พระเมธีธรรมาจารย์ (ประสาร จนฺทสาโร) เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย (ศพศ) กล่าวว่า กรณีมีพระสงฆ์จำนวนมากแสดงเจตจำนงไปร่วมเป็นพระผู้ต้องหาที่ สภ.พุทธมณฑล หลังจากมีกระแสข่าวว่า สภ.พุทธมณฑล แจ้งดำเนินคดีอาตมา 4 ข้อกล่าวหา ได้แก่ 1.ละเมิด พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ 2.ใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต 3.ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และ 4.หมิ่นประมาท อาตมายืนยันว่าหากได้รับหมายเรียกวันไหน พระสงฆ์กว่าพันรูปจะไปรวมตัวกันที่ สภ.พุทธมณฑล เพื่อให้ดำเนินคดีด้วยกัน เพราะท่านเหล่านั้นไปร่วมเจริญพระพุทธมนต์ ทั้งนี้ ภายหลังข่าวนี้ปรากฏออกตามสื่อ มีบางคนกล่าวหาอาตมา และพระสงฆ์ที่จะไปร่วมเป็นผู้ต้องหาว่าใช้วิธีนี้ข่มขู่ ปลุกระดม เป็นต้น ตรงกันข้ามอาตมาเป็นผู้ถูกข่มขู่มาทุกรูปแบบ รวมถึง พระที่ไปร่วมเจริญพระพุทธมนต์หลายวัดในต่างจังหวัด มีเจ้าหน้าที่ทหารเข้าไปสอบถามถึงในวัด เพื่อถามว่าได้ไปร่วมชุมนุมในวันนั้นหรือไม่ แม้แต่ญาติโยมที่นำอาหารเพลไปถวาย ก็ถูกคุกคามในหลายรูปแบบ ที่สำคัญตำรวจในหลายท้องที่เริ่มทยอยออกหมายเรียกเป็นรายคน
“ขณะนี้พระสงฆ์ที่ไปร่วมเจริญพระพุทธมนต์รู้สึกอัดอั้นตันใจ ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากฝ่ายรัฐ ทั้งที่มีข้อตกลงร่วมกันด้วยดีกับฝ่ายรัฐบาล เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วจะให้ปฏิบัติอย่างไร นอกจากนี้ สังฆามติ 5 ข้อที่เสนอรัฐบาลไปแล้วยังไม่คืบหน้า แต่ถือว่าอยู่ในห้วงเวลาที่ปกติ เพราะเรื่องเพิ่งผ่านไปเพียง 9 วัน แต่ต่อไปถ้ายังไม่มีความคืบหน้า อาจเป็นการเรียกแขกให้พระมาชุมนุมมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ไม่ได้ถือสาที่มีผู้เรียกขานอาตมาในทำนองว่าเป็นโล้น แทนที่จะเรียกนามตามปกติ”พระเมธีธรรมาจารย์ กล่าว
“ขณะนี้พระสงฆ์ที่ไปร่วมเจริญพระพุทธมนต์รู้สึกอัดอั้นตันใจ ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากฝ่ายรัฐ ทั้งที่มีข้อตกลงร่วมกันด้วยดีกับฝ่ายรัฐบาล เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วจะให้ปฏิบัติอย่างไร นอกจากนี้ สังฆามติ 5 ข้อที่เสนอรัฐบาลไปแล้วยังไม่คืบหน้า แต่ถือว่าอยู่ในห้วงเวลาที่ปกติ เพราะเรื่องเพิ่งผ่านไปเพียง 9 วัน แต่ต่อไปถ้ายังไม่มีความคืบหน้า อาจเป็นการเรียกแขกให้พระมาชุมนุมมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ไม่ได้ถือสาที่มีผู้เรียกขานอาตมาในทำนองว่าเป็นโล้น แทนที่จะเรียกนามตามปกติ”พระเมธีธรรมาจารย์ กล่าว