ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (11 มี.ค.) โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการทะยานขึ้นของราคาน้ำมัน รวมถึงการดีดตัวของตลาดหุ้นยุโรปขานรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางยุโรป (ECB)
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่ง 218.18 จุด หรือ 1.28% ปิดที่ 17,213.31 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี500 ทะยาน 32.62 จุด หรือ 1.64% ปิดที่ 2,022.19 จุด และดัชนีแนสแด็ก บวก 86.31 จุด หรือ 1.85% ปิดที่ 4,748.47 จุด
ทั้งนี้ ECB จัดการประชุมนโยบายการเงินเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยที่ประชุมมีมติลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร สู่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ จากระดับ 0.05% ก่อนหน้านี้
ECB ยังได้ลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB สู่ระดับ -0.4% จากเดิมที่ -0.3% ซึ่งหมายความว่าธนาคารพาณิชย์จะต้องจ่ายค่าฝากแก่ ECB หากมีการนำเงินส่วนเกินมาพักไว้ที่ ECB ซึ่งมาตรการดังกล่าวของ ECB มีขึ้นเพื่อสนับสนุนให้ธนาคารพาณิชย์นำเงินไปปล่อยกู้แก่ภาคธุรกิจ แทนที่จะนำมาพักไว้ที่ ECB
นอกจากนี้ ECB ยังได้ประกาศเพิ่มวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) สู่ระดับ 8 หมื่นล้านยูโร/เดือน จากเดิมที่ 6 หมื่นล้านยูโร/เดือน โดยจะรวมถึงการซื้อหุ้นกู้ภาคเอกชนที่ไม่ใช่ธนาคารด้วย
ขณะเดียวกัน ECB จะจัดการปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำแก่ภาคธนาคารเพื่อนำไปปล่อยกู้ต่อภาคธุรกิจมากขึ้น
ด้านนายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยจะยังคงอยู่ในระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง แม้สิ้นสุดช่วงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE ในเดือนมี.ค.2560
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่ง 218.18 จุด หรือ 1.28% ปิดที่ 17,213.31 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี500 ทะยาน 32.62 จุด หรือ 1.64% ปิดที่ 2,022.19 จุด และดัชนีแนสแด็ก บวก 86.31 จุด หรือ 1.85% ปิดที่ 4,748.47 จุด
ทั้งนี้ ECB จัดการประชุมนโยบายการเงินเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยที่ประชุมมีมติลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร สู่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ จากระดับ 0.05% ก่อนหน้านี้
ECB ยังได้ลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB สู่ระดับ -0.4% จากเดิมที่ -0.3% ซึ่งหมายความว่าธนาคารพาณิชย์จะต้องจ่ายค่าฝากแก่ ECB หากมีการนำเงินส่วนเกินมาพักไว้ที่ ECB ซึ่งมาตรการดังกล่าวของ ECB มีขึ้นเพื่อสนับสนุนให้ธนาคารพาณิชย์นำเงินไปปล่อยกู้แก่ภาคธุรกิจ แทนที่จะนำมาพักไว้ที่ ECB
นอกจากนี้ ECB ยังได้ประกาศเพิ่มวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) สู่ระดับ 8 หมื่นล้านยูโร/เดือน จากเดิมที่ 6 หมื่นล้านยูโร/เดือน โดยจะรวมถึงการซื้อหุ้นกู้ภาคเอกชนที่ไม่ใช่ธนาคารด้วย
ขณะเดียวกัน ECB จะจัดการปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำแก่ภาคธนาคารเพื่อนำไปปล่อยกู้ต่อภาคธุรกิจมากขึ้น
ด้านนายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยจะยังคงอยู่ในระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง แม้สิ้นสุดช่วงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE ในเดือนมี.ค.2560