เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ 7 ก.พ. นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร ผู้อำนวยการส่วนคดีอาญาพิเศษ 2 พร้อมด้วยพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 125/2558 เข้าทำการตรวจค้นเป้าหมายบ้านพักตัวการสำคัญของขบวนการแชร์ลูกโซ่ เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานและอายัดทรัพย์สินที่ได้มาจากการหลอกลวง โดยใช้หมายค้นของศาลลำพูนที่ 7/2559 เข้าทำการตรวจค้นบ้านเลขที่ 23 หมู่ 4 ต.ทากาศ อ.แม่ทา จ.ลำพูน มีนายวัชรพงษ์ แก้วบุญเรือง อายุ 44 ปี และนางพิชชาพร แก้วบุญเรือง อายุ 37 ปี เป็นเจ้าของบ้าน ระหว่างทำการตรวจค้นทั้ง 2 คนอยู่ในบ้านด้วย นายวัชรพงษ์กับนางพิชชาพรเป็นแกนนำกลุ่มขบวนการแชร์ลูกโซ่กลุ่มเดียวกับนางจรวยพร เอี้ยวสกุล ที่ได้ถูกอายัดทรัพย์ในพื้นที่ภาคใต้ไปแล้ว ซึ่งนางพิชชาพรเป็นญาติกับนางจรวยพรด้วย
สำหรับพฤติการณ์ของขบวนการนี้จะหลอกให้เหยื่อผู้เสียหายในพื้นที่ลำพูน ลำปาง ลงทุนเกี่ยวกับทองคำและจะได้รับผลตอบแทนร้อยละ 10 ต่อเดือน กับบริษัท พีเอ็มบี เพกาซัส (ไทยเเลนด์) จำกัด และ Pegasus Billion Limited ซึ่งได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เมื่อปี 2556 และเริ่มมีผู้ได้รับความเสียหายจนกระทั่งขบวนการนี้ได้ยุติดำเนินการในปลายปี 2557 มีผู้เสียหายประมาณ 1,000 คน แยกเป็นพื้นที่ภาคใต้มากที่สุดถึง 600 ราย ภาคอีสาน 200 ราย และภาคเหนือ 200 ราย มูลค่าความเสียหายประมาณ 1,000 ล้านบาท ปัจจุบันทางดีเอสไอได้ทำการตรวจสอบและอายัดทรัพย์ของผู้มีส่วนร่วมกระทำความผิดไปบ้านแล้ว มูลค่าทรัพย์สินที่อายึดไว้กว่า 60 ล้านบาท และกำลังอยู่ระหว่างการขยายผลตรวจอายัดทรัพย์สินของแกนนำเพิ่มเติมที่เหลือให้หมด คงจะต้องใช้เวลานานสักระยะหนึ่ง
สำหรับผู้ต้องหาที่ร่วมอยู่ในขบวนการนี้น่าจะมีอยู่ประมาณ 20 คน ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างติดตามขยายผลเพิ่มเติมเพื่ออายัดทรัพย์ของแกนนำกลุ่มขบวนการที่เชื่อว่าเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการหลอกลวง เพื่อติดตามอายัดไว้คืนหรือชดใช้ให้กับผู้เสียที่ถูกหลอกลวง ทั้งนี้ในคดีดังกล่าว กลุ่มผู้กระทำผิดได้มีการจัดทำเว็บไซต์และจัดประชุมแสดงภาพความสำเร็จ โดยการจัดงานประชุมขึ้นเวทีกล่าวจูงใจให้ผู้ร่วมลงทุนเชื่อมั่น และลงทุนแบบไม่ถอนทุนและผลตอบแทนระหว่างลงทุนสูง จากนั้นกลุ่มผู้กระทำผิดได้หยุดจ่ายผลตอบแทนทำให้เกิดความเสียหายเป็นจำนวนมากดังกล่าว
นายปิยะศิริกล่าวว่า คดีแชร์ลูกโซ่เป็นเรื่องที่เป็นภัยต่อสังคม และเป็นนโยบายของกรมสอบสวนคดีพิเศษในปี 2559 ที่จะปราบปรามอย่างจริงจัง โดยพบว่าในพื้นที่ภาคเหนือมีผู้เสียหายในหลายกรณียังไม่ได้แจ้งความร้องทุกข์และให้ถ้อยคำต่อพนักงานสอบสวน ทั้งในคดีแชร์ทองคำพีกาซัส คดีหนังสือพิมพ์ตำรวจพลเมือง คดีแชร์น้ำมันกับบริษัท อีซีแช จำกัด หากมีผู้เสียหายในการหลอกลวงให้ลงทุนดังกล่าว สามารถติดต่อให้ข้อมูลได้ที่สำนักคดีอาญาพิเศษ 1 กรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อจะได้รวบรวมหลักฐานดำเนินการต่อไป
สำหรับพฤติการณ์ของขบวนการนี้จะหลอกให้เหยื่อผู้เสียหายในพื้นที่ลำพูน ลำปาง ลงทุนเกี่ยวกับทองคำและจะได้รับผลตอบแทนร้อยละ 10 ต่อเดือน กับบริษัท พีเอ็มบี เพกาซัส (ไทยเเลนด์) จำกัด และ Pegasus Billion Limited ซึ่งได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เมื่อปี 2556 และเริ่มมีผู้ได้รับความเสียหายจนกระทั่งขบวนการนี้ได้ยุติดำเนินการในปลายปี 2557 มีผู้เสียหายประมาณ 1,000 คน แยกเป็นพื้นที่ภาคใต้มากที่สุดถึง 600 ราย ภาคอีสาน 200 ราย และภาคเหนือ 200 ราย มูลค่าความเสียหายประมาณ 1,000 ล้านบาท ปัจจุบันทางดีเอสไอได้ทำการตรวจสอบและอายัดทรัพย์ของผู้มีส่วนร่วมกระทำความผิดไปบ้านแล้ว มูลค่าทรัพย์สินที่อายึดไว้กว่า 60 ล้านบาท และกำลังอยู่ระหว่างการขยายผลตรวจอายัดทรัพย์สินของแกนนำเพิ่มเติมที่เหลือให้หมด คงจะต้องใช้เวลานานสักระยะหนึ่ง
สำหรับผู้ต้องหาที่ร่วมอยู่ในขบวนการนี้น่าจะมีอยู่ประมาณ 20 คน ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างติดตามขยายผลเพิ่มเติมเพื่ออายัดทรัพย์ของแกนนำกลุ่มขบวนการที่เชื่อว่าเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการหลอกลวง เพื่อติดตามอายัดไว้คืนหรือชดใช้ให้กับผู้เสียที่ถูกหลอกลวง ทั้งนี้ในคดีดังกล่าว กลุ่มผู้กระทำผิดได้มีการจัดทำเว็บไซต์และจัดประชุมแสดงภาพความสำเร็จ โดยการจัดงานประชุมขึ้นเวทีกล่าวจูงใจให้ผู้ร่วมลงทุนเชื่อมั่น และลงทุนแบบไม่ถอนทุนและผลตอบแทนระหว่างลงทุนสูง จากนั้นกลุ่มผู้กระทำผิดได้หยุดจ่ายผลตอบแทนทำให้เกิดความเสียหายเป็นจำนวนมากดังกล่าว
นายปิยะศิริกล่าวว่า คดีแชร์ลูกโซ่เป็นเรื่องที่เป็นภัยต่อสังคม และเป็นนโยบายของกรมสอบสวนคดีพิเศษในปี 2559 ที่จะปราบปรามอย่างจริงจัง โดยพบว่าในพื้นที่ภาคเหนือมีผู้เสียหายในหลายกรณียังไม่ได้แจ้งความร้องทุกข์และให้ถ้อยคำต่อพนักงานสอบสวน ทั้งในคดีแชร์ทองคำพีกาซัส คดีหนังสือพิมพ์ตำรวจพลเมือง คดีแชร์น้ำมันกับบริษัท อีซีแช จำกัด หากมีผู้เสียหายในการหลอกลวงให้ลงทุนดังกล่าว สามารถติดต่อให้ข้อมูลได้ที่สำนักคดีอาญาพิเศษ 1 กรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อจะได้รวบรวมหลักฐานดำเนินการต่อไป