วันนี้ (10 มี.ค.) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และคณะ เดินทางมอบนโยบายสำคัญของรัฐบาล และกระทรวงมหาดไทยในส่วนภูมิภาค ให้แก่ผู้บริหารองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ โดยมีนายก อปท. และปลัด อปท. จำนวน 1,190 คน เข้าร่วมรับมอบนโยบาย
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ตนเองได้เอานโยบายของกระทรวงและรัฐบาลลงมาสู่การปฏิบัติ เพราะ อปท.เป็นส่วนสำคัญที่สุดที่ดูแลประเทศชาติและความเป็นอยู่ของประชาชน ได้ดีกว่าหน่วยงานราชการในกระทรวงฯ เพราะรู้จักพื้นที่และความต้องการประชาชนในพื้นที่ ประชาชนมีความสุขและอยู่ดีกินดี จึงสนับสนุนให้ อปท.ไปดูงานในต่างประเทศ เพื่อนำเอาสิ่งที่ดีๆ มาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาท้องถิ่น โดยขอให้ อปท. จัดทำแผนพัฒนาให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาจังหวัดและยุทธศาสตร์ของชาติ ตอบสนองความต้องการและต่อปัญหาของประชาชนในพื้นที่เป็นหลัก แม้แต่พรรคการเมืองยังไม่สนองตอบประชาชนได้มากกว่า อปท. โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่รัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง พรรคการเมืองบางพรรคไม่สนใจจังหวัดที่ไม่เลือก ส.ส. สังกัดพรรคการเมืองที่บริหารประเทศ จึงไม่สนใจจังหวัดนั้น ๆ ประชาชนจะได้รับการดูแลน้อย ซึ่งไม่ยุติธรรมกับประชาชนซึ่งเป็นคนไทยที่เสียภาษีให้กับรัฐ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวอีกว่า ผู้บริหาร อปท. ต้องคำนึงถึงประโยชน์ของชาติและประชาชนในท้องถิ่น รัฐบาลจึงกำหนดแนวการแก้ปัญหาของ อปท.ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติในระยะ 20 ปี (2560-2574) ของรัฐบาล เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนของประเทศตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 6 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ความมั่นคง การสร้างสามารถในการแข่งขัน การพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพคน การสร้างโอกาส ความเสมอภาคและเท่าเทียมกันทางสังคม การสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และยุทธศาสตร์ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ
นอกจากนี้ รัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยมีความคาดหวังต่อบทบาทของ อปท. ในการปกป้องและเทิดทูนสถาบัน การป้องกันและแก้ปัญหายาเสพติดที่กำลังระบาด ป้องกันและแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ การรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อย การแก้ปัญหาภัยแล้ง การแก้ปัญหาราคายางตกต่ำและการบริหารราชการให้ยึดหลักธรรมาภิบาล
ทั้งนี้ ภายหลังมอบนโยบาย พล.อ.อนุพงษ์ ได้เปิดโอกาสให้ อปท. สะท้อนปัญหาและความต้องการของ อปท. ซึ่งส่วนใหญ่ อปท. มีปัญหาเรื่องที่ดินประชาชนที่ทับซ้อนกับกรมอุทยานแห่งชาติและกรมป่าไม้ รวมทั้งไม่สามารถแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคให้กับประชาชนได้ เพราะกรมป่าไม้และกรมอุทยานไม่อนุญาต ขณะที่ในส่วนของพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา ได้ขอเงินเสี่ยงภัยให้กับผู้บริหารและสมาชิก และขอให้จัดสรรงบประมาณก่อสร้างสำนักงานของ อปท. ที่ถูกลอบวางเพลิงด้วย
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ตนเองได้เอานโยบายของกระทรวงและรัฐบาลลงมาสู่การปฏิบัติ เพราะ อปท.เป็นส่วนสำคัญที่สุดที่ดูแลประเทศชาติและความเป็นอยู่ของประชาชน ได้ดีกว่าหน่วยงานราชการในกระทรวงฯ เพราะรู้จักพื้นที่และความต้องการประชาชนในพื้นที่ ประชาชนมีความสุขและอยู่ดีกินดี จึงสนับสนุนให้ อปท.ไปดูงานในต่างประเทศ เพื่อนำเอาสิ่งที่ดีๆ มาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาท้องถิ่น โดยขอให้ อปท. จัดทำแผนพัฒนาให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาจังหวัดและยุทธศาสตร์ของชาติ ตอบสนองความต้องการและต่อปัญหาของประชาชนในพื้นที่เป็นหลัก แม้แต่พรรคการเมืองยังไม่สนองตอบประชาชนได้มากกว่า อปท. โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่รัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง พรรคการเมืองบางพรรคไม่สนใจจังหวัดที่ไม่เลือก ส.ส. สังกัดพรรคการเมืองที่บริหารประเทศ จึงไม่สนใจจังหวัดนั้น ๆ ประชาชนจะได้รับการดูแลน้อย ซึ่งไม่ยุติธรรมกับประชาชนซึ่งเป็นคนไทยที่เสียภาษีให้กับรัฐ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวอีกว่า ผู้บริหาร อปท. ต้องคำนึงถึงประโยชน์ของชาติและประชาชนในท้องถิ่น รัฐบาลจึงกำหนดแนวการแก้ปัญหาของ อปท.ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติในระยะ 20 ปี (2560-2574) ของรัฐบาล เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนของประเทศตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 6 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ความมั่นคง การสร้างสามารถในการแข่งขัน การพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพคน การสร้างโอกาส ความเสมอภาคและเท่าเทียมกันทางสังคม การสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และยุทธศาสตร์ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ
นอกจากนี้ รัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยมีความคาดหวังต่อบทบาทของ อปท. ในการปกป้องและเทิดทูนสถาบัน การป้องกันและแก้ปัญหายาเสพติดที่กำลังระบาด ป้องกันและแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ การรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อย การแก้ปัญหาภัยแล้ง การแก้ปัญหาราคายางตกต่ำและการบริหารราชการให้ยึดหลักธรรมาภิบาล
ทั้งนี้ ภายหลังมอบนโยบาย พล.อ.อนุพงษ์ ได้เปิดโอกาสให้ อปท. สะท้อนปัญหาและความต้องการของ อปท. ซึ่งส่วนใหญ่ อปท. มีปัญหาเรื่องที่ดินประชาชนที่ทับซ้อนกับกรมอุทยานแห่งชาติและกรมป่าไม้ รวมทั้งไม่สามารถแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคให้กับประชาชนได้ เพราะกรมป่าไม้และกรมอุทยานไม่อนุญาต ขณะที่ในส่วนของพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา ได้ขอเงินเสี่ยงภัยให้กับผู้บริหารและสมาชิก และขอให้จัดสรรงบประมาณก่อสร้างสำนักงานของ อปท. ที่ถูกลอบวางเพลิงด้วย
