ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.1396/2556 ที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และอดีตรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 , 328 ตามฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 11 เม.ย.56 บรรยายพฤติการณ์สรุปว่า วันที่ 20-25 ม.ค.56 พล.ต.ท.ชัจจ์ จำเลย ให้สัมภาษณ์ หนังสือพิมพ์คมชัดลึก ฉบับวันที่ 25 ม.ค.56 และให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนโดยมีเจตนาให้บุคคลอื่นเข้าใจว่า โจทก์เป็นคนไม่ดี และใช้อำนาจในทางที่ผิด ทำให้โจทก์เสื่อมเสียชื่อเสียง จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามกฎหมาย และให้จำเลยโฆษณาคำพิพากษาลงในหนังสือพิมพ์คมชัดลึก และหนังสือพิมพ์ผู้จัดการด้วย ขณะที่จำเลยให้การปฏิเสธต่อสู้
โดยศาลพิเคราะห์ พยานหลักฐานที่โจทก์-จำเลยนำสืบแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ขณะเกิดเหตุโจทก์รับราชการตำรวจ ตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ส่วนจำเลยเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยวันที่ 5 มี.ค.53 นางวิมลรัตน์ กุลดิลก ภรรยาของจำเลย เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง โจทก์กับพวกรวม 10 คน ต่อศาลแพ่งเป็นคดีหมายเลขดำ 830/2553 เพื่อขอให้เพิกถอนการโอนหุ้นบริษัท แอสเซ็ทมิลเลี่ยน จำกัด ระหว่างโจทก์กับพวก ต่อมาจำเลย จึงให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน ทำนองว่า มีการใช้ลูกน้องไปทำให้นายโดนัล เอียน แม็คเบล พยานชาวออสเตรเลีย ในคดีเพิกถอนการโอนหุ้น ถูกขึ้นบัญชีห้ามเดินทางเข้ามาในประเทศไทย และข้อความทำนองว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากความละโมบของคนบางคนที่ไม่รู้จักพอ
ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า ข้อความดังกล่าวของจำเลย เป็นการพูด เพื่อปกป้องรักษาสิทธิในทางคดี เป็นการแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริตด้วยความชอบธรรม ป้องกันส่วนได้ส่วนเสียของตนเอง จึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามมาตรา 329 (1) พิพากษาให้ยกฟ้อง ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า การฟังคำพิพากษาวันนี้ พล.ต.อ.สมยศ โจทก์ ไม่ได้เดินทางมาแต่อย่างใด มีเพียงทนายความที่ได้รับมอบหมายให้มาฟังคำพิพากษา ส่วน พล.ต.ท.ชัจจ์ จำเลย เดินทางมาพร้อมทนายความ และผู้ติดตาม
ขณะที่ พล.ต.ท.ชัจจ์ กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ขอบคุณศาลที่พิพากษายกฟ้อง
โดยศาลพิเคราะห์ พยานหลักฐานที่โจทก์-จำเลยนำสืบแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ขณะเกิดเหตุโจทก์รับราชการตำรวจ ตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ส่วนจำเลยเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยวันที่ 5 มี.ค.53 นางวิมลรัตน์ กุลดิลก ภรรยาของจำเลย เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง โจทก์กับพวกรวม 10 คน ต่อศาลแพ่งเป็นคดีหมายเลขดำ 830/2553 เพื่อขอให้เพิกถอนการโอนหุ้นบริษัท แอสเซ็ทมิลเลี่ยน จำกัด ระหว่างโจทก์กับพวก ต่อมาจำเลย จึงให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน ทำนองว่า มีการใช้ลูกน้องไปทำให้นายโดนัล เอียน แม็คเบล พยานชาวออสเตรเลีย ในคดีเพิกถอนการโอนหุ้น ถูกขึ้นบัญชีห้ามเดินทางเข้ามาในประเทศไทย และข้อความทำนองว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากความละโมบของคนบางคนที่ไม่รู้จักพอ
ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า ข้อความดังกล่าวของจำเลย เป็นการพูด เพื่อปกป้องรักษาสิทธิในทางคดี เป็นการแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริตด้วยความชอบธรรม ป้องกันส่วนได้ส่วนเสียของตนเอง จึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามมาตรา 329 (1) พิพากษาให้ยกฟ้อง ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า การฟังคำพิพากษาวันนี้ พล.ต.อ.สมยศ โจทก์ ไม่ได้เดินทางมาแต่อย่างใด มีเพียงทนายความที่ได้รับมอบหมายให้มาฟังคำพิพากษา ส่วน พล.ต.ท.ชัจจ์ จำเลย เดินทางมาพร้อมทนายความ และผู้ติดตาม
ขณะที่ พล.ต.ท.ชัจจ์ กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ขอบคุณศาลที่พิพากษายกฟ้อง