราะว่าเราก็มีการค้าการลงทุนระหว่างกันอยู่แล้ว ถ้าเราทำให้ประเทศเราสงบไม่ได้ ความไว้เนื้อเชื่อใจต่างๆ มันก็ไม่เกิดขึ้น วันนี้สิ่งที่ดีขึ้นก็คือเรื่องความมีเสถียรภาพทางการเมือง ความสงบสุข ไม่มีการใช้กำลังต่อต้านกัน ซึ่งเป็นอันตรายที่สุด ในเรื่องสิทธิมนุษยชนเราอธิบายได้อยู่แล้ว แล้วเราก็ไม่เคยไปทำร้ายคนต่างๆ เหล่านั้น ถ้าผิดจริงๆ มีตามกฎหมายที่มันชัดเจน ก็ต้องส่งดำเนินคดี ส่งตำรวจ ส่งเจ้าหน้าที่ดำเนินการไป ถ้ายังไม่ชัดเจน เพียงแต่ว่าเข้าใจผิด ก็เรียกมาพูดคุย แต่หลายคนก็พูดหลายครั้งแล้ว เรียกหลายครั้งแล้ว ก็ยังไม่เข้าใจ แสดงว่าไม่ได้มีเจตนาอันบริสุทธิ์ในการที่จะวิพากษ์วิจารณ์อย่างที่เขากล่าวอ้าง มันก็จำเป็นต้องตักเตือนกันบ้าง เพราะฉะนั้น คสช.ไม่ได้หมายความว่าใครพูดไม่ได้เลย ผมไม่เห็นคนอื่นเขาเดือดร้อนนี่นะ มีเดือดร้อนอยู่ไม่กี่คน คนทั้งประเทศ 70 ล้าน เขาก็ทำมาหากินอยู่ปกติ ก็มีอยู่ไม่กี่คนที่โวยวาย ร้องอยู่เรื่อย เรื่องประชาธิปไตย เรื่องสิทธิมนุษยชน เรื่องที่บิดเบือนทั้งหมด ผมอยากให้สังคมแยกแยะหน่อยนะครับ คสช.พยายามจะไม่เป็นผู้ที่มาชี้ว่ามันผิดหรือถูกอยู่แล้ว หรือใช้กฎหมายใหม่อะไรมาดำเนินการทั้งสิ้น ไม่ได้ อะไรที่จำเป็น เราก็จำเป็น ที่จะต้องมีกฎหมายที่จะทำให้เกิดความสงบเรียบร้อย นอกนั้นก็เป็นกฎหมายปกติ วันนี้หลายคนที่ดำเนินการอยู่ขณะนี้ ละเมิดทั้งกฎหมายพิเศษ กฎหมายปกติ ทุกอย่าง กฎหมายสังคม ละเมิดทุกอย่าง ผมถามว่าแล้วท่านจะเอายังไง คนที่ชอบฝ่าฝืน ก็ฝ่าฝืนเหมือนเดิม กฎหมายพิเศษก็ไม่ยอม คำสั่งพิเศษก็ไม่ยอมอีก เพราะฉะนั้นคนเหล่านี้ถ้าหากเข้ามาสู่ในการเมือง มันก็ทำให้การเมืองเราเสียหายอีกต่อไป
วันนี้ก็อยากขอให้ทุกคนได้ยึดมั่นในรัฐธรรมนูญที่กำลังจะออกมาให้ทำประชามติ บทเฉพาะกาล หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ออกมา ผมก็จบหน้าที่ของผมในขณะนี้ ท่านก็ไปลงประชามติกัน ท่านต้องการอะไรก็ว่ามา เพียงพอหรือไม่ ผมไม่สามารถจะไปสั่งได้ว่าให้ผ่านหรือไม่ผ่าน เป็นเรื่องของท่านเอง แต่ผมมีความรับผิดชอบว่าผมต้องทำอะไรให้บ้านเมืองเรียบร้อย ผมไม่ปล่อยให้ใครทำตามอำเภอใจอยู่แล้ว วันนี้ที่อดทนอยู่ทุกวันนี้ก็คือว่าไม่อยากให้ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศนี้เดือดร้อน อยากให้ประชาชนเลือกตัดสินใจเอาเอง แล้วก็ไปลงประชามติให้มากที่สุด ผมกะเกณฑ์ไม่ได้อยู่แล้ว แล้วแต่ท่าน
สองปีที่ผ่านมานั้น หลายอย่างเราได้ให้โอกาสในการที่จะทำความเข้าใจ โอกาสในการที่จะสำนึก แต่ไม่เกิดอะไรขึ้นเลย ยังมากเหมือนเดิม ยังทำเหมือนเดิมทุกอย่าง ต่อต้านกฎหมาย หลบหนี บิดเบือน ล็อบบี้ต่างๆ เหล่านี้ไม่เคยยุติทั้งสิ้น ผมถามว่าคนเหล่านี้หากเข้ามาสู่ในวงการเมือง ในการเลือกตั้งในครั้งต่อไป ประเทศชาติจะเกิดอะไรขึ้น ขอให้ประชาชนถามเขาดูด้วยว่า คนเหล่านี้เขาจะทำอะไรต่อไปในสิ่งที่ผมพูดมาแล้ว ผมทำมาตลอด แต่เขาไม่เคยทำ วันนี้ถามเขาด้วยว่า แล้วไอ้ที่มันเสียหายเขาจะทำยังไง เขาจะรับผิดชอบตอนไหน
ฉะนั้นเมื่อเขากลับมาคราวหน้า ใครกลับมาก็แล้วแต่ ถ้าใครมีส่วนเกี่ยวข้องตรงไหน กรุณารับผิดชอบด้วยในทางกฎหมาย ผมคิดว่าเรื่องสำคัญที่สุดวันนี้ น่าสนใจมากกว่าที่ผมจะไปเสียอารมณ์กับเรื่องการเมืองมากๆ ก็คือเรื่องน้ำ ทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม วันนี้มันเป็นปัญหามากที่สุดเลย และหลายๆ คนไม่เข้าใจว่า ทำไมรัฐบาลบริหารจัดการน้ำไม่ได้หรือ หาน้ำมาให้ไม่ได้หรือ ก็มันไม่มีต้นทุนน้ำไง ต้นทุนน้ำมันหายไป ฝนตกน้อยลง ฝนตกใต้เขื่อน ฝนตกน้อย ฤดูฝนสั้น ระบบการกักเก็บน้ำไม่เพียงพอ ระบบการระบายน้ำเวลาน้ำท่วมก็ไม่เพียงพออีก ระบบการส่งน้ำที่จะไปให้ตรงกับพื้นที่การเกษตรก็ไม่มีอีก ไม่ครบ อยู่คนละที่ๆ ไปหมด วันนี้เรากำลังปรับทุกอย่างด้วยคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำ แล้วเดี๋ยวผมจะสรุปให้ดูหนหน้าเราจะมีอะไรเพิ่มเติมมาบ้าง แต่ผมยังยืนยันอยู่ว่า อย่างน้อยมันน่าจะดีกว่าปีที่ผ่านมา หรือหลายๆ ปีที่ผ่านมาที่เราใช้เวลาอันจำกัดเราทำอยู่ในเวลานี้ ที่จะต้องสร้างระบบให้ได้ สร้างพื้นที่ให้ได้ สร้างการปลูกพืชให้ได้ที่ตรงกับความต้องการน้ำ และความต้องการของแต่ละภาคธุรกิจด้วย ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นการรักษาระบบนิเวศเหล่านี้ มันจะต้องมีการประเมิน มีข้อมูลที่ถูกต้อง มันจะได้เป็นตัวเลขบริหารจัดการ ไม่ใช่ต้องบริหารจัดการน้ำเพื่อการเกษตรอย่างเดียว และอย่างอื่นเดือดร้อนทำยังไง ทุกอย่างคือ กลไกของประเทศทั้งสิ้นในการขับเคลื่อนในการที่จะทำให้ประชาชนมีรายได้ มีห่วงโซ่ คุณค่า มูลค่าเพิ่มเติมกันไป และนำสู่การพัฒนาประเทศด้วย
วันนี้ ผมพบปะกับเพื่อนเรา หลายประเทศ เขามีการพูดคุยหารือกันสิ่งสำคัญที่ผมจับได้ วันนี้ ตรงกันกับที่เราคิดไว้คือ เราต้องทำให้คนไทยทุกคนรู้คุณค่าของน้ำมากกว่าเดิม ว่าน้ำทุกหยดที่เรามีอยู่นั้น มีคุณค่ามหาศาล อย่าทิ้งแม้แต่หยดเดียว บางคนทิ้งทั้งขัน ทิ้งเป็นตุ่ม อาบน้ำเหลือเฟือ ปลูกพืชใช้น้ำจนล้น จนเกินจำเป็น อันนี้ ทำให้น้ำลดลง วันหน้าลดลงอีก เราต้องเตรียมการเรื่องการจัดโครงการรีไซเคิลน้ำที่ใช้แล้ว เราน่าจะต้องเริ่มต้นปีนี้ให้ได้ สามารถรีไซเคิลน้ำให้ประมาณ 20-30% ในทุกกิจการ
วันนี้ ทางฝ่ายอุตสาหกรรมของเราทำอยู่ โรงงานอุตสาหกรรมกำลังทำอยู่ เพื่อจะเอาน้ำที่ปรับปรุงแล้วออกมาใช้งานในด้านอื่นๆ ให้ได้ อย่างน้อยก็ทุเลา หรือบรรเทาความขาดแคลนน้ำได้บ้าง แต่ต้องเป็นน้ำที่บริสุทธิ์แล้ว ทำให้สะอาดแล้ว อยากให้ทุกหน่วยศึกษาจากต่างประเทศด้วย หลายประเทศที่ทำอยู่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะประเทศที่ขาดแคลนน้ำ ที่มีทะเลทราย เราดูงานเขามีกี่รอบแล้ว ผมไม่เคยไปด้วยซ้ำ แต่ผมคิดว่าเป็นประโยชน์ ผมอ่านหนังสือที่เขาเขียน ดูรูปที่เขาทำ และเอามาสั่งการให้ทุกกระทรวง ให้ ครม.พิจารณาร่วมกันว่าทำยังไงกันดี เราต้องอาศัยบทเรียนจากประเทศอื่นด้วย เป็นการแลกเปลี่ยน ประสบการณ์
วันนี้ มีสิ่งน่ายินดี เราได้ส่งทีมงานฝนหลวงไปให้คำแนะนำที่ประเทศจอร์แดน ให้รัฐมนตรีฉัตรชัย กระทรวงเกษตรฯ เป็นสัญญาที่เราทำมาร่วมกันกับ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กับกษัตริย์จอร์แดน ตั้งแต่ปี 2552 เขาก็รออยู่ว่าเมื่อไรเราจะไป วันนี้ ผมได้นำสิ่งต่างๆ เหล่านี้ ไปแพร่หลายให้ทุกคนเห็นถึงพระปรีชาของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เราได้ทดลองทำอะไรต่างๆ แล้ว ต้องบอกว่า มันทำได้ในช่วงเวลาหนึ่ง ช่วงที่มีความชื้น ช่วงที่มีเมฆหมอก ไม่ใช่ฝนจะมาได้เมื่อเราทำทุกที่ทุกเวลา มันไม่ใช่ เมื่อในหลวงท่านทรงรับสั่งแล้ว ไปห้วงเวลาที่มีไอน้ำ มีเมฆเพียงพอที่จะกลั่นตัวเป็นหยดน้ำ เราต้องไปเลือกพื้นที่ทำฝนเทียม เดี๋ยวจะไม่เข้าใจกันว่า ทำฝนเทียมแล้วทำไมฝนไม่ตก
ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความชื้นในอากาศด้วย ผมย้อนกลับสู่ว่าเราจะรักษาทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมได้อย่างไร การรักษาป่า รักษาต้นน้ำ ทำฝายขนาดเล็ก เป็นสิ่งที่จะต้องเร่งคิดทำ เรื่องกระบวนการรีไซเคิลต่างๆ เหล่านี้ เครื่องจักรเครื่องไม้เครื่องมีหรือยัง ไปดูงานต่างประเทศ ประเทศใกล้ๆ อันดับหนึ่งในอาเซียนที่มีเศรษฐกิจดี ผมไม่เอ่ยชื่อ เขาทำแล้ว 50 ปี ที่ผ่านมา เขาทำเมื่อ 50 ปี ที่แล้ว เมื่อวานเขารายงานผม เมื่อวันก่อนว่า เริ่มเป็นผลสัมฤทธิ์แล้ว น้ำที่เก็บไว้จืด สามารถใช้ดื่มกินได้แล้ว ในบางพื้นที่ เราไม่เคยคิดอนาคตแบบนี้ก่อนเลย เราแก้เป็นปีๆ ไป แล้ววันหน้าถ้าแก้ไม่ได้ทำยังไง อีก 50 ปี ข้างหน้ามีน้ำใช้ใหม่หรือ แล้ว 50 ปีนี้ ถ้าไม่มีน้ำจะทำยังไง คิดบ้างหรือเปล่า
เพราะฉะนั้น วันนี้รัฐบาลคิดแบบนี้อยู่ อย่าไปสนับสนุนให้ ทุกคนคิดแต่เพียงว่า รัฐบาลต้องหาน้ำให้ได้ หรือรัฐบาลต้องอุดหนุนเวลาที่เสียหายอย่างเดียว โดยไม่สร้างความเข้มแข็ง เหล่านี้มันผิดทั้งหมด เพราะงั้นวันนี้ ผมมอบให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์ พัฒนาด้วย หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปร่วมพิจารณาให้ได้ผลสัมฤทธิ์รวดเร็ว ดูตัวอย่างประเทศใกล้ๆ ก็สิงค์โปร์ หลายประเทศนะ เขาทำอย่างไร เราต้องเตรียมการตั้งแต่วันนี้ ผมเห็นอดีตนักการเมือง อดีตรัฐบาลไปดูงานมาไม่รู้กี่ร้อยครั้ง ไม่เห็นได้อะไรกลับมา ไม่เห็นสิ่งที่ไปดูมาเลย มาทำเลย ไม่รู้ดูอะไร ผมไม่เคยไปด้วยซ้ำ แต่ผมอ่านหนังสือเอา
ผลการดำเนินงานขายได้ ตลาดคลองผดุงกรุงเกษม ช่วงที่ผ่านมานั้น ได้รับความสนใจจากประชาชนทั่วไปจำนวนมาก ในเรื่องของพลังงาน และการวิจัยพัฒนาหลายเรื่อง น่าสนใจ ถ้าทุกคนสนใจบ้าง ฟังผมบ้าง ดูเองบ้าง เห็นด้วยตา หลายอย่างเราทำเองได้ และเราสามารถใช้ในบ้านเรา อาทิ ประหยัดพลังงาน การใช้หลอดไฟที่ไม่ต้องมีสายไฟ ใช้ความร้อนจากตัวคน ทำให้หลอดไฟสว่าง เห็นไหม เป็นเรื่องวิทยาศาสตร์ ทำได้แล้ว หลอดละ 200 กว่าบาท ผมไม่ทราบใครไปซื้อยัง ผมมีหลอด จับแล้วสว่าง และเรื่องการใช้พลังงานที่เป็นเครื่องระบายอากาศแบบหมุนง่ายๆ ที่อยู่ตามโรงงาน เขาดัดแปรงมาสู่เรื่องหมุนไปเปล่าๆ ระบายลมเฉยๆ ขณะที่มันชาร์จไฟไปด้วย เก็บใส่แบต ไฟสว่างกันขึ้นมา เอาไปติด อันละหมื่นกว่าบาทเอง ติดในโรงรถก็ได้ ตรงไหนก็ได้ ที่ไม่ต้องเดินสายไฟ มันใช้พลังลม แบตเตอรี
อันหน้าต้องเร่งรัดในเรื่องเตรียมการรถไฟฟ้าอีกนะ วันนี้ ผมเดินไปข้างหน้าแล้ว เรื่อง สั่งการให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ สำนักงานวิจัยดูเรื่องพลังงานไฮโดรเจนที่จะเอาจากน้ำ เป็นพลังงานไฟฟ้า และไปสู่แบตเตอรี่ใช้ขับเคลื่อนซักอย่างที่ทำได้ ผมเห็นสอนเด็กมานานเรื่องพลังงานไฮโดรเจน เมื่อไรมันจะเกิดซักที ถ้าเราไม่เอาจริงเอาจัง เรื่องเหล่านี้ไม่เกิดหรอก เด็กทำไปเรื่อยๆ วันนี้เหมือนเดิม 5 ปีแล้ว อีก 5 ปี ก็เหมือนเดิม เพราะมันเรียนรู้จากรุ่นเก่า แต่ไม่เคยคิดอะไรใหม่ว่า ต่อยอดได้แล้ว เล็กๆ ทำใหญ่ได้ไหม ต่อไปจากรถเด็กเล่นทำเป็นรถที่มันใช้ประโยชน์ได้บ้างไหม เขาเรียกว่าพัฒนา เรียกว่าสร้างนวัตกรรม ไม่ใช่สอนในหนังสืออย่างเดียวว่า พลังงานไฮโดรเจนมาทำประโยชน์อย่างนี้ มีรถขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ สอนหนังสือแบบนี้ แล้วจะเกิดรถไฮโดรเจนได้เมื่อไร จะไปดวงจันทร์กับเขาได้เมื่อไร ไม่มีไปได้หรอก วิ่งบนโต๊ะหนังสือ ในตำราแค่นั้น
เพราะฉะนั้น ผมอยากให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นเจ้าภาพในการบูรณาการร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์ เพราะเป็นเรื่องการสร้างแนวความคิด ในส่วนการจัดงานช่วงที่ผ่านมา มีเงินทุนหมุนเวียนในงานกว่า 24 ล้านบาท ในเดือนมีนาคม ในช่วงเดือนเมษายนนี้ กระทรวงศึกษาธิการจะเป็นเจ้าภาพ เป็นผู้รับผิดชอบการจัดงาน ในพื้นที่ตลาดคลองผดุง จะใช้ภายใต้แนวคิดการสร้างชาติ ตลาดคลองผดุงสร้างสุข จะแบ่งงานเป็น 3 ช่วง ช่วงแรก วันที่ 1-11 เมษา เป็นการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ซึ่งผลิตและจัดทำโดยนักเรียน นักศึกษา และประชาชนในราคาย่อมเยา วันก่อนเขาให้ผมดูแล้ว ไม่แพง แต่ละชิ้น ผมแนะนำว่า จะต้องสร้างมันจะต้องสร้างรูปแบบใหม่ ให้มันแตกต่างบ้าง ผมเห็นหลายอ่าง ทำมาหลายปี มันควรจะต้องเปลี่ยนแล้ว บางอย่างก็ใช้เกี่ยวกับเรื่องงานสงกรานต์ บางอย่างก็ใช้ปีใหม่ ทำไมเราไม่เอาแนวคิดอันนี้ มาใช้ได้ตลอดไป ปีใหม่ก็คือปีใหม่ สงกรานต์ก็คือ สงกรานต์ แล้วนอกจากนั้นท่านก็เอาสิ่งที่ท่านทำใน 2 วาระมาทำเป็นสินค้า ที่จะขายนักท่องเที่ยว แต่เปลี่ยนรูปแบบให้เล็กลง ใช้วัสดุ อื่นมาเปลี่ยนแปลงรูปแบบต่างๆ เหล่านี้ ดีไซน์ ผมก็พอรู้เรื่อง ผมก็ดูรูปเยอะ หนังสือต่างประเทศ มันจะเกิดแนวความคิด อย่าไปคิดเอง คิดเองบางที มันก็เสียเวลา คิดเองจะรู้ได้ไงว่าใคร ชอบกันแบบไหน โลกวันนี้ชอบแบบไหน กระเป๋าผู้หญิงเขาชอบกันแบบอย่างไร กระเป๋าเอกสารชอบแบบอย่างไร เครื่องแต่งกายเป็นแบบไหน เราก็เอาแบบเอาอัตลักษณ์เราใส่เข้าไป ในประเทศเสื้อที่ผมใส่ ต่างประเทศอาจจะขายได้น้อย เพราะมันไม่ใช่แบบของเขา ทำไมเราไม่เอาผ้าแบบนี้ออกแบบ ให้เป็นโมเดิร์น เป็นสากลเหมือนกับที่หลายๆ แบรนด์เนม เขาคิดออกมา เราก็อย่าไปเลียนแบบเขาก็แล้วกัน เราก็ดูแล้วไปทำ บางอย่างเขาใช้ผ้า บางอย่างเขาใช้หญ้าลิเภา บางอย่างเขาใช้หญ้าแฝก บางอย่างเขาใช้ไม้ไผ่ มีตั้งเยอะแยะไป แล้วก็เอารูปแบบลายดอกไม้ ใส่เข้าไป ประกอบกับส่วนที่เป็นแผ่นใยพลาสติก ต่างๆ มันก็แข็งแรง แล้วรูปร่างก็เป็นสากล แต่วัสดุเป็นของเรา
อีกส่วนหนึ่งก็ทำแบบที่เป็นโบราณกาลมา เป็นโบราณ เป็นอัตลักษณ์ของท้องถิ่น พื้นที่อันนี้ก็ขายในลักษณะที่เป็นเชิงอนุรักษ์ ก็ขายได้ทั้งปี ไม่งั้นก็ขายอยู่ตามวาระ 2-3 วาระเท่านั้นเองที่เหลือก็ว่างงาน ไปทำอะไร รับจ้าง หรือไม่ก็ตีไก่ ตกปลา อะไรไปเรื่อย เอาเวลามาทำพวกนี้ดีกว่านะ หรือไม่ก็ดื่มสุราไม่เกิดประโยชน์ ช่วยกันนะครับ อะไรความสุข ก็คือความสุข ความสุขต้อง ถ้าทำอะไรที่มีความสุขผมไม่ไปห้ามท่าน แต่อย่าผิดกฎหมายหนึ่ง สองความสุขวันนี้อย่าให้เกิดความทุกข์ในวันหน้า ผมก็มีแค่นี้ ผมไม่สามารถจะไปบังคับใครได้อยู่แล้ว ชีวิตเป็นของทุกคน ถ้าไม่รักตัวเองก็ช่วยไม่ได้ จะขับรถเร็ว จะขี่รถกินเหล้าเมาสุรา ไม่มีกฎหมายไหนช่วยให้ท่านไม่ตายได้หรอกนะ ถ้าท่านอยากตายของท่านเอง ท่านก็ฝ่าฝืนเข้าไปสิกฎหมายน่ะ ผมก็รับผิดชอบไม่ได้ ผมมีหน้าที่ในการดูแลให้ปลอดภัยเท่านั้น
เรื่องเทศกาล วันที่ 12-15 นี้ เทศกาลสงกรานต์ จะมีการสรงน้ำพระพุทธรูป รดน้ำดำหัวผู้อาวุโส และก็ร้องเพลงฉ่อยอะไรก็แล้วแต่ ลอยลำในคลองผดุงกรุงเกษมด้วย มีการประกวดร้องเพลงผู้สูงอายุ ประกวดเทพีสงกรานต์ ช่วงสุดท้ายวันที่ 16-24 ก็จัดงาน Back to School จัดจำหน่ายชุดนักเรียน ระดับอนุบาล ระดับมัธยมศึกษา องค์กรการศึกษาที่เกี่ยวข้อง ในราคาที่ย่อมเยา
นอกจากนั้น มีการจัดบูธจำหน่ายสินค้าตามโครงการพระราชดำริ สินค้าจาก อ.ต.ก.ที่มีคุณภาพดี ราคาย่อมเยา ร้านค้าสวัสดิการเพื่อประชาชน และสินค้าประชารัฐด้วย มีหลายอย่างนะครับที่มีการปรับปรุงเป็นนวัตกรรม วันนี้เราทำโอทอประยะที่ 2 แล้ว ก็คือมาตรฐานสูงขึ้นจากเดิมพื้นฐานที่ผ่านมา ผ่านเกณฑ์มาตรฐานขั้นที่ 1 ตอนนี้เป็นขั้นที่ 2 เดี๋ยวอีกระยะหนึ่งผมก็จะดันไปขั้นที่ 3 คือส่งออกต่างประเทศให้ได้ แล้วก็ติดตลาดให้ได้ วันนี้หลายอย่างก็ดีขึ้น ก็อยากให้ทุกคนได้มาศึกษาเรียนรู้ในตลาดคลองผดุงกรุงเกษม มีการดำเนินการต่างๆ มากมายเพื่อให้ประชาชน ทั้งศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน การนวดแผนไทย บริการตัดผม กิจกรรมสาระบันเทิงอื่นๆ ก็ขอให้แต่งกายให้เรียบร้อยด้วย สาระบันเทิง มีเรื่องอีกแล้ว เรื่องของการแสดงดนตรี การละเล่นพื้นบ้านของนักเรียน นักศึกษา อย่าลืมนึกถึงเด็กๆ เขาบ้าง อย่าให้เขาเห็นในสิ่งที่มันไม่ใช่เวลา เขาแยกแยะไม่ออกหรอก เพราะฉะนั้นขอให้ดูแลเยาวชนให้ดี ผู้ใหญ่ต้องดูแลเด็ก อย่ามุ่งหวังธุรกิจหรือเงินทองอย่างเดียว แต่สังคมเสื่อมโทรม จะทำยังไง ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ต้องถูกลงโทษทั้งหมดนะ กฎหมายมีอยู่แล้ว อย่าหากินแบบนี้อีกเลย แต่ไปหากินอย่างอื่น แต่งตัวให้เรียบร้อย จะขายรถ ขายมอเตอร์ไซค์ ขายเครื่องเสียง ก็แต่งตัวให้มันดีกว่านั้นไม่ได้เหรอ ทำไมจะต้องโป๊ด้วย ผมไม่เข้าใจ ถ้าอยากจะทำอย่างนั้นก็อยู่ที่บ้าน จะใส่อะไรก็ได้ เชิญเถอะ
ในเรื่องของการแสดงผลงานวิทยาศาสตร์ของนักเรียน นักศึกษา ฝากให้ผู้สนใจมาชื่นชม แล้วก็ช่วยกันซื้อหาสินค้าราคาถูก ถ้าไม่ถูกก็อย่าซื้อ ก็ซื้อที่มันถูกๆ ที่มีเงิน มีมากใช้มาก มีน้อยใช้น้อย ไม่ใช่อยากได้ไปซะหมดแต่ไม่มีสตางค์ ก็ต้องไปกู้ยืมเขามาอีก เราต้องใช้เงินทองที่มีอยู่อย่างมีภูมิคุ้มกัน คือมีมากใช้มาก มีน้อยใช้น้อย ไม่ใช่มีมากก็ใช้น้อย ใครมีน้อยก็อยากจะใช้มาก มันก็ไปหมด มันก็เป็นหนี้เป็นสินทุกวันอยู่แบบนี้ มีรัฐบาลไหนเคยแนะนำบ้าง เคยสอนให้ทุกคนเอาแนวทางพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาใช้จริงๆ บ้างล่ะ มีมั้ย ไม่มีหรอก
สำหรับเทอมหน้า ก็อยากให้สินค้าเหล่านี้เป็นประโยชน์กับผู้ปกครอง เด็กนักเรียน สิ่งที่ผมต้องการที่ตลาดนี้ไม่ใช่แค่มาขายของอย่างเดียวนะครับ ต้องการสร้างธุรกิจใหม่ ต้องการสร้างการให้คำแนะนำ แก้ไขเรื่องการดีไซน์ การออกแบบ การใช้วัสดุที่มันดูดี การสร้าง story ให้มันมีเรื่องมีราวที่จะขายราคาได้มากขึ้น มีการปรับปรุงมาตรฐาน วัสดุอุปกรณ์ที่ประกอบกับวัสดุต้นแบบ/ต้นทุน เช่น กระเป๋าย่านลิเภา อย่าดูเฉพาะตัวกระเป๋าว่าสวย ท่านต้องดูหูหิ้วด้วย ดูที่เปิดปิด เหล่านี้ให้มันดูเข้าท่าหน่อย ไม่ใช่ว่าอันนี้ทำซะดีเชียว แต่ของพวกนี้ดู ... มันทำให้ราคาตกลงมาทันที ลองดูแบบต่างประเทศเขาบ้าง ไม่เห็นจำเป็นต้องไปใช้ทองใช้เงินอะไรมากนักเลย ถ้ามีของดี ราคาสูง ก็ไปขายตลาดโลก ตลาดอะไร ก็ทำให้มันแพง ตลาดใช้ในประเทศมันก็มีวัสดุอย่างอื่นที่จะมาร่วมใช้ได้ เอามาผสมผสานกันก็ได้ มีวัสดุที่มีต้นกำเนิดหลายๆ ที่ เอามาทำซะ รวมกันซะ ผลิตกระเป๋ามาใบหนึ่ง มาจากทุกพื้นที่ นี่มาจากนี่ นี่มาจากนั่น นี่มาจากนี่ เสร็จแล้วทั้งหมดก็จะมีราคาสูงขึ้น มูลค่าสูงขึ้น เป็นสินค้าชิ้นเดียวในโลก เพราะชิ้นนี้เราทำคนเดียว อีกชิ้นหนึ่งก็ชิ้นเดียวในโลกเหมือนกัน เพราะมันไม่เหมือนกัน รูปแบบ ลายลักษณ์ ความเอาใจใส่อะไรต่างๆ มันต่างกันหมด นี่เขาเรียกว่า story
สำหรับช่วงฤดูร้อน ขอให้เจ้าหน้าที่ของรัฐทุกกระทรวงในพื้นที่ พลเรือน ตำรวจ ทหาร อาสาสมัครต่างๆ ลงพื้นที่ด้วยนะครับ เรื่องของภัยแล้ง เรื่องของไฟไหม้ป่า หมอกควัน เรื่องของไฟไหม้ในอาคาร ไฟไหม้ในชุมชน ผมเห็นมันเกิดขึ้นทุกปี ทั้งๆ ที่รัฐบาลเน้นย้ำ ผมว่าอยู่ที่ประชาชนเป็นหลัก ต้องระวังภัยของตัวเองก่อน เจ้าหน้าที่ต้องมีความพร้อม นอกจากเรื่องไฟ เรื่องอะไรเหล่านี้แล้ว ก็ยังมีเรื่องโรคระบาด แล้วก็การดูแลสุขภาพ ในช่วงนี้ ก็อาจมีฝนตกบ้าง ไม่ตกบ้าง เพราะว่าอากาศมันเปลี่ยนแปลง เพราะอย่างนั้น ช่วยกันดูแลสุขภาพ เด็กก็ดูแลมากหน่อย คนแก่ก็ดูแลมากมากสักนิดหนึ่ง คนแข็งแรงก็ดูแลคนอื่นเขาด้วย
ไม่ว่าจะเป็นป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ อาคารบ้านเรือน สิ่งผุพัง ไม่จำเป็น ไม่ใช้ก็รื้อทิ้งไป จะเหลือไว้ทำไมไม่รู้ เหลือไว้ทับคนตายหรือไง ให้ กทม. ให้เทศบาล อปท. หรือใคร มหาดไทย ช่วยกันสำรวจ อะไรที่ไม่ได้ใช้รื้อทิ้งให้หมด บ้านเมืองก็ดูทรุดโทรมอยู่แล้วด้วย ถ้ามันของที่ไม่ได้ใช้อยู่ พวกขายของข้างทางเลิกขายไปโกฏิปีแล้วมั้ง ยังอยู่เลย แล้วก็เป็นภาพที่ไม่น่าดู เวลาใครเขาผ่านไปผ่านมา ต่างประเทศเขานั่งรถมา เขารู้เลยตรงไหนไทย ตรงไหนประเทศเขา ประเทศเขาสะอาดหน่อย พอเข้าไทยจะรู้แล้วมีเพิงเหล่านี้อยู่ข้างถนน อายเขาไหม ทำซะบ้าง หน้าบ้านไม่ใช่ดีแต่ในบ้าน หรือหลังบ้าน หน้าบ้านรับแขก ช่วยกันทำหน่อย ต้องของคุณนะครับ ส่วนใหญ่ทำอยู่แล้ว ขยะทิ้งให้มันถููกที่ แยกขยะทำหรือยัง ทิ้งเรื่อยเปื่อยไปเรื่อย ไม่ลงถัง ไม่ลงที่ โทษเจ้าหน้าที่เขาไม่เก็บ เขาไม่อยากเก็บเท่าไหร่ เพราะมันสกปรก เพราะท่านยังแยกขยะให้เขาไม่ได้ ไปทำใหม่ ท่านยังอยากได้ทุกอย่าง เรื่องค่าใช้จ่ายขยะ ไม่ได้มากมายนัก ท่านก็บอกว่ามันแพงเกินไป แล้วท่านจะเอาอะไร ไม่นึกถึงคนที่เขาทำอาชีพเหล่านี้ ว่าเขาลำบากไหม เขาต้องทำสิ่งที่สกปรกที่ท่านทิ้งไว้ ถ้าท่านทิ้งให้มันถูกที่ถูกทาง แยกขยะให้มันมีมูลค่า มันก็เหลือขยะที่เขามาเก็บ ที่มันไม่สะอาดน้อยลง เขาก็พึงพอใจ เต็มใจเก็บให้ท่าน มันต้องพึ่งพา อาศัยวันนี้พายุฤดูร้อนมันก็มากขึ้น หน้านี้เป็นหน้าร้อนใช่ไหม ก่อนหน้าฝนมันก็มีพายุฤดูร้อน ขอให้ระมัดระวัง ตรวจสอบบ้านให้มั่นคง ไม่ใช่บ้านโย้เย้ แล้วก็ไม่ตรวจสอบ บ้านก็พังทับลงมาก็ตายอีก ทุกคนชอบปล่อยปละละเลยตามนิสัย สบายๆ เพลงสบายๆ ชอบฟัง แล้วก็ลำบากทีหลังทุกที เพลงเขาดีอยู่แล้ว ขอให้ปลอดภัยทุกคน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม จุดเสี่ยงทุกจุด ตรงไหนมันเสี่ยง ตรงไหนมีน้ำลึก ตรงไหนมีดิน หน้าผาชันก็บอกเด็ก
ผมเห็นลูกหลานจมน้ำตายเยอะแยะไปหมด ทุกอาทิตย์นะ ทำไมไม่เตือน ทำไมไม่ทำเครื่องหมาย ไม่มีที่กั้น แล้วท่านก็ดูแลลูกไม่ได้เพราะว่าต้องหาเงินเลี้ยงลูก ลูกก็เล็กไม่รู้เรื่องเดินไป เดินมา เผลอๆ ตกน้ำตายอีก หรือก็ไปเล่นน้ำ ท่านก็ไปเขียนป้ายปักไว้ซะหน่อยว่าน้ำลึกกี่เมตร แค่นี้ท่านยังไม่ทำเลย และท่านจะเรียกร้องให้ใครทำ ที่ขุดก็ขุดกันเองทั้งนั้น บางที่ที่จมน้ำตายเป็นแหล่งน้ำไร่นาของท่าน แหล่งธรรมชาติบ้าง เด็กไม่รู้ลึกแค่ไหน ถ้าไม่เขียนป้าย น้ำลึกระมัดระวัง ห้ามเล่น 5 เมตร 7 เมตร 10 เมตร เขียนไปซิ เด็กอ่านหนังสือออกนะ ผมพูดมากหาว่าผมพูดเยอะ ผมไมพูดแล้วใครพูด ทุกวัน และโทษว่ารัฐบาลไม่ดูแล มันใช่ไหม ผมพูดปวดหัวนะ ไม่ใช่ไม่ปวด คนฟังก็ไม่ได้ปวดหัวกับผม ทนฟังหน่อย ชีวิตท่านผมไม่ได้ทำเพื่อใคร ไม่รักตัวเองช่างท่าน
เราต้องใช้มาตรการเชิงรุก ป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายก่อนเกิดเหตุการณ์ขึ้นจากน้ำธรรมชาติ ฝนเทียม ที่อาจเกิดขึ้นได้ต้องเตรียมพื้นที่แหล่งน้ำให้เหมาะสม เก็บน้ำให้มากที่สุด สำรองไว้ ถ้าฝนมาล่าช้าจะได้ไม่มีปัญหา พอฝนช้า ก็รอฝนเดือนพฤษภาฯ มิถุนาฯ มาแล้ว ไม่ต้องเก็บหรอก ปล่อยทิ้งใช้ไป ให้รัฐบาลรับผิดชอบ และยังไง ผมผลิตน้ำเองได้ก็ดี ผมกินน้ำต้องระวัง กินอย่างประหยัด กินตามความจำเป็น ให้กินเท่าไหร่ กินเท่านั้น เททิ้งขว้าง กินครึ่งทิ้งครึ่งไม่ได้ คงไม่ต้องถึงขนาดลดการดื่มน้ำหรอก คงใช้อย่างอื่นให้น้อยลง ต้องระวังตัวเองด้วย ติดตามประกาศกรมอุตุฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประมงพื้นบ้าน เรือขนาดเล็ก เขาเตือนฟังบ้าง ถ้าจะบอกว่า ถ้าไม่ทำไม่มีจะกิน จะเอายังไง ต้องฟังเขา ทุกอย่างมันต้องปลอดภัยเป็นหลัก มีปัญหาบอกศูนย์ดำรงธรรม ออกเรือไม่ได้ทำยังไง ผู้ว่าฯ แก้ปัญหาได้ไหม หางานหาการได้ไหม ผู้ว่าฯ รับผิดชอบทุกเรื่อง อย่าให้มีเรื่องร้องเรียนมากนัก ในทุกพื้นที่ ทุกจังหวัด ทุกอำเภอ ต้องมีคนรับผิดชอบ ไม่อย่างนั้นจะตั้งกันไว้ทำไม ทั้งส่วนกลาง ภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น คนมหาศาล ประชาชนก็อีกเยอะช่วยกันสิครับ เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เรือท่องเที่ยวก็เหมือนกันอย่ามักง่ายบรรทุกเกินจำนวน ฝนแรง ลมแรงก็ยังวิ่งอีกก็ให้นักท่องเที่ยวเขาอยู่ไปก่อน อยู่จนกว่าคลื่นลมจะสงบ และการเดินทางทะเลเวลากลางคืน ถ้าเป็นเรือขนาดเล็ก ผมว่าไม่จำเป็นอย่าไปเดินเลย ไม่รู้มันจะ... เจออะไรขึ้นมามันก็ช่วยกันไม่ได้ มืดมองอะไรไม่เห็นไง ผมจะบอกให้ผูกเชือกทุกคนโยงเอาไว้มันก็ไม่ได้อีก เดี๋ยวได้ตายพร้อมกันไปอีก ทำยังไงก็ได้ไปคิดมาสิครับ ไปคิดมาๆ ทุกอย่างมันอยู่ที่ความคิดสติปัญญา อย่าให้คนอื่นเขาต้องมาทำให้มากนักเลยแล้วกัน ผมยินดีทำให้ทุกอย่าง แต่บางอย่างทำไม่ได้ก็ต้องช่วยผม ไม่อย่างนั้นกลับมารัฐบาล รัฐบาลนายกฯ หัวหน้า คสช. ผมทำให้ท่านเกิน 100 อยู่แล้ววันนี้ ไม่ต้องกลัวหรอก อะไรทำได้ ผมทำเต็มที่ อดทนฟังผมบ่นหน่อยแล้วกัน บ่นไม่ได้บ่นตัวเอง ผมบ่นเพราะสอนแนะนำท่าน ไม่ได้สอน แนะนำ
ต่อไปนี้ถ้าเรือท่องเที่ยว รถทัวร์ รถโดยสาร เกิดอุบัติเหตุด้วยความประมาททำคนตาย ผมจะลงโทษอย่างหนัก ผมใช้อำนาจผมนี่แหละ ไม่กลัวก็ตามใจ ท่านอยากตายของท่านๆ ก็ไปขับรถคนเดียวที่บ้าน ลูกเมียก็ลำบากเรื่องของท่าน แต่ท่านอย่าพาคนอื่นเขาไปตายด้วย นั่นแหละสำคัญ ผมต้องดูแลคนส่วนใหญ่ ให้ทุกคนคำนึงถึงความปลอดภัย ทุกคนมีความรับผิดชอบด้วย ไม่ใช่รับผิดชอบครอบครัวตัวเอง หาเงินหาทองใช้ คนอื่นช่างมัน อย่าเลย อย่าเป็นมนุษย์เลย ต้องเป็นมนุษย์ เป็นคนคิดแบบคนเขาคิด ชูชีพก็ต้องพร้อม รถไฟ รถไฟฟ้า อะไรก็แล้วแต่มันต้องมีมาตรการความปลอดภัย ไม่ใช่วัวหายล้อมคอกทุกที เวลาที่มันเกิดเหตุการณ์ขึ้นมา ทุกคนก็ตื่นตระหนกหมด พอแพนนิกขึ้นมา แล้วจะอยู่ไหมล่ะ ถ้าคุณไม่บอกเขาก่อนว่าทำยังไงถึงจะปลอดภัย ถ้ากระจกมันเปิดไม่ได้ จะต้องมีเขียนคำแนะนำเป็นตัวใหญ่ไว้ข้างตู้ ไม่รู้อะผมไม่ได้ขึ้นมานานแล้ว แต่ถ้าไม่เขียนถือว่าผิดหนักเลย คำแนะนำบอกเขายัง ถ้าบอกทีหลังมันจะไปเกิดประโยชน์อะไรก็คนมันเดือดร้อนไปแล้ว ดีมันไม่ตาย ผมคิดว่าทุกอย่างต้องคิดเชิงรุก ในเชิงป้องกันให้มากที่สุด ถ้าไม่คิดก็อย่ามาทำงานเหล่านี้เลยในการให้บริการประชาชน เรื่องกฎหมายกำหนดไว้ก็เท่านั้นแหละ อย่าให้ผมจะออกกฎหมายเพิ่มเติมอีกเลย ผมว่าพอเพียงแล้วแหละ ขอให้ทำตามกฎหมายเดิมที่มีอยู่มันก็แก้ไขไปได้ 90% แล้ว วันนี้ไม่ค่อยทำกัน ประมาททุกคนเลยที่ตายๆ ไป ไอ้คนอยู่ต้องต่อสู้กันไปอีก ต่อสู้กับคดี ต่อสู้เยอะแยะไปหมด ทุกคดีไม่ต้องห่วงรื้อทุกคดี คดีเก่า คดีใหม่ คดีที่ประชาชนเดือดร้อน สังคมเดือดร้อน ผมทำให้หมด ผมสั่งตำรวจ สั่งฝ่ายความมั่นคงไปเรียบร้อยหมดแล้ว บอกให้ไปติดตามเรื่องเหล่านี้ คดีที่มันหมดอายุความ หมดเพราะอะไร ใครต้องรับผิดชอบ รื้อทั้งหมด ไม่อย่างนั้นมันก็เป็นอยู่แบบนี้ คงเดือดร้อนกันบ้างแหละ ผมไม่ได้แกล้งใครก็แล้วกัน เพราะมันเกิดขึ้นมาแล้วก่อนสมัยผมด้วย ผมต้องทำให้ได้แค่นั้นเอง ตราบที่ผมมีเวลาอยู่ ขอบคุณนะครับ ขอให้ทุกคนมีความสุข สวัสดีและปลอดภัยในวันเสาร์ อาทิตย์ ขับรถระมัดระวัง อย่าไปดื่มเหล้าดื่มสุรา ขับรถเร็ว และผมเห็นข่าวทุกวัน ผมเสียใจทุกวัน พ่อแม่พี่น้องตาย รถเสีย ฝรั่งเดือดร้อน โอ้ยทำไมไม่คิดล่ะว่า ทำยังไงมันจะปลอดภัย ถ้าทุกคนคิดว่าทำยังไงจะปลอดภัย ทำยังไงตัวเองจะปลอดภัย ผู้โดยสารจะปลอดภัย ครอบครัวจะปลอดภัย คิดแค่นี้มันก็ไม่ตายแล้วแหละ แต่ถ้าไม่คิดก็ตาย ไม่รู้จะช่วยยังไง สวดมนต์ ก็เหลือสวดมนต์แล้ว เตรียมทำบุญไปให้แล้วกัน ผมจำเป็นต้องพูดแรงนะเรื่องเหล่านี้ เพราะผมสงสารพ่อแม่พี่น้องที่เสียชีวิต ขอบคุณนะครับ สวัสดีครับ
วันที่ 1 เมษายน ของทุกปี เป็นวันข้าราชการพลเรือน เป็นวันแห่งความภาคภูมิใจ อันที่จริงไม่ว่าจะเป็นข้าราชการประเภทไหน ระดับใด ก็ย่อมมีความสำคัญต่อการบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับพี่น้องประชาชนด้วยกันทั้งสิ้น เพื่อให้ประชาชนทุกกินอิ่ม นอนหลับ สุขภาพดี มีความสุข มีความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ข้าราชการต้องทำทุกวันตราบใดที่ยังอยู่ในราชการ ที่สำคัญข้าราชการทุกแขนงล้วนทำงานต่างพระเนตรพระกรรณในกิจการของพระราชา หรือลดภาระของพระเจ้าแผ่นดิน ดังนั้น ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ในคำว่าข้าราชการนี้ ที่มีทั้งอำนาจ บทบาท หน้าที่ และความรับผิดชอบ ในตัวของมันเองอยู่แล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่ข้าราชการต้องมีจิตสำนึกที่ดี ประพฤติดี อย่างที่เราเรียกว่าธรรมาภิบาล ซึ่งประกอบด้วยหลัก 6 ประการ อยากจะทบทวน ได้แก่ หลักคุณธรรม หลักยุติธรรม หลักความโปร่งใส หลักความมีส่วนร่วม หลักความรับผิดชอบ และหลักความคุ้มค่า
ทั้งนี้ รัฐบาลปัจจุบันได้ยึดถือและนำมาประยุกต์ใช้ในหลักการทำงานร่วมกันในสังคม ที่สำคัญคือคำว่า ประชารัฐ นอกจากจะให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนแล้ว ในการรักษาความสมดุลระหว่างหลักการ 6 ประการ ในทุกมิติ ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม จะทำให้การบริหารราชการแผ่นดินไม่ติดกับดักตัวเอง หรือพบทางตัน ในการนี้ ขอให้ข้าราชการทุกคนได้อัญเชิญยุทธศาตร์พัฒนา เข้าใจ เข้าถึง พัฒนาและหลักการทรงงาน 23 ประการ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็นแนวทางการทำงาน และขอเป็นกำลังใจให้กับพี่้น้องข้าราชการทุกท่าน จงมีความเพียรอันบริสุทธิ์ เอาชนะอุปสรรคการทำงานด้วยปัญญา ทั้งนี้ เพื่อจะช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับพี่น้องประชาชนชาวไทย ให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน
ในฐานะตัวแทนประชาชนชาวไทย และผู้นำประเทศ ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง กับเหตุการณ์ก่อการร้าย ณ เมืองละฮอร์ ประเทศปากีสถาน ที่ก่อให้เกิดความสูญเสีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหยื่อครั้งนี้ มีแต่ความโหดร้าย ไร้มนุษยธรรม เป็นเด็กและผู้หญิง ขณะที่ทุกคนมีความสุขในเทศกาลทางศาสนา ผมขอประณามการกระทำครั้งนี้ และพร้อมร่วมมือกับทุกประเทศ ทุกพันธมิตรในโลกนี้ เพื่อต่อต้านเอาชนะเครือข่ายก่อการร้ายและความรุนแรงต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์
สำหรับประเทศไทยนั้น แม้จะไม่มีคู่ขัดแย้งโดยตรง หรือเป็นเป้าหมายการปฏิบัติการดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ขอให้หน่วยงานด้านความมั่นคง ทุกส่วนราชการ รวมภาคเอกชน บริษัท ห้างร้าน เจ้าของสถานที่สำคัญ แหล่งท่องเที่ยว เวรยามต่างๆ รปภ.ให้ความสำคัญกับมาตรการรักษาความปลอดภัย ทั้งบุคคลแปลกหน้า และสถานที่มีการชุมนุมของคนหมู่มาก เช่น สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในเทศกาลสงกรานต์เหล่านี้ด้วย ขอให้พี่น้องประชาชนทุกคนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความปลอดภัยทางสังคม ระดับประเทศชาติ โดยให้ความสนใจต่อประเทศชาติ อย่าสนใจแต่ตัวเอง พบเห็นสิ่งผิดปกติ หรือบุคคลที่ต้องสงสัย ขอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่โดยตรง ทันทีด้วย
ในเรื่องของทุจริตคอร์รัปชันกัดกร่อนสังคม มาเป็นระยะเวลายาวนาน ในช่วง 3 ปี ที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2556 ถึง ปี 2558 ป.ป.ช. ได้มีการชี้มูลความผิด คดีทุจริต และการร่ำรวยผิดปกติ ไปแล้ว คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย รวมมากกว่า 5 แสนล้านบาท จาก 193 คดี แม้ว่าผลสำรวจสถานการณ์คอรัปชั่นของไทยนั้น โดยมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ระบุว่า สถานการณ์คอร์รัปชันไทย ในปี 2558 ดีที่สุดในรอบ 6 ปีที่ผ่านมา และผลการจัดอันดับดัชนีชีวัดคอรัปชั่นโลกในปี 2558 โดยองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ ได้จัดลำดับประเทศไทยมีความโปร่งใส ขยับขึ้นจากเดิม 9 อันดับ โดยเป็นอันดับที่ 3 ในกลุ่มประเทศอาเซียนรองจากสิงคโปร์ มาเลเซีย และเป็นอันดับ ที่ 76 ของโลก อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้กำหนดให้การปราบปรามการทุจริตเป็นวาระแห่งชาติไปแล้ว ได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น ตั้งใจจริงในการแก้ปัญหาของรัฐบาล แต่ยังคงต้องทำงานหนักร่วมกับศุลกากร และหน่วยงานต่าง ๆ ต่อเนื่อง ทั้งเรื่องการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่สองมาตราฐาน ทั้งการขับเคลื่อนด้านการปฏิรูป และมาตราการต่าง ๆ เพื่อจะต่อสู้กับการทุจริตคอรัปชั่น เช่น การจัดตั้งคณะกรรมการการต่อต้านการทุจริต แห่งชาติ (คตช.) การตั้งคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) การโยกย้ายข้าราชการที่ได้รับการร้องเรียน หรือมีข้อมูลมีพฤติกรรมที่ส่อไปในทางทุจริต เพื่อเปิดโอกาสให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามกระบวนการยุติธรรม และการออก พ.ร.บ.การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ.2558 การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เช่น จีนิวส์ การเปิดให้มีศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ (OSS) ได้แก่ ศูนย์ดำรงธรรม ศูนย์รับเรื่องราวร้องเรียน เพื่อเพิ่มช่องทางการร้องเรียน แจ้งเบาะแส และเข้าถึงประชาชนอย่างใกล้ชิด รวมทั้งได้กำหนดให้มีการทำสัญญาคุณธรรม ที่เรียกว่า IP ในสัญญาจะมีการรับหรือให้สินบน และใช้ระบบคอสต์ (CoST) เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนมีโอกาสเข้ามาตรวจสอบกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เพื่อจะลดช่องทางการหาประโยชน์จากผู้มีอำนาจหรือผู้แอบอ้าง และเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการกำกับดูแล อีกทั้งให้มีการเปิดเผยข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างในระบบเครือข่ายสารสนเทศของกรมบัญชีกลาง สร้างความเชื่อมั่นต่อสาธารณชนอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม การแก้ปัญหาคอร์รัปชันที่ยั่งยืนนั้น เราจำเป็นต้องสร้างจิตสำนึกในการต่อต้านการทุจริตในทุกรูปแบบ คนให้ก็ต้องผิด คนรับก็ต้องผิด ละเลยเพิกเฉยก็ไม่ได้ ช่วยกันกำจัดคนเหล่านี้ออกไป โดยทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย จะต้องช่วยกันเป็นกระบอกเสียงในการเฝ้าระวังให้กับสังคม เป็นตาสับปะรดเสริมเจ้าหน้าที่รัฐ โดยรัฐบาลหวังว่าการใช้หลักสูตร "โตไปไม่โกง" ในโรงเรียนทั่วประเทศ และการรณรงค์ "สำนึกไทยไม่โกง" มีการทำผ่านภาพยนตร์สั้น 4 เรื่อง ได้แก่ คนโกงเราต้องแฉ เรื่องโกงเราต้องแชร์ หรืออีกเรื่องหนึ่ง คือ คนอย่างนี้ก็มีด้วย เรื่องที่สาม คือ ทริปห้องกรง และสี่ คือ กรรมติดจรวด อันนี้ก็เป็นผลงานของคณะ คสช.ที่ช่วยกันตอกย้ำ ปลูกฝังสำนึกและความซื่อสัตย์ให้หยั่งรากลึกลงไปในจิตใจของเยาวชนไทย จะได้พูดคุยกับพ่อแม่ให้ร่วมมือกันด้วย มันจะเป็นรากฐานสำคัญที่จะช่วยบ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้อย่างเข้มแข็งและยั่งยืน ทั้งหมดการจะว่าใครผิดใครถูก หรือทุจริต หรือไม่ทุจริต จำเป็นต้องยึดหลักฐาน ยึดกฎหมายเป็นหลักในการพิจารณา และกำหนดแนวทางที่ถูกต้อง ไม่ใช่ใช้จากคำบอกเล่า เสียงเล่าลือ คำบอก หรือในโซเชียลมีเดียที่กล่าวอ้างกันมากมาย วันนี้ขอให้เข้าใจด้วยว่า ระบบการบริหารราชการแผ่นดิน หรือการที่จะทำให้สังคมเป็นสุขนั้นต้องใช้กฎหมายให้เป็นธรรมให้ชอบธรรม ในการสร้างความเข้มแข็ง ทั้งทางด้านเศรษฐกิจของประเทศด้วย กลไกประชารัฐ อันนี้รัฐบาลพยายามจะส่งเสริมให้เกิดความเชื่อมโยงในเรื่องของห่วงโซ่อุปทาน ทั้งภายใน และภายนอกประเทศในเวลาเดียวกัน เนื่องจากว่าทุกอย่างนั้นจำเป็นต้องขับเคลื่อนประสานสอดคล้องกัน ไม่ว่าใหญ่ กลาง เล็ก ในประเทศ ประเทศเพื่อนบ้าน อาเซียน ประชาคมโลก อื่นๆ เราได้ดำเนินการดังนี้
เรื่องที่ 1.คือการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากในประเทศ ที่มุ่งเน้นการระเบิดจากข้างใน ผมพูดหลายครั้งแล้ว เริ่มจากประชาชน เริ่มจากเกษตรกรไปเป็นกลุ่ม ไปเป็นสหกรณ์ อะไรเหล่านี้ เช่น วันนี้เราสนับสนุนการจัดตั้งกิจการที่เป็นประโยชน์แก่คนในชุมชน หรือที่เรียกว่า วิสาหกิจเพื่อสังคมโซเชียลเอ็นเตอร์ไพรส์เพื่อผลิตสินค้า หรือให้บริการ ส่งเสริมการจ้างงานในท้องถิ่น โดยไม่ได้วางเป้าหมายเพื่อสร้างผลกำไรอย่างเดียว ต้องช่วยกันแก้ปัญหา ช่วยกันพัฒนาชุมชนของตนเอง สังคม หรือสิ่งแวดล้อมที่ใกล้ตัวให้มากที่สุด โดยใช้งบประมาณที่รัฐบาลจัดสรรให้ตามโครงการตำบลละ 5ล้านบาท และกองทุนหมู่บ้าน 1 ล้านบาท มาเสริมกันไป เราไม่สามารถจะให้อะไรต่างๆ มากมายหลายอย่างได้ ทุกคนต้องสร้างความเข้มแข็งด้วยกันที่เรามีอยู่ ก็ใช้อย่างพอเพียง
ทั้งนี้ หลายชุมชนนำไปสร้างร้านค้าชุมชน โรงสีชุมชน ลานตากมัน รวมถึงปั๊มน้ำมัน เครื่องจักรกล โดยชุมชนเป็นเจ้าของร่วมกัน มีการบริหารจัดการกันเอง ทำให้เกิดกำไรและการหมุนเวียนรายได้ มีการนำไปลงทุนเพื่อขยายกิจการ เกษตรกรสามารถนำผลผลิตมาแปรรูป สร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งนับเป็นพื้นฐานของวิสาหกิจเพื่อสังคม ที่รัฐบาลต้องการสนับสนุนเพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งรัฐบาลมีแผนขยายผลสู่กระบวนการให้ความรู้ และพัฒนาสู่กิจการเพื่อสังคม ในรูปแบบองค์กรชุมชน คอมมูนิตี้ โซเชียล เอ็นเตอร์ไพรส์ และพิจารณาการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับกำไรสุทธิของวิสาหกิจ และสิทธิประโยชน์ทางภาษี สำหรับผู้สนับสนุนวิสาหกิจเพื่อสังคมต่อไป
ทั้งนี้ อนาคตอันใกล้ วิสาหกิจเพื่อสังคมแต่ละพื้นที่ จะต้องรวมกลุ่มสร้างความเข้มแข็งร่วมกัน อย่าแยกกันอยู่ รวมกันให้ได้ เราจะเข้มแข็ง ทั้งเรื่องการแลกเปลี่ยนความรู้ ใช้ทรัพยากรร่วมกัน โดยมีหน่วยงานรัฐสนับสนุนตามแนวทางประชารัฐ เราจะยกระดับกลุ่มวิสาหกิจให้เป็นศูนย์ธุรกิจเฉพาะด้าน รัฐบาลขอเชิญชวนให้ภาคเอกชนร่วมสนับสนุนวิสาหกิจชุมชนในรูปแบบต่างๆ เช่น การลงทุนร่วมบริจาคเงิน ทรัพย์สิน รัฐบาลจะพิจารณาสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้ ขณะนี้ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กับกลุ่มธุรกิจที่ปรึกษา ลงพิจารณาดำเนินการที่ จ.ภูเก็ตก่อน ในระยะอันใกล้นี้
เรื่องที่ 2 คือ การขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม โดยอาศัยความสัมพันธ์ และการเชื่อมโยงระหว่างประเทศ เนื่องจากอยู่ห่วงโซ่อุปทานเดียวกัน เช่น ประชาคมอาเซียน หรือกลุ่ม CLMV ที่จะเสริมสร้างความเข้มแข็ง ในภูมิภาคก่อน จากนั้น เราก็ทำคู่ขนานโดยการเชื่อมโยงออกไปภายนอก เช่นในกลุ่ม G77 ในปีนี้ไทยเป็นประธานอยู่ ผมก็ใช้ทุกอย่างขับเคลื่อนทั้งหมดเพื่อที่จะไปเป็นโอกาสในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ พัฒนาเศรษฐกิจยั่งยืนและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ร่วมกัน ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงให้กับประเทศสมาชิก เราจะต้องเข้มแข็งไปพร้อม ๆ กัน ไม่ทิ้งใครไว้้ข้างหลัง
ในการประชุมสุดยอดผู้นำความร่วมมือแม่น้ำโขง แม่น้ำล้านช้าง ที่ผู้ส่งเสริมความมั่นคงทางทรัพยากรน้ำ ในภูมภาค ภายใต้วิสัยทัศน์ แม่น้ำสายเดียวกัน มีอนาคตร่วมกัน หรือ SHARE RIVER, SHARE FUTURE รวมทั้งกรอบความร่วมมือ 5 ด้าน ได้แก่ ด้านอุตสาหกรรม ด้านเศรษฐกิจข้ามพรมแดน ด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ด้านการเกษตร ด้านสังคม ทั้งนี้ เพื่อจะลดความยากจน รวมทั้งกรอบความร่วมมืออื่นๆ ที่ไทยได้เข้ามามีส่วนร่วมด้วย ซึ่งจะทำให้เกิดเครือข่ายทางความร่วมมือ รวมความคิด ร่วมกลุ่ม สร้างความเข้มแข็ง ภายใต้หลักการสำคัญก็คือ ลดความหวาดระแวง ลดความเหลื่อมล้ำ แบ่งปันผลประโยชน์ที่เท่าเทียม ทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน มันจะได้เข้มแข็งไปด้วยกัน ไม่เอาประโยชน์แต่เพียงอย่างเดียว ไม่ทำธุรกิจอย่างเดียวให้ได้กำไรสูงสุด ก็เพื่อนกันทั้งสิ้น เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ในส่วนของการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทาน ทั้งภายในและภายนอกประเทศดังกล่าวนั้น จะนำพาการพัฒนาด้านสังคมและเศรษฐกิจของเราได้อย่างยั่งยืน เพราะมันจำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ตั้งแต่ต้นทาง ก็คือผู้ผลิต เพาะปลูก หรือวัสดุต้นทุน ขั้นที่หนึ่ง ไปสู่การแปรรูป ขั้นที่สอง ที่จะให้มีราคาสูงขึ้น และขั้นที่สาม คือเรื่องของปลายทาง ก็คือเรื่องของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ต้องร่วมมือกันทั้งสามส่วน ถึงจะเรียกว่าเป็นวงจรห่วงโซ่คุณค่า ทั้งในประเทศและต่างประเทศด้วย กับมหามิตรต่างๆ ด้วย
ในการประชุมทุกครั้งที่ต่างประเทศ ผู้นำมักจะมีเวลาที่ค่อนข้างน้อย ผมไปก็ได้มีโอกาสกล่าวถ้อยแถลงในแต่ละวาระการประชุม เนื่องจากมีประเทศที่ไปประชุมหลายประเทศด้วยกัน และเวลาก็มีจำกัด เขาจะกำหนดเวลาให้ประมาณ 3 นาทีบ้าง 5 นาที หรือ 7 นาที อย่างมากก็ไม่เกิน 10 นาที เราก็จำเป็นต้องเตรียมการให้พร้อม ก็ต้องร่างไว้บ้างอะไรไว้บ้าง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมก็ได้ให้แนวทางไว้ทั้งหมดอยู่แล้ว แล้วผมก็ไปพูดเสริมเติมเอาบ้าง ถ้ามีโอกาส ส่วนใหญ่ก็จะกล่าวถึงหลักการ ความร่วมมือ วิสัยทัศน์ ที่ทุกประเทศ ผู้นำประเทศต้องแสดงออกมา และต้องกล่าวให้ตรงประเด็น นอกนั้นก็หากมีโอกาสก็จะเป็นการหารือทวิภาคี หรือพูดคุยในโอกาสต่างๆ ที่ทำได้ กับผู้นำ เช่น ระหว่างงานเลี้ยง เลี้ยงรับรองอะไรต่างๆ ก็แล้วแต่ ก็มีทุกโอกาสที่คุยได้ก็คุย วันนี้เราก็ใกล้ชิดกันมากขึ้น
ในระหว่างการประชุมที่ผ่านมานั้น ผมก็ใช้วิธีนี้ ก็ได้ผลมากพอสมควร และทุกประเทศก็มีความไว้เนื้อเชื่อใจกับผมมากขึ้นจากผู้นำของแต่ละประเทศ
เรื่องปรับทัศนคติ เป็นเรื่องของกฎหมาย ทุกคนต้องรู้กฎหมาย ใครจะบอกไม่รู้กฎหมาย ไม่ได้ รัฐธรรมนูญก็เขียนไว้ ก็เขียนไว้ทั้งหมดนะ คนไทยทุกคนต้องรู้กฎหมาย รู้ข้อห้าม แต่หลายคนก็ยังทำ ทั้งนี้ก็เพื่อมุ่งหมายจะสร้างความขัดแย้ง บิดเบือน โจมตีรัฐบาลในสิ่งที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริง โจมตี คสช. อ้างคำว่าประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน ผมพูดมาหลายครั้งแล้วว่ามันคนละเรื่องกัน ถ้ากฎหมายมีไว้แล้ว แล้วท่านฝ่าฝืน ท่านก็ผิดกฎหมาย เมื่อถูกจับกุมดำเนินคดีท่านก็บอกว่าละเมิดสิทธิมนุษยชน ผมว่ามันไม่น่าใช่นะ ผมก็ได้อธิบายหลายประเทศไปแล้ว เมื่อวานก็อธิบายกับคณะเยี่ยมจากสหรัฐอเมริกาไปแล้ว ว่าเหตุผลของเราในเรื่องของการเชิญมาปรับทัศนคติ เราทำอย่างไร ไม่ใช่เป็นอย่างที่เขาไปกล่าวอ้างกัน หรืออย่างที่มีการล็อบบี้ยิสต์อะไรต่างๆ ในต่างประเทศ ทุกคนทราบดีอยู่แล้ว ทุกคนต้องเข้าใจประเทศไทยว่าเรากำลังทำอะไรกันอยู่ ทำเพื่อคนไทย ทำเพื่ออนาคต ทำเพื่อมิตรประเทศด้วย เพราะว่าเราก็มีการค้าการลงทุนระหว่างกันอยู่แล้ว ถ้าเราทำให้ประเทศเราสงบไม่ได้ ความไว้เนื้อเชื่อใจต่างๆ มันก็ไม่เกิดขึ้น วันนี้สิ่งที่ดีขึ้นก็คือเรื่องความมีเสถียรภาพทางการเมือง ความสงบสุข ไม่มีการใช้กำลังต่อต้านกัน ซึ่งเป็นอันตรายที่สุด ในเรื่องสิทธิมนุษยชนเราอธิบายได้อยู่แล้ว แล้วเราก็ไม่เคยไปทำร้ายคนต่างๆ เหล่านั้น ถ้าผิดจริงๆ มีตามกฎหมายที่มันชัดเจน ก็ต้องส่งดำเนินคดี ส่งตำรวจ ส่งเจ้าหน้าที่ดำเนินการไป ถ้ายังไม่ชัดเจน เพียงแต่ว่าเข้าใจผิด ก็เรียกมาพูดคุย แต่หลายคนก็พูดหลายครั้งแล้ว เรียกหลายครั้งแล้ว ก็ยังไม่เข้าใจ แสดงว่าไม่ได้มีเจตนาอันบริสุทธิ์ในการที่จะวิพากษ์วิจารณ์อย่างที่เขากล่าวอ้าง มันก็จำเป็นต้องตักเตือนกันบ้าง เพราะฉะนั้น คสช.ไม่ได้หมายความว่าใครพูดไม่ได้เลย ผมไม่เห็นคนอื่นเขาเดือดร้อนนี่นะ มีเดือดร้อนอยู่ไม่กี่คน คนทั้งประเทศ 70 ล้าน เขาก็ทำมาหากินอยู่ปกติ ก็มีอยู่ไม่กี่คนที่โวยวาย ร้องอยู่เรื่อย เรื่องประชาธิปไตย เรื่องสิทธิมนุษยชน เรื่องที่บิดเบือนทั้งหมด ผมอยากให้สังคมแยกแยะหน่อยนะครับ คสช.พยายามจะไม่เป็นผู้ที่มาชี้ว่ามันผิดหรือถูกอยู่แล้ว หรือใช้กฎหมายใหม่อะไรมาดำเนินการทั้งสิ้น ไม่ได้ อะไรที่จำเป็น เราก็จำเป็น ที่จะต้องมีกฎหมายที่จะทำให้เกิดความสงบเรียบร้อย นอกนั้นก็เป็นกฎหมายปกติ วันนี้หลายคนที่ดำเนินการอยู่ขณะนี้ ละเมิดทั้งกฎหมายพิเศษ กฎหมายปกติ ทุกอย่าง กฎหมายสังคม ละเมิดทุกอย่าง ผมถามว่าแล้วท่านจะเอายังไง คนที่ชอบฝ่าฝืน ก็ฝ่าฝืนเหมือนเดิม กฎหมายพิเศษก็ไม่ยอม คำสั่งพิเศษก็ไม่ยอมอีก เพราะฉะนั้นคนเหล่านี้ถ้าหากเข้ามาสู่ในการเมือง มันก็ทำให้การเมืองเราเสียหายอีกต่อไป
วันนี้ก็อยากขอให้ทุกคนได้ยึดมั่นในรัฐธรรมนูญที่กำลังจะออกมาให้ทำประชามติ บทเฉพาะกาล หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ออกมา ผมก็จบหน้าที่ของผมในขณะนี้ ท่านก็ไปลงประชามติกัน ท่านต้องการอะไรก็ว่ามา เพียงพอหรือไม่ ผมไม่สามารถจะไปสั่งได้ว่าให้ผ่านหรือไม่ผ่าน เป็นเรื่องของท่านเอง แต่ผมมีความรับผิดชอบว่าผมต้องทำอะไรให้บ้านเมืองเรียบร้อย ผมไม่ปล่อยให้ใครทำตามอำเภอใจอยู่แล้ว วันนี้ที่อดทนอยู่ทุกวันนี้ก็คือว่าไม่อยากให้ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศนี้เดือดร้อน อยากให้ประชาชนเลือกตัดสินใจเอาเอง แล้วก็ไปลงประชามติให้มากที่สุด ผมกะเกณฑ์ไม่ได้อยู่แล้ว แล้วแต่ท่าน
สองปีที่ผ่านมานั้น หลายอย่างเราได้ให้โอกาสในการที่จะทำความเข้าใจ โอกาสในการที่จะสำนึก แต่ไม่เกิดอะไรขึ้นเลย ยังมากเหมือนเดิม ยังทำเหมือนเดิมทุกอย่าง ต่อต้านกฎหมาย หลบหนี บิดเบือน ล็อบบี้ต่างๆ เหล่านี้ไม่เคยยุติทั้งสิ้น ผมถามว่าคนเหล่านี้หากเข้ามาสู่ในวงการเมือง ในการเลือกตั้งในครั้งต่อไป ประเทศชาติจะเกิดอะไรขึ้น ขอให้ประชาชนถามเขาดูด้วยว่า คนเหล่านี้เขาจะทำอะไรต่อไปในสิ่งที่ผมพูดมาแล้ว ผมทำมาตลอด แต่เขาไม่เคยทำ วันนี้ถามเขาด้วยว่า แล้วไอ้ที่มันเสียหายเขาจะทำยังไง เขาจะรับผิดชอบตอนไหน
ฉะนั้นเมื่อเขากลับมาคราวหน้า ใครกลับมาก็แล้วแต่ ถ้าใครมีส่วนเกี่ยวข้องตรงไหน กรุณารับผิดชอบด้วยในทางกฎหมาย ผมคิดว่าเรื่องสำคัญที่สุดวันนี้ น่าสนใจมากกว่าที่ผมจะไปเสียอารมณ์กับเรื่องการเมืองมากๆ ก็คือเรื่องน้ำ ทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม วันนี้มันเป็นปัญหามากที่สุดเลย และหลายๆ คนไม่เข้าใจว่า ทำไมรัฐบาลบริหารจัดการน้ำไม่ได้หรือ หาน้ำมาให้ไม่ได้หรือ ก็มันไม่มีต้นทุนน้ำไง ต้นทุนน้ำมันหายไป ฝนตกน้อยลง ฝนตกใต้เขื่อน ฝนตกน้อย ฤดูฝนสั้น ระบบการกักเก็บน้ำไม่เพียงพอ ระบบการระบายน้ำเวลาน้ำท่วมก็ไม่เพียงพออีก ระบบการส่งน้ำที่จะไปให้ตรงกับพื้นที่การเกษตรก็ไม่มีอีก ไม่ครบ อยู่คนละที่ๆ ไปหมด วันนี้เรากำลังปรับทุกอย่างด้วยคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำ แล้วเดี๋ยวผมจะสรุปให้ดูหนหน้าเราจะมีอะไรเพิ่มเติมมาบ้าง แต่ผมยังยืนยันอยู่ว่า อย่างน้อยมันน่าจะดีกว่าปีที่ผ่านมา หรือหลายๆ ปีที่ผ่านมาที่เราใช้เวลาอันจำกัดเราทำอยู่ในเวลานี้ ที่จะต้องสร้างระบบให้ได้ สร้างพื้นที่ให้ได้ สร้างการปลูกพืชให้ได้ที่ตรงกับความต้องการน้ำ และความต้องการของแต่ละภาคธุรกิจด้วย ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นการรักษาระบบนิเวศเหล่านี้ มันจะต้องมีการประเมิน มีข้อมูลที่ถูกต้อง มันจะได้เป็นตัวเลขบริหารจัดการ ไม่ใช่ต้องบริหารจัดการน้ำเพื่อการเกษตรอย่างเดียว และอย่างอื่นเดือดร้อนทำยังไง ทุกอย่างคือ กลไกของประเทศทั้งสิ้นในการขับเคลื่อนในการที่จะทำให้ประชาชนมีรายได้ มีห่วงโซ่ คุณค่า มูลค่าเพิ่มเติมกันไป และนำสู่การพัฒนาประเทศด้วย
วันนี้ ผมพบปะกับเพื่อนเรา หลายประเทศ เขามีการพูดคุยหารือกันสิ่งสำคัญที่ผมจับได้ วันนี้ ตรงกันกับที่เราคิดไว้คือ เราต้องทำให้คนไทยทุกคนรู้คุณค่าของน้ำมากกว่าเดิม ว่าน้ำทุกหยดที่เรามีอยู่นั้น มีคุณค่ามหาศาล อย่าทิ้งแม้แต่หยดเดียว บางคนทิ้งทั้งขัน ทิ้งเป็นตุ่ม อาบน้ำเหลือเฟือ ปลูกพืชใช้น้ำจนล้น จนเกินจำเป็น อันนี้ ทำให้น้ำลดลง วันหน้าลดลงอีก เราต้องเตรียมการเรื่องการจัดโครงการรีไซเคิลน้ำที่ใช้แล้ว เราน่าจะต้องเริ่มต้นปีนี้ให้ได้ สามารถรีไซเคิลน้ำให้ประมาณ 20-30% ในทุกกิจการ
วันนี้ ทางฝ่ายอุตสาหกรรมของเราทำอยู่ โรงงานอุตสาหกรรมกำลังทำอยู่ เพื่อจะเอาน้ำที่ปรับปรุงแล้วออกมาใช้งานในด้านอื่นๆ ให้ได้ อย่างน้อยก็ทุเลา หรือบรรเทาความขาดแคลนน้ำได้บ้าง แต่ต้องเป็นน้ำที่บริสุทธิ์แล้ว ทำให้สะอาดแล้ว อยากให้ทุกหน่วยศึกษาจากต่างประเทศด้วย หลายประเทศที่ทำอยู่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะประเทศที่ขาดแคลนน้ำ ที่มีทะเลทราย เราดูงานเขามีกี่รอบแล้ว ผมไม่เคยไปด้วยซ้ำ แต่ผมคิดว่าเป็นประโยชน์ ผมอ่านหนังสือที่เขาเขียน ดูรูปที่เขาทำ และเอามาสั่งการให้ทุกกระทรวง ให้ ครม.พิจารณาร่วมกันว่าทำยังไงกันดี เราต้องอาศัยบทเรียนจากประเทศอื่นด้วย เป็นการแลกเปลี่ยน ประสบการณ์
วันนี้ มีสิ่งน่ายินดี เราได้ส่งทีมงานฝนหลวงไปให้คำแนะนำที่ประเทศจอร์แดน ให้รัฐมนตรีฉัตรชัย กระทรวงเกษตรฯ เป็นสัญญาที่เราทำมาร่วมกันกับ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กับกษัตริย์จอร์แดน ตั้งแต่ปี 2552 เขาก็รออยู่ว่าเมื่อไรเราจะไป วันนี้ ผมได้นำสิ่งต่างๆ เหล่านี้ ไปแพร่หลายให้ทุกคนเห็นถึงพระปรีชาของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เราได้ทดลองทำอะไรต่างๆ แล้ว ต้องบอกว่า มันทำได้ในช่วงเวลาหนึ่ง ช่วงที่มีความชื้น ช่วงที่มีเมฆหมอก ไม่ใช่ฝนจะมาได้เมื่อเราทำทุกที่ทุกเวลา มันไม่ใช่ เมื่อในหลวงท่านทรงรับสั่งแล้ว ไปห้วงเวลาที่มีไอน้ำ มีเมฆเพียงพอที่จะกลั่นตัวเป็นหยดน้ำ เราต้องไปเลือกพื้นที่ทำฝนเทียม เดี๋ยวจะไม่เข้าใจกันว่า ทำฝนเทียมแล้วทำไมฝนไม่ตก
ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความชื้นในอากาศด้วย ผมย้อนกลับสู่ว่าเราจะรักษาทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมได้อย่างไร การรักษาป่า รักษาต้นน้ำ ทำฝายขนาดเล็ก เป็นสิ่งที่จะต้องเร่งคิดทำ เรื่องกระบวนการรีไซเคิลต่างๆ เหล่านี้ เครื่องจักรเครื่องไม้เครื่องมีหรือยัง ไปดูงานต่างประเทศ ประเทศใกล้ๆ อันดับหนึ่งในอาเซียนที่มีเศรษฐกิจดี ผมไม่เอ่ยชื่อ เขาทำแล้ว 50 ปี ที่ผ่านมา เขาทำเมื่อ 50 ปี ที่แล้ว เมื่อวานเขารายงานผม เมื่อวันก่อนว่า เริ่มเป็นผลสัมฤทธิ์แล้ว น้ำที่เก็บไว้จืด สามารถใช้ดื่มกินได้แล้ว ในบางพื้นที่ เราไม่เคยคิดอนาคตแบบนี้ก่อนเลย เราแก้เป็นปีๆ ไป แล้ววันหน้าถ้าแก้ไม่ได้ทำยังไง อีก 50 ปี ข้างหน้ามีน้ำใช้ใหม่หรือ แล้ว 50 ปีนี้ ถ้าไม่มีน้ำจะทำยังไง คิดบ้างหรือเปล่า
เพราะฉะนั้น วันนี้รัฐบาลคิดแบบนี้อยู่ อย่าไปสนับสนุนให้ ทุกคนคิดแต่เพียงว่า รัฐบาลต้องหาน้ำให้ได้ หรือรัฐบาลต้องอุดหนุนเวลาที่เสียหายอย่างเดียว โดยไม่สร้างความเข้มแข็ง เหล่านี้มันผิดทั้งหมด เพราะงั้นวันนี้ ผมมอบให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์ พัฒนาด้วย หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปร่วมพิจารณาให้ได้ผลสัมฤทธิ์รวดเร็ว ดูตัวอย่างประเทศใกล้ๆ ก็สิงค์โปร์ หลายประเทศนะ เขาทำอย่างไร เราต้องเตรียมการตั้งแต่วันนี้ ผมเห็นอดีตนักการเมือง อดีตรัฐบาลไปดูงานมาไม่รู้กี่ร้อยครั้ง ไม่เห็นได้อะไรกลับมา ไม่เห็นสิ่งที่ไปดูมาเลย มาทำเลย ไม่รู้ดูอะไร ผมไม่เคยไปด้วยซ้ำ แต่ผมอ่านหนังสือเอา
ผลการดำเนินงานขายได้ ตลาดคลองผดุงกรุงเกษม ช่วงที่ผ่านมานั้น ได้รับความสนใจจากประชาชนทั่วไปจำนวนมาก ในเรื่องของพลังงาน และการวิจัยพัฒนาหลายเรื่อง น่าสนใจ ถ้าทุกคนสนใจบ้าง ฟังผมบ้าง ดูเองบ้าง เห็นด้วยตา หลายอย่างเราทำเองได้ และเราสามารถใช้ในบ้านเรา อาทิ ประหยัดพลังงาน การใช้หลอดไฟที่ไม่ต้องมีสายไฟ ใช้ความร้อนจากตัวคน ทำให้หลอดไฟสว่าง เห็นไหม เป็นเรื่องวิทยาศาสตร์ ทำได้แล้ว หลอดละ 200 กว่าบาท ผมไม่ทราบใครไปซื้อยัง ผมมีหลอด จับแล้วสว่าง และเรื่องการใช้พลังงานที่เป็นเครื่องระบายอากาศแบบหมุนง่ายๆ ที่อยู่ตามโรงงาน เขาดัดแปรงมาสู่เรื่องหมุนไปเปล่าๆ ระบายลมเฉยๆ ขณะที่มันชาร์จไฟไปด้วย เก็บใส่แบต ไฟสว่างกันขึ้นมา เอาไปติด อันละหมื่นกว่าบาทเอง ติดในโรงรถก็ได้ ตรงไหนก็ได้ ที่ไม่ต้องเดินสายไฟ มันใช้พลังลม แบตเตอรี
อันหน้าต้องเร่งรัดในเรื่องเตรียมการรถไฟฟ้าอีกนะ วันนี้ ผมเดินไปข้างหน้าแล้ว เรื่อง สั่งการให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ สำนักงานวิจัยดูเรื่องพลังงานไฮโดรเจนที่จะเอาจากน้ำ เป็นพลังงานไฟฟ้า และไปสู่แบตเตอรี่ใช้ขับเคลื่อนซักอย่างที่ทำได้ ผมเห็นสอนเด็กมานานเรื่องพลังงานไฮโดรเจน เมื่อไรมันจะเกิดซักที ถ้าเราไม่เอาจริงเอาจัง เรื่องเหล่านี้ไม่เกิดหรอก เด็กทำไปเรื่อยๆ วันนี้เหมือนเดิม 5 ปีแล้ว อีก 5 ปี ก็เหมือนเดิม เพราะมันเรียนรู้จากรุ่นเก่า แต่ไม่เคยคิดอะไรใหม่ว่า ต่อยอดได้แล้ว เล็กๆ ทำใหญ่ได้ไหม ต่อไปจากรถเด็กเล่นทำเป็นรถที่มันใช้ประโยชน์ได้บ้างไหม เขาเรียกว่าพัฒนา เรียกว่าสร้างนวัตกรรม ไม่ใช่สอนในหนังสืออย่างเดียวว่า พลังงานไฮโดรเจนมาทำประโยชน์อย่างนี้ มีรถขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ สอนหนังสือแบบนี้ แล้วจะเกิดรถไฮโดรเจนได้เมื่อไร จะไปดวงจันทร์กับเขาได้เมื่อไร ไม่มีไปได้หรอก วิ่งบนโต๊ะหนังสือ ในตำราแค่นั้น
เพราะฉะนั้น ผมอยากให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นเจ้าภาพในการบูรณาการร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์ เพราะเป็นเรื่องการสร้างแนวความคิด ในส่วนการจัดงานช่วงที่ผ่านมา มีเงินทุนหมุนเวียนในงานกว่า 24 ล้านบาท ในเดือนมีนาคม ในช่วงเดือนเมษายนนี้ กระทรวงศึกษาธิการจะเป็นเจ้าภาพ เป็นผู้รับผิดชอบการจัดงาน ในพื้นที่ตลาดคลองผดุง จะใช้ภายใต้แนวคิดการสร้างชาติ ตลาดคลองผดุงสร้างสุข จะแบ่งงานเป็น 3 ช่วง ช่วงแรก วันที่ 1-11 เมษา เป็นการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ซึ่งผลิตและจัดทำโดยนักเรียน นักศึกษา และประชาชนในราคาย่อมเยา วันก่อนเขาให้ผมดูแล้ว ไม่แพง แต่ละชิ้น ผมแนะนำว่า จะต้องสร้างมันจะต้องสร้างรูปแบบใหม่ ให้มันแตกต่างบ้าง ผมเห็นหลายอ่าง ทำมาหลายปี มันควรจะต้องเปลี่ยนแล้ว บางอย่างก็ใช้เกี่ยวกับเรื่องงานสงกรานต์ บางอย่างก็ใช้ปีใหม่ ทำไมเราไม่เอาแนวคิดอันนี้ มาใช้ได้ตลอดไป ปีใหม่ก็คือปีใหม่ สงกรานต์ก็คือ สงกรานต์ แล้วนอกจากนั้นท่านก็เอาสิ่งที่ท่านทำใน 2 วาระมาทำเป็นสินค้า ที่จะขายนักท่องเที่ยว แต่เปลี่ยนรูปแบบให้เล็กลง ใช้วัสดุ อื่นมาเปลี่ยนแปลงรูปแบบต่างๆ เหล่านี้ ดีไซน์ ผมก็พอรู้เรื่อง ผมก็ดูรูปเยอะ หนังสือต่างประเทศ มันจะเกิดแนวความคิด อย่าไปคิดเอง คิดเองบางที มันก็เสียเวลา คิดเองจะรู้ได้ไงว่าใคร ชอบกันแบบไหน โลกวันนี้ชอบแบบไหน กระเป๋าผู้หญิงเขาชอบกันแบบอย่างไร กระเป๋าเอกสารชอบแบบอย่างไร เครื่องแต่งกายเป็นแบบไหน เราก็เอาแบบเอาอัตลักษณ์เราใส่เข้าไป ในประเทศเสื้อที่ผมใส่ ต่างประเทศอาจจะขายได้น้อย เพราะมันไม่ใช่แบบของเขา ทำไมเราไม่เอาผ้าแบบนี้ออกแบบ ให้เป็นโมเดิร์น เป็นสากลเหมือนกับที่หลายๆ แบรนด์เนม เขาคิดออกมา เราก็อย่าไปเลียนแบบเขาก็แล้วกัน เราก็ดูแล้วไปทำ บางอย่างเขาใช้ผ้า บางอย่างเขาใช้หญ้าลิเภา บางอย่างเขาใช้หญ้าแฝก บางอย่างเขาใช้ไม้ไผ่ มีตั้งเยอะแยะไป แล้วก็เอารูปแบบลายดอกไม้ ใส่เข้าไป ประกอบกับส่วนที่เป็นแผ่นใยพลาสติก ต่างๆ มันก็แข็งแรง แล้วรูปร่างก็เป็นสากล แต่วัสดุเป็นของเรา
อีกส่วนหนึ่งก็ทำแบบที่เป็นโบราณกาลมา เป็นโบราณ เป็นอัตลักษณ์ของท้องถิ่น พื้นที่อันนี้ก็ขายในลักษณะที่เป็นเชิงอนุรักษ์ ก็ขายได้ทั้งปี ไม่งั้นก็ขายอยู่ตามวาระ 2-3 วาระเท่านั้นเองที่เหลือก็ว่างงาน ไปทำอะไร รับจ้าง หรือไม่ก็ตีไก่ ตกปลา อะไรไปเรื่อย เอาเวลามาทำพวกนี้ดีกว่านะ หรือไม่ก็ดื่มสุราไม่เกิดประโยชน์ ช่วยกันนะครับ อะไรความสุข ก็คือความสุข ความสุขต้อง ถ้าทำอะไรที่มีความสุขผมไม่ไปห้ามท่าน แต่อย่าผิดกฎหมายหนึ่ง สองความสุขวันนี้อย่าให้เกิดความทุกข์ในวันหน้า ผมก็มีแค่นี้ ผมไม่สามารถจะไปบังคับใครได้อยู่แล้ว ชีวิตเป็นของทุกคน ถ้าไม่รักตัวเองก็ช่วยไม่ได้ จะขับรถเร็ว จะขี่รถกินเหล้าเมาสุรา ไม่มีกฎหมายไหนช่วยให้ท่านไม่ตายได้หรอกนะ ถ้าท่านอยากตายของท่านเอง ท่านก็ฝ่าฝืนเข้าไปสิกฎหมายน่ะ ผมก็รับผิดชอบไม่ได้ ผมมีหน้าที่ในการดูแลให้ปลอดภัยเท่านั้น
เรื่องเทศกาล วันที่ 12-15 นี้ เทศกาลสงกรานต์ จะมีการสรงน้ำพระพุทธรูป รดน้ำดำหัวผู้อาวุโส และก็ร้องเพลงฉ่อยอะไรก็แล้วแต่ ลอยลำในคลองผดุงกรุงเกษมด้วย มีการประกวดร้องเพลงผู้สูงอายุ ประกวดเทพีสงกรานต์ ช่วงสุดท้ายวันที่ 16-24 ก็จัดงาน Back to School จัดจำหน่ายชุดนักเรียน ระดับอนุบาล ระดับมัธยมศึกษา องค์กรการศึกษาที่เกี่ยวข้อง ในราคาที่ย่อมเยา
นอกจากนั้น มีการจัดบูธจำหน่ายสินค้าตามโครงการพระราชดำริ สินค้าจาก อ.ต.ก.ที่มีคุณภาพดี ราคาย่อมเยา ร้านค้าสวัสดิการเพื่อประชาชน และสินค้าประชารัฐด้วย มีหลายอย่างนะครับที่มีการปรับปรุงเป็นนวัตกรรม วันนี้เราทำโอทอประยะที่ 2 แล้ว ก็คือมาตรฐานสูงขึ้นจากเดิมพื้นฐานที่ผ่านมา ผ่านเกณฑ์มาตรฐานขั้นที่ 1 ตอนนี้เป็นขั้นที่ 2 เดี๋ยวอีกระยะหนึ่งผมก็จะดันไปขั้นที่ 3 คือส่งออกต่างประเทศให้ได้ แล้วก็ติดตลาดให้ได้ วันนี้หลายอย่างก็ดีขึ้น ก็อยากให้ทุกคนได้มาศึกษาเรียนรู้ในตลาดคลองผดุงกรุงเกษม มีการดำเนินการต่างๆ มากมายเพื่อให้ประชาชน ทั้งศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน การนวดแผนไทย บริการตัดผม กิจกรรมสาระบันเทิงอื่นๆ ก็ขอให้แต่งกายให้เรียบร้อยด้วย สาระบันเทิง มีเรื่องอีกแล้ว เรื่องของการแสดงดนตรี การละเล่นพื้นบ้านของนักเรียน นักศึกษา อย่าลืมนึกถึงเด็กๆ เขาบ้าง อย่าให้เขาเห็นในสิ่งที่มันไม่ใช่เวลา เขาแยกแยะไม่ออกหรอก เพราะฉะนั้นขอให้ดูแลเยาวชนให้ดี ผู้ใหญ่ต้องดูแลเด็ก อย่ามุ่งหวังธุรกิจหรือเงินทองอย่างเดียว แต่สังคมเสื่อมโทรม จะทำยังไง ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ต้องถูกลงโทษทั้งหมดนะ กฎหมายมีอยู่แล้ว อย่าหากินแบบนี้อีกเลย แต่ไปหากินอย่างอื่น แต่งตัวให้เรียบร้อย จะขายรถ ขายมอเตอร์ไซค์ ขายเครื่องเสียง ก็แต่งตัวให้มันดีกว่านั้นไม่ได้เหรอ ทำไมจะต้องโป๊ด้วย ผมไม่เข้าใจ ถ้าอยากจะทำอย่างนั้นก็อยู่ที่บ้าน จะใส่อะไรก็ได้ เชิญเถอะ
ในเรื่องของการแสดงผลงานวิทยาศาสตร์ของนักเรียน นักศึกษา ฝากให้ผู้สนใจมาชื่นชม แล้วก็ช่วยกันซื้อหาสินค้าราคาถูก ถ้าไม่ถูกก็อย่าซื้อ ก็ซื้อที่มันถูกๆ ที่มีเงิน มีมากใช้มาก มีน้อยใช้น้อย ไม่ใช่อยากได้ไปซะหมดแต่ไม่มีสตางค์ ก็ต้องไปกู้ยืมเขามาอีก เราต้องใช้เงินทองที่มีอยู่อย่างมีภูมิคุ้มกัน คือมีมากใช้มาก มีน้อยใช้น้อย ไม่ใช่มีมากก็ใช้น้อย ใครมีน้อยก็อยากจะใช้มาก มันก็ไปหมด มันก็เป็นหนี้เป็นสินทุกวันอยู่แบบนี้ มีรัฐบาลไหนเคยแนะนำบ้าง เคยสอนให้ทุกคนเอาแนวทางพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาใช้จริงๆ บ้างล่ะ มีมั้ย ไม่มีหรอก
สำหรับเทอมหน้า ก็อยากให้สินค้าเหล่านี้เป็นประโยชน์กับผู้ปกครอง เด็กนักเรียน สิ่งที่ผมต้องการที่ตลาดนี้ไม่ใช่แค่มาขายของอย่างเดียวนะครับ ต้องการสร้างธุรกิจใหม่ ต้องการสร้างการให้คำแนะนำ แก้ไขเรื่องการดีไซน์ การออกแบบ การใช้วัสดุที่มันดูดี การสร้าง story ให้มันมีเรื่องมีราวที่จะขายราคาได้มากขึ้น มีการปรับปรุงมาตรฐาน วัสดุอุปกรณ์ที่ประกอบกับวัสดุต้นแบบ/ต้นทุน เช่น กระเป๋าย่านลิเภา อย่าดูเฉพาะตัวกระเป๋าว่าสวย ท่านต้องดูหูหิ้วด้วย ดูที่เปิดปิด เหล่านี้ให้มันดูเข้าท่าหน่อย ไม่ใช่ว่าอันนี้ทำซะดีเชียว แต่ของพวกนี้ดู ... มันทำให้ราคาตกลงมาทันที ลองดูแบบต่างประเทศเขาบ้าง ไม่เห็นจำเป็นต้องไปใช้ทองใช้เงินอะไรมากนักเลย ถ้ามีของดี ราคาสูง ก็ไปขายตลาดโลก ตลาดอะไร ก็ทำให้มันแพง ตลาดใช้ในประเทศมันก็มีวัสดุอย่างอื่นที่จะมาร่วมใช้ได้ เอามาผสมผสานกันก็ได้ มีวัสดุที่มีต้นกำเนิดหลายๆ ที่ เอามาทำซะ รวมกันซะ ผลิตกระเป๋ามาใบหนึ่ง มาจากทุกพื้นที่ นี่มาจากนี่ นี่มาจากนั่น นี่มาจากนี่ เสร็จแล้วทั้งหมดก็จะมีราคาสูงขึ้น มูลค่าสูงขึ้น เป็นสินค้าชิ้นเดียวในโลก เพราะชิ้นนี้เราทำคนเดียว อีกชิ้นหนึ่งก็ชิ้นเดียวในโลกเหมือนกัน เพราะมันไม่เหมือนกัน รูปแบบ ลายลักษณ์ ความเอาใจใส่อะไรต่างๆ มันต่างกันหมด นี่เขาเรียกว่า story
สำหรับช่วงฤดูร้อน ขอให้เจ้าหน้าที่ของรัฐทุกกระทรวงในพื้นที่ พลเรือน ตำรวจ ทหาร อาสาสมัครต่างๆ ลงพื้นที่ด้วยนะครับ เรื่องของภัยแล้ง เรื่องของไฟไหม้ป่า หมอกควัน เรื่องของไฟไหม้ในอาคาร ไฟไหม้ในชุมชน ผมเห็นมันเกิดขึ้นทุกปี ทั้งๆ ที่รัฐบาลเน้นย้ำ ผมว่าอยู่ที่ประชาชนเป็นหลัก ต้องระวังภัยของตัวเองก่อน เจ้าหน้าที่ต้องมีความพร้อม นอกจากเรื่องไฟ เรื่องอะไรเหล่านี้แล้ว ก็ยังมีเรื่องโรคระบาด แล้วก็การดูแลสุขภาพ ในช่วงนี้ ก็อาจมีฝนตกบ้าง ไม่ตกบ้าง เพราะว่าอากาศมันเปลี่ยนแปลง เพราะอย่างนั้น ช่วยกันดูแลสุขภาพ เด็กก็ดูแลมากหน่อย คนแก่ก็ดูแลมากมากสักนิดหนึ่ง คนแข็งแรงก็ดูแลคนอื่นเขาด้วย
ไม่ว่าจะเป็นป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ อาคารบ้านเรือน สิ่งผุพัง ไม่จำเป็น ไม่ใช้ก็รื้อทิ้งไป จะเหลือไว้ทำไมไม่รู้ เหลือไว้ทับคนตายหรือไง ให้ กทม. ให้เทศบาล อปท. หรือใคร มหาดไทย ช่วยกันสำรวจ อะไรที่ไม่ได้ใช้รื้อทิ้งให้หมด บ้านเมืองก็ดูทรุดโทรมอยู่แล้วด้วย ถ้ามันของที่ไม่ได้ใช้อยู่ พวกขายของข้างทางเลิกขายไปโกฏิปีแล้วมั้ง ยังอยู่เลย แล้วก็เป็นภาพที่ไม่น่าดู เวลาใครเขาผ่านไปผ่านมา ต่างประเทศเขานั่งรถมา เขารู้เลยตรงไหนไทย ตรงไหนประเทศเขา ประเทศเขาสะอาดหน่อย พอเข้าไทยจะรู้แล้วมีเพิงเหล่านี้อยู่ข้างถนน อายเขาไหม ทำซะบ้าง หน้าบ้านไม่ใช่ดีแต่ในบ้าน หรือหลังบ้าน หน้าบ้านรับแขก ช่วยกันทำหน่อย ต้องของคุณนะครับ ส่วนใหญ่ทำอยู่แล้ว ขยะทิ้งให้มันถููกที่ แยกขยะทำหรือยัง ทิ้งเรื่อยเปื่อยไปเรื่อย ไม่ลงถัง ไม่ลงที่ โทษเจ้าหน้าที่เขาไม่เก็บ เขาไม่อยากเก็บเท่าไหร่ เพราะมันสกปรก เพราะท่านยังแยกขยะให้เขาไม่ได้ ไปทำใหม่ ท่านยังอยากได้ทุกอย่าง เรื่องค่าใช้จ่ายขยะ ไม่ได้มากมายนัก ท่านก็บอกว่ามันแพงเกินไป แล้วท่านจะเอาอะไร ไม่นึกถึงคนที่เขาทำอาชีพเหล่านี้ ว่าเขาลำบากไหม เขาต้องทำสิ่งที่สกปรกที่ท่านทิ้งไว้ ถ้าท่านทิ้งให้มันถูกที่ถูกทาง แยกขยะให้มันมีมูลค่า มันก็เหลือขยะที่เขามาเก็บ ที่มันไม่สะอาดน้อยลง เขาก็พึงพอใจ เต็มใจเก็บให้ท่าน มันต้องพึ่งพา อาศัยวันนี้พายุฤดูร้อนมันก็มากขึ้น หน้านี้เป็นหน้าร้อนใช่ไหม ก่อนหน้าฝนมันก็มีพายุฤดูร้อน ขอให้ระมัดระวัง ตรวจสอบบ้านให้มั่นคง ไม่ใช่บ้านโย้เย้ แล้วก็ไม่ตรวจสอบ บ้านก็พังทับลงมาก็ตายอีก ทุกคนชอบปล่อยปละละเลยตามนิสัย สบายๆ เพลงสบายๆ ชอบฟัง แล้วก็ลำบากทีหลังทุกที เพลงเขาดีอยู่แล้ว ขอให้ปลอดภัยทุกคน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม จุดเสี่ยงทุกจุด ตรงไหนมันเสี่ยง ตรงไหนมีน้ำลึก ตรงไหนมีดิน หน้าผาชันก็บอกเด็ก
ผมเห็นลูกหลานจมน้ำตายเยอะแยะไปหมด ทุกอาทิตย์นะ ทำไมไม่เตือน ทำไมไม่ทำเครื่องหมาย ไม่มีที่กั้น แล้วท่านก็ดูแลลูกไม่ได้เพราะว่าต้องหาเงินเลี้ยงลูก ลูกก็เล็กไม่รู้เรื่องเดินไป เดินมา เผลอๆ ตกน้ำตายอีก หรือก็ไปเล่นน้ำ ท่านก็ไปเขียนป้ายปักไว้ซะหน่อยว่าน้ำลึกกี่เมตร แค่นี้ท่านยังไม่ทำเลย และท่านจะเรียกร้องให้ใครทำ ที่ขุดก็ขุดกันเองทั้งนั้น บางที่ที่จมน้ำตายเป็นแหล่งน้ำไร่นาของท่าน แหล่งธรรมชาติบ้าง เด็กไม่รู้ลึกแค่ไหน ถ้าไม่เขียนป้าย น้ำลึกระมัดระวัง ห้ามเล่น 5 เมตร 7 เมตร 10 เมตร เขียนไปซิ เด็กอ่านหนังสือออกนะ ผมพูดมากหาว่าผมพูดเยอะ ผมไมพูดแล้วใครพูด ทุกวัน และโทษว่ารัฐบาลไม่ดูแล มันใช่ไหม ผมพูดปวดหัวนะ ไม่ใช่ไม่ปวด คนฟังก็ไม่ได้ปวดหัวกับผม ทนฟังหน่อย ชีวิตท่านผมไม่ได้ทำเพื่อใคร ไม่รักตัวเองช่างท่าน
เราต้องใช้มาตรการเชิงรุก ป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายก่อนเกิดเหตุการณ์ขึ้นจากน้ำธรรมชาติ ฝนเทียม ที่อาจเกิดขึ้นได้ต้องเตรียมพื้นที่แหล่งน้ำให้เหมาะสม เก็บน้ำให้มากที่สุด สำรองไว้ ถ้าฝนมาล่าช้าจะได้ไม่มีปัญหา พอฝนช้า ก็รอฝนเดือนพฤษภาฯ มิถุนาฯ มาแล้ว ไม่ต้องเก็บหรอก ปล่อยทิ้งใช้ไป ให้รัฐบาลรับผิดชอบ และยังไง ผมผลิตน้ำเองได้ก็ดี ผมกินน้ำต้องระวัง กินอย่างประหยัด กินตามความจำเป็น ให้กินเท่าไหร่ กินเท่านั้น เททิ้งขว้าง กินครึ่งทิ้งครึ่งไม่ได้ คงไม่ต้องถึงขนาดลดการดื่มน้ำหรอก คงใช้อย่างอื่นให้น้อยลง ต้องระวังตัวเองด้วย ติดตามประกาศกรมอุตุฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประมงพื้นบ้าน เรือขนาดเล็ก เขาเตือนฟังบ้าง ถ้าจะบอกว่า ถ้าไม่ทำไม่มีจะกิน จะเอายังไง ต้องฟังเขา ทุกอย่างมันต้องปลอดภัยเป็นหลัก มีปัญหาบอกศูนย์ดำรงธรรม ออกเรือไม่ได้ทำยังไง ผู้ว่าฯ แก้ปัญหาได้ไหม หางานหาการได้ไหม ผู้ว่าฯ รับผิดชอบทุกเรื่อง อย่าให้มีเรื่องร้องเรียนมากนัก ในทุกพื้นที่ ทุกจังหวัด ทุกอำเภอ ต้องมีคนรับผิดชอบ ไม่อย่างนั้นจะตั้งกันไว้ทำไม ทั้งส่วนกลาง ภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น คนมหาศาล ประชาชนก็อีกเยอะช่วยกันสิครับ เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เรือท่องเที่ยวก็เหมือนกันอย่ามักง่ายบรรทุกเกินจำนวน ฝนแรง ลมแรงก็ยังวิ่งอีกก็ให้นักท่องเที่ยวเขาอยู่ไปก่อน อยู่จนกว่าคลื่นลมจะสงบ และการเดินทางทะเลเวลากลางคืน ถ้าเป็นเรือขนาดเล็ก ผมว่าไม่จำเป็นอย่าไปเดินเลย ไม่รู้มันจะ... เจออะไรขึ้นมามันก็ช่วยกันไม่ได้ มืดมองอะไรไม่เห็นไง ผมจะบอกให้ผูกเชือกทุกคนโยงเอาไว้มันก็ไม่ได้อีก เดี๋ยวได้ตายพร้อมกันไปอีก ทำยังไงก็ได้ไปคิดมาสิครับ ไปคิดมาๆ ทุกอย่างมันอยู่ที่ความคิดสติปัญญา อย่าให้คนอื่นเขาต้องมาทำให้มากนักเลยแล้วกัน ผมยินดีทำให้ทุกอย่าง แต่บางอย่างทำไม่ได้ก็ต้องช่วยผม ไม่อย่างนั้นกลับมารัฐบาล รัฐบาลนายกฯ หัวหน้า คสช. ผมทำให้ท่านเกิน 100 อยู่แล้ววันนี้ ไม่ต้องกลัวหรอก อะไรทำได้ ผมทำเต็มที่ อดทนฟังผมบ่นหน่อยแล้วกัน บ่นไม่ได้บ่นตัวเอง ผมบ่นเพราะสอนแนะนำท่าน ไม่ได้สอน แนะนำ
ต่อไปนี้ถ้าเรือท่องเที่ยว รถทัวร์ รถโดยสาร เกิดอุบัติเหตุด้วยความประมาททำคนตาย ผมจะลงโทษอย่างหนัก ผมใช้อำนาจผมนี่แหละ ไม่กลัวก็ตามใจ ท่านอยากตายของท่านๆ ก็ไปขับรถคนเดียวที่บ้าน ลูกเมียก็ลำบากเรื่องของท่าน แต่ท่านอย่าพาคนอื่นเขาไปตายด้วย นั่นแหละสำคัญ ผมต้องดูแลคนส่วนใหญ่ ให้ทุกคนคำนึงถึงความปลอดภัย ทุกคนมีความรับผิดชอบด้วย ไม่ใช่รับผิดชอบครอบครัวตัวเอง หาเงินหาทองใช้ คนอื่นช่างมัน อย่าเลย อย่าเป็นมนุษย์เลย ต้องเป็นมนุษย์ เป็นคนคิดแบบคนเขาคิด ชูชีพก็ต้องพร้อม รถไฟ รถไฟฟ้า อะไรก็แล้วแต่มันต้องมีมาตรการความปลอดภัย ไม่ใช่วัวหายล้อมคอกทุกที เวลาที่มันเกิดเหตุการณ์ขึ้นมา ทุกคนก็ตื่นตระหนกหมด พอแพนนิกขึ้นมา แล้วจะอยู่ไหมล่ะ ถ้าคุณไม่บอกเขาก่อนว่าทำยังไงถึงจะปลอดภัย ถ้ากระจกมันเปิดไม่ได้ จะต้องมีเขียนคำแนะนำเป็นตัวใหญ่ไว้ข้างตู้ ไม่รู้อะผมไม่ได้ขึ้นมานานแล้ว แต่ถ้าไม่เขียนถือว่าผิดหนักเลย คำแนะนำบอกเขายัง ถ้าบอกทีหลังมันจะไปเกิดประโยชน์อะไรก็คนมันเดือดร้อนไปแล้ว ดีมันไม่ตาย ผมคิดว่าทุกอย่างต้องคิดเชิงรุก ในเชิงป้องกันให้มากที่สุด ถ้าไม่คิดก็อย่ามาทำงานเหล่านี้เลยในการให้บริการประชาชน เรื่องกฎหมายกำหนดไว้ก็เท่านั้นแหละ อย่าให้ผมจะออกกฎหมายเพิ่มเติมอีกเลย ผมว่าพอเพียงแล้วแหละ ขอให้ทำตามกฎหมายเดิมที่มีอยู่มันก็แก้ไขไปได้ 90% แล้ว วันนี้ไม่ค่อยทำกัน ประมาททุกคนเลยที่ตายๆ ไป ไอ้คนอยู่ต้องต่อสู้กันไปอีก ต่อสู้กับคดี ต่อสู้เยอะแยะไปหมด ทุกคดีไม่ต้องห่วงรื้อทุกคดี คดีเก่า คดีใหม่ คดีที่ประชาชนเดือดร้อน สังคมเดือดร้อน ผมทำให้หมด ผมสั่งตำรวจ สั่งฝ่ายความมั่นคงไปเรียบร้อยหมดแล้ว บอกให้ไปติดตามเรื่องเหล่านี้ คดีที่มันหมดอายุความ หมดเพราะอะไร ใครต้องรับผิดชอบ รื้อทั้งหมด ไม่อย่างนั้นมันก็เป็นอยู่แบบนี้ คงเดือดร้อนกันบ้างแหละ ผมไม่ได้แกล้งใครก็แล้วกัน เพราะมันเกิดขึ้นมาแล้วก่อนสมัยผมด้วย ผมต้องทำให้ได้แค่นั้นเอง ตราบที่ผมมีเวลาอยู่ ขอบคุณนะครับ ขอให้ทุกคนมีความสุข สวัสดีและปลอดภัยในวันเสาร์ อาทิตย์ ขับรถระมัดระวัง อย่าไปดื่มเหล้าดื่มสุรา ขับรถเร็ว และผมเห็นข่าวทุกวัน ผมเสียใจทุกวัน พ่อแม่พี่น้องตาย รถเสีย ฝรั่งเดือดร้อน โอ้ยทำไมไม่คิดล่ะว่า ทำยังไงมันจะปลอดภัย ถ้าทุกคนคิดว่าทำยังไงจะปลอดภัย ทำยังไงตัวเองจะปลอดภัย ผู้โดยสารจะปลอดภัย ครอบครัวจะปลอดภัย คิดแค่นี้มันก็ไม่ตายแล้วแหละ แต่ถ้าไม่คิดก็ตาย ไม่รู้จะช่วยยังไง สวดมนต์ ก็เหลือสวดมนต์แล้ว เตรียมทำบุญไปให้แล้วกัน ผมจำเป็นต้องพูดแรงนะเรื่องเหล่านี้ เพราะผมสงสารพ่อแม่พี่น้องที่เสียชีวิต ขอบคุณนะครับ สวัสดีครับ