พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เขียนคอลัมน์ "จากใจนายกรัฐมนตรี" ในจดหมายข่าวรัฐบาลเพื่อประชาชน ฉบับที่ 22 ประจำวันที่ 25 มีนาคม 2559 มีใจความว่า อายุรัฐบาลมีเพียง 4 ปี สิ่งที่ประกันความมั่งคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืน ของคนไทย คือยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ซึ่งเมื่อเข้าสู่ยุคเทคโนโลยีสารสนเทศทำให้ความอดทนของเรามีอายุสั้น แต่การพัฒนาการอย่างยั่งยืนต้องใช้เวลา ดังนั้น ยุทธศาสตร์การปฏิรูปและพัฒนาประเทศตามพื้นฐานปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง รวมถึงมีประชารัฐเป็นกลไลหลักในการขับเคลื่อน ต้องเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
โดยโจทย์ของประเทศวันนี้ ได้แก่ ด้านเศรษฐกิจที่มีโครงสร้างที่ยังไม่รองรับการพัฒนาของโลก ด้านสังคมที่ความเหลื่อมล้ำ และด้านการเมืองที่มอมเมาและลวงตาประชาชน เป็นตาบอดสีเห็นแต่สีของตนเอง ทั้งที่ทุกคนเป็นสีธงไตรรงค์เหมือนกัน แต่ยังแบ่งแยกกันแบบผิดๆ รวมทั้งยังสายตาสั้น มองความสุขเพียงอายุรัฐบาล รอกลับมาเป็นรัฐบาลใหม่ ไม่ยั่งยืน
อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าทุกปัญหามีทางออกหากร่วมมือกัน แนวทางประชารัฐจะเป็นการปฏิรูปเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตย โดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง เป็นเจ้าของประเทศ รัฐต้องไม่ยัดเยียด และต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของทุกส่วน ตั้งแต่ฐานรากด้วยการส่งเสริมความเข้มแข็งความรัฐที่มีธรรมมาภิบาล โดยต้องสร้างเสาค้ำยันสังคมไทย คือ ทำกฏหมายเป็นหลักประกันสิทธิเสรีภาพ ขจัดความไม่เท่าเทียม แก้ขัดแย้งด้วยศาล ไม่แบ่งแยกแต่สร้างพลังทางสังคม เน้นการมีส่วนร่วม สร้างภาคีเครือข่ายทั้งแนวระดับและแนวดิ่ง เพิ่มพูนประสิทธิผลและประสิทธิภาพของภาครัฐ ทั้งการบริหารงบประมาณ บุคลากร การทำอย่างโปร่งใสมีระบบประเมินและตรวจสอบได้ และมีความหนุนเนื่องของยุทธศาสตร์ วาระแห่งชาติ และวิสัยทัศน์ร่วมกันของคนในชาติ ดังนั้น การสร้างบ้านต้องตามใจผู้อยู่ จะทำให้พลังศรัทธานำไปสู่จิกซอว์แห่งพลังสามัคคีได้
โดยโจทย์ของประเทศวันนี้ ได้แก่ ด้านเศรษฐกิจที่มีโครงสร้างที่ยังไม่รองรับการพัฒนาของโลก ด้านสังคมที่ความเหลื่อมล้ำ และด้านการเมืองที่มอมเมาและลวงตาประชาชน เป็นตาบอดสีเห็นแต่สีของตนเอง ทั้งที่ทุกคนเป็นสีธงไตรรงค์เหมือนกัน แต่ยังแบ่งแยกกันแบบผิดๆ รวมทั้งยังสายตาสั้น มองความสุขเพียงอายุรัฐบาล รอกลับมาเป็นรัฐบาลใหม่ ไม่ยั่งยืน
อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าทุกปัญหามีทางออกหากร่วมมือกัน แนวทางประชารัฐจะเป็นการปฏิรูปเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตย โดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง เป็นเจ้าของประเทศ รัฐต้องไม่ยัดเยียด และต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของทุกส่วน ตั้งแต่ฐานรากด้วยการส่งเสริมความเข้มแข็งความรัฐที่มีธรรมมาภิบาล โดยต้องสร้างเสาค้ำยันสังคมไทย คือ ทำกฏหมายเป็นหลักประกันสิทธิเสรีภาพ ขจัดความไม่เท่าเทียม แก้ขัดแย้งด้วยศาล ไม่แบ่งแยกแต่สร้างพลังทางสังคม เน้นการมีส่วนร่วม สร้างภาคีเครือข่ายทั้งแนวระดับและแนวดิ่ง เพิ่มพูนประสิทธิผลและประสิทธิภาพของภาครัฐ ทั้งการบริหารงบประมาณ บุคลากร การทำอย่างโปร่งใสมีระบบประเมินและตรวจสอบได้ และมีความหนุนเนื่องของยุทธศาสตร์ วาระแห่งชาติ และวิสัยทัศน์ร่วมกันของคนในชาติ ดังนั้น การสร้างบ้านต้องตามใจผู้อยู่ จะทำให้พลังศรัทธานำไปสู่จิกซอว์แห่งพลังสามัคคีได้
