ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจฯ แจงสิ่งที่นายกฯ ต้องการสื่อสาร หวังทำให้เกิดความร่วมมือทุกภาคส่วน ประชาชนเข้มแข็งในตนเอง แนะคนชงไปคุยกับพวกเห็นต่างเพื่อหาข้อยุติ ไม่ใช่มาให้รัฐใช้กฎหมาย บอกกำลังแก้ปัญหาเร่งด่วน โยนปฏิรูป สปท.ทำอยู่ เตือนสื่อคำนึงถึงข้อเท็จจริง ไล่ย้อนดูกลุ่มต้านทำผิดหรือไม่ ไม่ใช่ติทุกเรื่องจนทำอะไรไม่ได้ จวกพวกสร้างปัญหาในอดีตกดดันทำให้งานช้า
วันที่ (23 ม.ค.) เมื่อเวลา 08.00 น. พ.อ.หญิง ทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ต้องการสื่อสารไปถึงข้าราชการและประชาชน ผ่านสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย โดยมีเนื้อหาสรุปว่า รัฐบาลต้องการทำให้เกิดความร่วมมือในทุกภาคส่วน เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มทุกฝ่ายมีความเข้มแข็งในตนเอง อย่างเรื่องอะไรที่มีผู้เสนอแล้วมีการคัดค้าน คนเสนอก็อยากให้รัฐบาลตัดสินใจ แม้มีอำนาจแต่ไม่ต้องการทำให้มีความขัดแย้ง ผู้ที่เสนอควรไปหารือกับผู้ที่ไม่เห็นด้วย เพื่อหาข้อยุติ อะไรทำได้จะได้ดำเนินการก่อน ไม่ใช่เอาปัญหาที่ยังมีความทับซ้อนมาให้รัฐบาลบังคับใช้กฎหมาย
ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลก็ได้แก้ไขปัญหาเร่งด่วน ไม่ว่าจะเป็น การค้ามนุษย์ การทำประมงผิดกฎหมาย การจัดที่ดินอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่ทำทั้งด้านสาธารณสุข และการศึกษา ส่วนการปฏิรูปนั้นอยากให้มองภาพใหญ่ คือ 11 ด้านการปฏิรูป และ 37 กิจกรรม รวมถึงแผนปฏิรูปที่สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) กำลังทำอยู่ ต้องบูรณาการทุกส่วนงาน ไม่เช่นนั้นปัญหาจะแก้ไม่ได้ และการปฏิรูปจะเดินต่อไม่ได้ อีกทั้งรัฐบาลจะเร่งสร้างความเข้าใจต่อประชาชน โดยเริ่มจากนโยบายและยุทธศาสตร์ของ รัฐบาล และคสช. ซึ่งเรื่องเร่งด่วนจะดำเนินการภายใน 1 ปี 6 เดือนจากนี้ และส่งแผนยุทธศาสตร์ชาติให้รัฐบาลหน้าไปพิจารณาดำเนินการต่อ
พ.อ.หญิง ทักษดากล่าวอีกว่า การสร้างความรับรู้ สื่อต้องคำนึงถึงข้อเท็จจริงว่ารัฐบาลกำลังทำอะไร แก้ปัญหาอะไร ปัญหาเกิดเมื่อไหร่ เราเข้ามาเพื่อทำในสิ่งที่เขาทำไม่ได้ ซึ่งจะทำตามความรู้สึกไม่ได้ ต้องรับฟังเสียงจากทุกฝ่ายเพื่อให้ได้ข้อยุติ การกล่าวอ้างเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน อยากให้สื่อและสังคม ย้อนกลับไปดูว่าเป็นการทำผิดกฎหมายหรือไม่ รัฐบาลและ คสช.รู้สถานะตนเองดี ไม่เคยปฏิเสธความรับผิดชอบ แต่ไม่ใช่ติทุกเรื่องจนทำอะไรไม่ได้ มีความพยายามขยายความขัดแย้ง จากผู้มีส่วนร่วมทำให้ประเทศติดกับดัก ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มการเมืองที่ทำให้ คสช.เข้ามา คนกลุ่มนี้วิพากษ์วิจารณ์ในสิ่งที่ไม่เคยทำ ว่ารัฐบาลไม่สุจริต ส่งเรื่องความขัดแย้งไปต่างประเทศ อ้างความชอบทำ ซึ่งต้องสร้างความรับรู้ว่าเขาเหล่านั้นทำอะไรผิดถูกบ้าง สื่อต้องให้ความเป็นธรรมทุกฝ่ายอย่างมีจรรยาบรรณ
พ.อ.หญิง ทักษดากล่าวด้วยว่า การปฏิรูปรัฐธรรมนูญที่ดำเนินการอยู่ ถ้าไม่เข้าใจว่าปัญหาของประเทศด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม กฎหมาย กระบวนการยุติธรรม เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมมาก่อน แก้แต่ปัญหาเฉพาะหน้า ใช้งบประมาณ เป็นภาพลวงตา ประชาชนสร้างความเข้มแข็งด้วยตัวเองไม่ได้ จึงไม่ควรนำมาเปรียบเทียบกับสิ่งที่ คสช.จะทำให้ยั่งยืน เพราะคิดกันคนละอย่าง ถ้าคิดว่าวันหน้าจะอยู่แบบเดิมๆ ก็ไม่ต้องทำอะไรใหม่ การทำงานของรัฐบาลและคสช.มีปัญหามาก ต้องดำเนินการตามเวลาที่กำหนดไว้ แต่ถูกทำให้ช้าลงด้วยการต่อต้านกับคนที่ทำให้เกิดปัญหาในอดีต โดยมากดดันรัฐบาลในขณะนี้ สังคมต้องคิดเองด้วย