พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณี มีคำสั่งให้ตำรวจทุกพื้นที่รายงานเหตุสะเทือนขวัญในทุกพื้นที่ต่อ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว ว่าเป็นระบบการบริหารงานภายในปกติ เพราะมีการดำเนินการในลักษณะนี้มาอย่างต่อเนื่องในทุกรัฐบาลที่มีรองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ซึ่งเป็นการรวบรวมและลดขั้นตอนก่อนรายงานต่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพราะระดับผู้บัญชาการก็สามารถรายงานถึงรองนายกรัฐมนตรีได้อยู่แล้ว ซึ่งส่วนตัวก็ไม่เคยน้อยใจ
ส่วนการปราบปรามผู้มีอิทธิพล พล.ต.อ.จักรทิพย์ ระบุว่า วันนี้ส่วนตัวได้รับรายชื่อนายตำรวจที่พบว่ามีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลแล้ว แต่ยังไม่ได้มีการตรวจสอบ และได้มีการพูดคุยกับข้าราชการตำรวจระดับนายพล 4 นาย ระดับผู้บัญชาการแล้ว ตามที่พบว่าอาจมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้มีอิทธิพล ซึ่งเบื้องต้นจากข้อมูลพบว่าเข้าข่ายความผิดใน 16 ข้อที่วางกรอบไว้ก่อนหน้านี้ โดยจากนี้ก็จะดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งถ้าผิดก็จะดำเนินการเอาผิดทั้งทางวินัยและทางอาญา ซึ่งเบื้องต้นทั้งหมด ให้การปฏิเสธว่าไม่มีความเกี่ยวข้อง แต่ถึงอย่างไรส่วนตัวยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ระบุว่า ได้รับรายชื่อในส่วนของผู้มีอิทธิพลเฉพาะที่เป็นข้าราชการตำรวจเท่านั้น แต่ในส่วนอื่นก็จะมีการบูรณาการร่วมกับทางทหารและกระทรวงมหาดไทย ในทุกพื้นที่ ซึ่งถ้าหากมีการดำเนินคดีก็จะส่งคดีทั้งหมดมาให้ตำรวจดำเนินการ คาดจะเห็นผลเป็นรูปธรรมชัดเจนภายในสัปดาห์หน้า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ยืนยันว่ามาตรการปราบปรามผู้มีอิทธิพลไม่มีความเกี่ยวข้องกับการเมืองแต่อย่างใด เพราะมาตราการนี้ดำเนืนการมาตั้งแต่ 6เดือนนก่อนหน้านี้แล้ว และเรื่องการทำประชามติพึ่งจะมีไม่นานนี้ โดยถึงอย่างไรก็จะให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นชัดเจนต่อไป
ส่วนการปราบปรามผู้มีอิทธิพล พล.ต.อ.จักรทิพย์ ระบุว่า วันนี้ส่วนตัวได้รับรายชื่อนายตำรวจที่พบว่ามีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลแล้ว แต่ยังไม่ได้มีการตรวจสอบ และได้มีการพูดคุยกับข้าราชการตำรวจระดับนายพล 4 นาย ระดับผู้บัญชาการแล้ว ตามที่พบว่าอาจมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้มีอิทธิพล ซึ่งเบื้องต้นจากข้อมูลพบว่าเข้าข่ายความผิดใน 16 ข้อที่วางกรอบไว้ก่อนหน้านี้ โดยจากนี้ก็จะดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งถ้าผิดก็จะดำเนินการเอาผิดทั้งทางวินัยและทางอาญา ซึ่งเบื้องต้นทั้งหมด ให้การปฏิเสธว่าไม่มีความเกี่ยวข้อง แต่ถึงอย่างไรส่วนตัวยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ระบุว่า ได้รับรายชื่อในส่วนของผู้มีอิทธิพลเฉพาะที่เป็นข้าราชการตำรวจเท่านั้น แต่ในส่วนอื่นก็จะมีการบูรณาการร่วมกับทางทหารและกระทรวงมหาดไทย ในทุกพื้นที่ ซึ่งถ้าหากมีการดำเนินคดีก็จะส่งคดีทั้งหมดมาให้ตำรวจดำเนินการ คาดจะเห็นผลเป็นรูปธรรมชัดเจนภายในสัปดาห์หน้า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ยืนยันว่ามาตรการปราบปรามผู้มีอิทธิพลไม่มีความเกี่ยวข้องกับการเมืองแต่อย่างใด เพราะมาตราการนี้ดำเนืนการมาตั้งแต่ 6เดือนนก่อนหน้านี้แล้ว และเรื่องการทำประชามติพึ่งจะมีไม่นานนี้ โดยถึงอย่างไรก็จะให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นชัดเจนต่อไป
