รายงานข่าวแจ้งว่า น.ส.นวลวรรณ ภู่ประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่สายการเงิน บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) ทำหนังสือแจ้งกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ถึงกรณีที่เที่ยวบินสายการบินนกแอร์ยกเลิกเที่ยวบิน เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2559 นั้น ว่าสาเหตุดังกล่าวเกิดจากนักบินที่รับหน้าที่ปฏิบัติงานได้แจ้งลาป่วยกะทันหัน จำนวน 5 คน ส่งผลกระทบให้เที่ยวบินที่อยู่ในช่วงเวลา 16.00 น. เป็นต้นไปที่บินออกจากท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมืองล่าช้า และมีการยกเลิกรวมทั้งสิ้น 9 เที่ยวบินทั้งไปและกลับ
อย่างไรก็ตาม สายการบินนกแอร์ได้มีการแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยให้มีผลกระทบน้อยที่สุดต่อผู้โดยสาร เช่น การโอนย้ายผู้โดยสารไปยังสายการบินอื่น การเช่าเหมาลำสายการบินอื่นเพื่อขนส่งผู้โดยสาร รวมทั้งจัดหาที่พักให้แก่ผู้โดยสารที่ประสงค์จะเปลี่ยนแปลงเที่ยวบินจากกำหนดเดิม พร้อมกันนี้จะมีการชดเชยให้แก่ผู้โดยสารตามประกาศของกระทรวงคมนาคมอีกด้วย ขณะนี้สามารถจัดการให้ผู้โดยสารเดินทางได้ตามปกติแล้ว
สำหรับราคาหุ้นบริษัทนกแอร์ วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559 ปรับตัวลดลงทันทีที่เปิดการซื้อขายมาแตะจุดต่ำสุดที่ 6.80 บาท ลดลงจากวันก่อนหน้า 0.4 บาท หรือ 5.5% และมีราคาปิดที่ 7.05 บาท ลดลง 0.15 บาท หรือ 2.08%
ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) วิเคราะห์ว่า ข่าวนักบินนกแอร์ลาป่วยกะทันหันเป็นลบต่อบริษัทนกแอร์ เนื่องจากจะทำให้ลูกค้าสูญเสียความเชื่อมั่นที่มีต่อการใช้บริการบริษัท ดังนั้น ผู้บริหารจำเป็นต้องเร่งดำเนินการกอบกู้สถานการณ์ให้เป็นปกติโดยเร็ว หากไม่ประสบผลสำเร็จ คาดว่าบริษัทจะสูญเสียส่วนแบ่งตลาดในแง่จำนวนผู้โดยสารในอนาคต โดยสิ้นปี 2558 นกแอร์มีส่วนแบ่งตลาดเป็นลำดับ 2 ของอุตสาหกรรมรองจากบริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือแอร์เอเชีย
ส่วนความคืบหน้าหลังกระทรวงคมนาคมมอบให้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) หารือกับผู้ประกอบการสายการบินที่ให้บริการในประเทศ ป้องกันปัญหาและเพิ่มมาตรการควบคุมในวันเดียวกันนี้ นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รมช.คมนาคมเปิดเผยหลังหารือว่า ผู้บริหารสายการบินนกแอร์ ไม่ได้เข้าร่วมประชุมกับผู้ประกอบการสายการบิน13 สายการบินจากทั้งหมด 14 สายการบิน โดยแจ้งเหตุผลว่าติดภารกิจประชุมในบริษัท ดังนั้น กระทรวงจึงสั่งให้ผู้บริหารสายการบินนกแอร์ชี้แจงสาเหตุเป็นลายลักษณ์อักษรที่ทำให้เกิดยกเลิกเที่ยวบินมาภายใน 3 วันและให้เข้าชี้แจงปัญหาดังกล่าวกับตนในวันที่ 16 กุมภาพันธ์
นอกจากนี้ กระทรวงยังแจ้งให้ทุกสายการบินรับทราบแนวทางแก้ปัญหา ถ้าเกิดกรณีดังกล่าวว่า ให้ทุกสายการบินต้องมีแผนฉุกเฉิน และแผนบริหารความเสี่ยงส่งให้กระทรวงภายใน 1 เดือน ต้องมีข้อกฎหมายชดเชยค่าเสียหายให้ผู้บริโภค ทั้งนี้ หากเป็นการทำผิดครั้งแรกจะตักเตือน ครั้งที่สองพิจารณาพักใช้ใบอนุญาตเดินอากาศ (AOL) และถ้าเป็นครั้งที่ 3 จะเพิกถอนใบ AOL ซึ่งการกระทำผิดของนกแอร์ยังอยู่ในข่ายทำผิดครั้งแรก ต้องรอฟังคำชี้แจงจากนกแอร์ก่อนพิจารณาบทลงโทษ และเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับมาตรฐานองค์การความปลอดภัยด้านการบินแห่งสหภาพยุโรป(EASA) แต่น่าจะเกี่ยวกับสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA)
“จากกรณีที่เกิดขึ้นเห็นชัดว่าผู้บริหารนกแอร์มีระบบจัดการล่าช้า ทำให้ผู้โดยสารสับสน ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าวผู้บริหารนกแอร์ต้องรับผิดชอบ และปัญหาที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อการออกใบ AOL แน่นอน”นายออมสินกล่าว และว่า เบื้องต้นสายการบินจะถูกปรับ 20,000 บาทและปรับเพิ่มวันละ 1,000 บาท ถ้ายังไม่แก้ไขปัญหาไม่เสร็จ
ด้านนายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความกรณีนักบินประท้วงไม่ขึ้นบินของสายการบินนกแอร์ว่า ถ้ามองให้เป็นกลางว่าสายการบินต้องรับผิดชอบมากน้อยแค่ไหนหรือไม่ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า บริษัทฯเคยทบทวนวิธีการแก้ปัญหาลักษณะเช่นนี้ตามมาตรฐานสากล เช่น จัดหาเที่ยวบินให้ใหม่ หาที่พัก หรือต้องชดใช้ค่าสินไหมแก่ผู้โดยสาร ซึ่งเป็นผู้บริโภคหรือไม่ เท่าที่ตนทราบเหมือนขาดการบริหารจัดการ บริษัทฯทราบเรื่องตอนไหน ที่นักบินไม่มารายงานตัวเพื่อปฏิบัติหน้าที่ เมื่อรู้ว่าไม่มา เหตุใดจึงแจ้งเรื่องช้า เรื่องแบบนี้ผู้บริหารต้องทราบก่อน รวมทั้งศูนย์บริหารการบินก็ต้องทราบ เมื่อแจ้งเรื่องช้า ขนาดผู้โดยสารหิ้วกระเป๋ามารอขึ้นเครื่องกันเต็มไปหมด
ส่วนที่ผู้บริหารอ้างว่านักบินประท้วงนั้น ตนเห็นว่า เรื่องนักบินไม่ขึ้นบินมีโอกาสเป็นไปได้เสมอ บริษัทต้องมีแผนสำรอง หรือแผนปฏิบัติการล่วงหน้า ไม่ใช่มาบอกว่า เป็นปัญหาภายในองค์กรมาเป็นข้อแก้ตัวไม่ได้ ส่วนสิทธิ์ของผู้โดยสารนั้น การให้บริการของสายการบินทุกแห่งจะมีข้อจำกัดความรับผิดไว้ว่า กรณีมีปัญหาเครื่องขึ้นบินไม่ได้ หรือเดินทางไม่ได้ไม่ว่าเกิดจากภัยธรรมชาติ หรือเกิดจากมนุษย์ ก็จะวางเงื่อนไขว่า บริษัทจะรับผิดชอบมากน้อยเพียงใด กรณีที่เกิดขึ้นลักษณะนี้ ในต่างประเทศผู้โดยสารยื่นฟ้อง และชนะคดีมาแล้ว
อย่างไรก็ตาม สายการบินนกแอร์ได้มีการแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยให้มีผลกระทบน้อยที่สุดต่อผู้โดยสาร เช่น การโอนย้ายผู้โดยสารไปยังสายการบินอื่น การเช่าเหมาลำสายการบินอื่นเพื่อขนส่งผู้โดยสาร รวมทั้งจัดหาที่พักให้แก่ผู้โดยสารที่ประสงค์จะเปลี่ยนแปลงเที่ยวบินจากกำหนดเดิม พร้อมกันนี้จะมีการชดเชยให้แก่ผู้โดยสารตามประกาศของกระทรวงคมนาคมอีกด้วย ขณะนี้สามารถจัดการให้ผู้โดยสารเดินทางได้ตามปกติแล้ว
สำหรับราคาหุ้นบริษัทนกแอร์ วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559 ปรับตัวลดลงทันทีที่เปิดการซื้อขายมาแตะจุดต่ำสุดที่ 6.80 บาท ลดลงจากวันก่อนหน้า 0.4 บาท หรือ 5.5% และมีราคาปิดที่ 7.05 บาท ลดลง 0.15 บาท หรือ 2.08%
ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) วิเคราะห์ว่า ข่าวนักบินนกแอร์ลาป่วยกะทันหันเป็นลบต่อบริษัทนกแอร์ เนื่องจากจะทำให้ลูกค้าสูญเสียความเชื่อมั่นที่มีต่อการใช้บริการบริษัท ดังนั้น ผู้บริหารจำเป็นต้องเร่งดำเนินการกอบกู้สถานการณ์ให้เป็นปกติโดยเร็ว หากไม่ประสบผลสำเร็จ คาดว่าบริษัทจะสูญเสียส่วนแบ่งตลาดในแง่จำนวนผู้โดยสารในอนาคต โดยสิ้นปี 2558 นกแอร์มีส่วนแบ่งตลาดเป็นลำดับ 2 ของอุตสาหกรรมรองจากบริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือแอร์เอเชีย
ส่วนความคืบหน้าหลังกระทรวงคมนาคมมอบให้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) หารือกับผู้ประกอบการสายการบินที่ให้บริการในประเทศ ป้องกันปัญหาและเพิ่มมาตรการควบคุมในวันเดียวกันนี้ นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รมช.คมนาคมเปิดเผยหลังหารือว่า ผู้บริหารสายการบินนกแอร์ ไม่ได้เข้าร่วมประชุมกับผู้ประกอบการสายการบิน13 สายการบินจากทั้งหมด 14 สายการบิน โดยแจ้งเหตุผลว่าติดภารกิจประชุมในบริษัท ดังนั้น กระทรวงจึงสั่งให้ผู้บริหารสายการบินนกแอร์ชี้แจงสาเหตุเป็นลายลักษณ์อักษรที่ทำให้เกิดยกเลิกเที่ยวบินมาภายใน 3 วันและให้เข้าชี้แจงปัญหาดังกล่าวกับตนในวันที่ 16 กุมภาพันธ์
นอกจากนี้ กระทรวงยังแจ้งให้ทุกสายการบินรับทราบแนวทางแก้ปัญหา ถ้าเกิดกรณีดังกล่าวว่า ให้ทุกสายการบินต้องมีแผนฉุกเฉิน และแผนบริหารความเสี่ยงส่งให้กระทรวงภายใน 1 เดือน ต้องมีข้อกฎหมายชดเชยค่าเสียหายให้ผู้บริโภค ทั้งนี้ หากเป็นการทำผิดครั้งแรกจะตักเตือน ครั้งที่สองพิจารณาพักใช้ใบอนุญาตเดินอากาศ (AOL) และถ้าเป็นครั้งที่ 3 จะเพิกถอนใบ AOL ซึ่งการกระทำผิดของนกแอร์ยังอยู่ในข่ายทำผิดครั้งแรก ต้องรอฟังคำชี้แจงจากนกแอร์ก่อนพิจารณาบทลงโทษ และเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับมาตรฐานองค์การความปลอดภัยด้านการบินแห่งสหภาพยุโรป(EASA) แต่น่าจะเกี่ยวกับสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA)
“จากกรณีที่เกิดขึ้นเห็นชัดว่าผู้บริหารนกแอร์มีระบบจัดการล่าช้า ทำให้ผู้โดยสารสับสน ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าวผู้บริหารนกแอร์ต้องรับผิดชอบ และปัญหาที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อการออกใบ AOL แน่นอน”นายออมสินกล่าว และว่า เบื้องต้นสายการบินจะถูกปรับ 20,000 บาทและปรับเพิ่มวันละ 1,000 บาท ถ้ายังไม่แก้ไขปัญหาไม่เสร็จ
ด้านนายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความกรณีนักบินประท้วงไม่ขึ้นบินของสายการบินนกแอร์ว่า ถ้ามองให้เป็นกลางว่าสายการบินต้องรับผิดชอบมากน้อยแค่ไหนหรือไม่ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า บริษัทฯเคยทบทวนวิธีการแก้ปัญหาลักษณะเช่นนี้ตามมาตรฐานสากล เช่น จัดหาเที่ยวบินให้ใหม่ หาที่พัก หรือต้องชดใช้ค่าสินไหมแก่ผู้โดยสาร ซึ่งเป็นผู้บริโภคหรือไม่ เท่าที่ตนทราบเหมือนขาดการบริหารจัดการ บริษัทฯทราบเรื่องตอนไหน ที่นักบินไม่มารายงานตัวเพื่อปฏิบัติหน้าที่ เมื่อรู้ว่าไม่มา เหตุใดจึงแจ้งเรื่องช้า เรื่องแบบนี้ผู้บริหารต้องทราบก่อน รวมทั้งศูนย์บริหารการบินก็ต้องทราบ เมื่อแจ้งเรื่องช้า ขนาดผู้โดยสารหิ้วกระเป๋ามารอขึ้นเครื่องกันเต็มไปหมด
ส่วนที่ผู้บริหารอ้างว่านักบินประท้วงนั้น ตนเห็นว่า เรื่องนักบินไม่ขึ้นบินมีโอกาสเป็นไปได้เสมอ บริษัทต้องมีแผนสำรอง หรือแผนปฏิบัติการล่วงหน้า ไม่ใช่มาบอกว่า เป็นปัญหาภายในองค์กรมาเป็นข้อแก้ตัวไม่ได้ ส่วนสิทธิ์ของผู้โดยสารนั้น การให้บริการของสายการบินทุกแห่งจะมีข้อจำกัดความรับผิดไว้ว่า กรณีมีปัญหาเครื่องขึ้นบินไม่ได้ หรือเดินทางไม่ได้ไม่ว่าเกิดจากภัยธรรมชาติ หรือเกิดจากมนุษย์ ก็จะวางเงื่อนไขว่า บริษัทจะรับผิดชอบมากน้อยเพียงใด กรณีที่เกิดขึ้นลักษณะนี้ ในต่างประเทศผู้โดยสารยื่นฟ้อง และชนะคดีมาแล้ว
