ราคาทองคำในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลดลง 9 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือคิดเป็น 0.71% ปิดที่ระดับ 1,250z ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ โดยมีปัจจัยที่เข้ามากระทบ ได้แก่ ECB ประกาศผ่อนคลายนโยบายการเงินครั้งใหญ่ในการประชุมเมื่อวันที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยการเพิ่มวงเงินการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE สู่ระดับ 8 หมื่นล้านยูโร/เดือน จากเดิมที่ 6 หมื่นล้านยูโร/เดือน พร้อมกับปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายสู่ระดับ 0% จากระดับ 0.05% ก่อนหน้านี้ + ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB สู่ระดับ -0.4% จากเดิมที่ -0.3% โดย มาตรการทั้ง 3 จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 16 มี.ค.นี้ แต่การที่ นายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB ออกมาส่งสัญญาณว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่งแม้สิ้นสุดช่วงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในเดือน มี.ค.2017 ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่า ECB อาจจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในอนาคต ส่งผลให้ค่าเงินยูโรกลับมาแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐทำให้ราคาทองคำปรับขึ้นแรง อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำกลับมาปรับตัวลงอีกครั้ง หลังจากที่นายเอิร์กกี ไลคาเนน สมาชิกสภาบริหาร ECB ออกมาเผยว่า ECB ยังมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเหลืออยู่อีก และจะนำมาใช้จนกว่าจะบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อ 2% ส่งผลให้ค่าเงินยูโรกลับมาอ่อนค่าลงอีกครั้งเป็นปัจจัยลบต่อทองคำ
ปัจจัยที่น่าติดตาม
15-16 มี.ค. กำหนดประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ
แนวโน้มปรับลงกรอบแคบตามแนวพักตัว/แนวโน้มราคาทองโลกด้านเทคนิค
ราคาทอง แนวโน้มหลักยังอยู่ในแนวการพักตัวออกข้าง ขณะที่ระยะสั้นราคาปรับลงต่ำกว่าแนวรับเส้น 5 และ 10 วัน ด้วยการสร้างแท่งเทียนลักษณะ BEARISH สอดคล้องต่อเส้น RSI ปรับลงจากสัญญาณ BEARISH DIVERGENCE ทำให้ราคามีแนวโน้มปรับตัวลง แต่คาดว่าการปรับลงจะเกิดขึ้นในกรอบแคบๆ เนื่องจากแนวโน้มหลักยังอยู่ในช่วงของการพักตัวออกด้านข้าง
แนวรับ 1,215/1,210 แนวต้าน 1,295/1,300