สวนดุสิตโพล เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนจากทั่วประเทศจำนวน 1,249 คน ถึงนโยบายการปราบปรามผู้มีอิทธิพล (มาเฟีย) ของ คสช. โดยประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 74.62 เห็นด้วยกับนโยบายนี้ เพราะเป็นนโยบายที่ดี พร้อมขอให้เร่งดำเนินการอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ประชาชนร้อยละ 73.90 ระบุว่า หากนโยบายนี้ทำได้จริงบ้านเมืองคงสงบเรียบร้อย ประชาชนปลอดภัย และลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ขณะที่ร้อยละ 71.74 มองว่าเป็นเรื่องยากที่จะปราบปรามได้ทั้งหมด อาจแก้ปัญหาได้เพียงบางส่วนเท่านั้น
สำหรับผู้มีอิทธิพลที่ควรเร่งปราบปรามมากที่สุด ประชาชนร้อยละ 88.87 ระบุว่า ผู้ค้ายาเสพติด ของผิดกฎหมาย อาวุธเถื่อน ร้อนละ 78.46 ระบุ นักการเมือง นักการเมืองท้องถิ่น ร้อยละ 73.26 ระบุ เจ้าหน้าที่รัฐ ข้าราชการ กลุ่มคนมีสี ตำรวจ และทหาร ร้อยละ 67.41 ระบุ นายทุน เงินกู้นอกระบบ เปิดบ่อน หวยใต้ดิน และร้อยละ 61.73 ระบุ พวกค้าแรงงาน ค้ามนุษย์
ทั้งนี้ ประชาชนถึงร้อยละ 85.43 เชื่อว่ากลุ่มผู้มีอิทธิพลต่างๆ นั้นมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย เนื่องจากเห็นว่าเป็นเรื่องปกติที่มีมานาน โดยรับรู้จากข่าวที่นำเสนอ เจ้าหน้าที่ของรัฐใช้อำนาจหน้าที่ในการช่วยเหลือหรืออำนวยความสะดวกในเรื่องต่างๆ มีผลประโยชน์ร่วมกันกับผู้มีอิทธิพล รวมถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐเองก็ออกมายอมรับว่ามีจริง
จากนโยบายของ คสช.ที่บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดในการขจัดปัญหาผู้มีอิทธิพล ประชาชนร้อยละ 42.43 เชื่อว่าจะสำเร็จได้ หากทุกฝ่ายให้ความร่วมมือ เพราะเป็นนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองและประชาชน ร้อยละ 36.99 เห็นว่าไม่น่าจะสำเร็จ เพราะเมื่อคนเก่าไปก็มีคนใหม่มาแทน รวมทั้งผู้มีอิทธิพลมีอยู่มาก การปราบปรามอาจไม่ทั่วถึงทุกพื้นที่ ขณะที่ร้อยละ 11.93 เชื่อว่าสำเร็จได้แน่นอน เพราะ คสช.มีอำนาจเด็ดขาด เอาจริงเอาจัง สามารถใช้อำนาจพิเศษตามมาตรา 44 ได้ทุกสถานการณ์ ส่วนร้อยละ 8.65 เชื่อว่าไม่สำเร็จ เพราะเป็นปัญหาที่มีมานาน และยังไม่เคยมีใครแก้ปัญหาได้สำเร็จ หรือขุดรากถอนโคนให้หมดสิ้นไปได้
อย่างไรก็ตาม ประชาชนเห็นว่าวิธีการที่จะสามารถปราปรามผู้มีอิทธิพลได้นั้น ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน ช่วยกันสอดส่องดูแล ประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตา เจ้าหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เอาจริงเอาจัง มีบทลงโทษรุนแรงเด็ดขาด ต้องสามารถจับกุมหรือดำเนินการกับผู้มีอิทธิพลรายใหญ่หรือตัวจริงให้ได้ ขณะเดียวกัน ต้องปลูกฝังจิตสำนึก เสริมสร้างคุณธรรมจริยธรรม มีระบบการติดตาม การตรวจสอบที่ดี และมีประสิทธิภาพ
สำหรับผู้มีอิทธิพลที่ควรเร่งปราบปรามมากที่สุด ประชาชนร้อยละ 88.87 ระบุว่า ผู้ค้ายาเสพติด ของผิดกฎหมาย อาวุธเถื่อน ร้อนละ 78.46 ระบุ นักการเมือง นักการเมืองท้องถิ่น ร้อยละ 73.26 ระบุ เจ้าหน้าที่รัฐ ข้าราชการ กลุ่มคนมีสี ตำรวจ และทหาร ร้อยละ 67.41 ระบุ นายทุน เงินกู้นอกระบบ เปิดบ่อน หวยใต้ดิน และร้อยละ 61.73 ระบุ พวกค้าแรงงาน ค้ามนุษย์
ทั้งนี้ ประชาชนถึงร้อยละ 85.43 เชื่อว่ากลุ่มผู้มีอิทธิพลต่างๆ นั้นมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย เนื่องจากเห็นว่าเป็นเรื่องปกติที่มีมานาน โดยรับรู้จากข่าวที่นำเสนอ เจ้าหน้าที่ของรัฐใช้อำนาจหน้าที่ในการช่วยเหลือหรืออำนวยความสะดวกในเรื่องต่างๆ มีผลประโยชน์ร่วมกันกับผู้มีอิทธิพล รวมถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐเองก็ออกมายอมรับว่ามีจริง
จากนโยบายของ คสช.ที่บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดในการขจัดปัญหาผู้มีอิทธิพล ประชาชนร้อยละ 42.43 เชื่อว่าจะสำเร็จได้ หากทุกฝ่ายให้ความร่วมมือ เพราะเป็นนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองและประชาชน ร้อยละ 36.99 เห็นว่าไม่น่าจะสำเร็จ เพราะเมื่อคนเก่าไปก็มีคนใหม่มาแทน รวมทั้งผู้มีอิทธิพลมีอยู่มาก การปราบปรามอาจไม่ทั่วถึงทุกพื้นที่ ขณะที่ร้อยละ 11.93 เชื่อว่าสำเร็จได้แน่นอน เพราะ คสช.มีอำนาจเด็ดขาด เอาจริงเอาจัง สามารถใช้อำนาจพิเศษตามมาตรา 44 ได้ทุกสถานการณ์ ส่วนร้อยละ 8.65 เชื่อว่าไม่สำเร็จ เพราะเป็นปัญหาที่มีมานาน และยังไม่เคยมีใครแก้ปัญหาได้สำเร็จ หรือขุดรากถอนโคนให้หมดสิ้นไปได้
อย่างไรก็ตาม ประชาชนเห็นว่าวิธีการที่จะสามารถปราปรามผู้มีอิทธิพลได้นั้น ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน ช่วยกันสอดส่องดูแล ประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตา เจ้าหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เอาจริงเอาจัง มีบทลงโทษรุนแรงเด็ดขาด ต้องสามารถจับกุมหรือดำเนินการกับผู้มีอิทธิพลรายใหญ่หรือตัวจริงให้ได้ ขณะเดียวกัน ต้องปลูกฝังจิตสำนึก เสริมสร้างคุณธรรมจริยธรรม มีระบบการติดตาม การตรวจสอบที่ดี และมีประสิทธิภาพ
