สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอนเตวิเดโอ ประเทศอุรุกวัย ระบุว่า รัฐมนตรีสาธารณสุขจาก 14 ประเทศในอเมริกาใต้ จัดการประชุมฉุกเฉินร่วมกันที่กรุงมอนเตวิเดโอ เพื่อหารือเรื่องสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสซิกา และการกำหนดแนวทางจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ เบื้องต้นองค์การสุขภาพแพนอเมริกันได้จัดสรรงบประมาณช่วยเหลือ 850,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 30.6 ล้านบาท
ขณะที่ประธานาธิบดีจิลมา รูเซฟ ผู้นำบราซิล แถลงผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ ว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสซิกาเป็นภัยคุกคามต่อประชาชนทั้งประเทศ ซึ่งได้สั่งยกระดับมาตรการทุกอย่างที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อกำจัดยุงลาย ที่รวมถึงการระดมกำลังทหารมากกว่า 500,000 นาย กระจายกำลังทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายทั่วประเทศ และให้คำแนะนำแก่ประชาชนในเรื่องการดูแลตัวเองเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสซิกาแล้ว
ทั้งนี้ ตามรายงานขององค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า บราซิลเป็นประเทศพบผู้ได้รับเชื้อไวรัสซิกามากที่สุด โดยพบผู้ป่วยสะสมแล้ว 3,670 คน นับตั้งแต่เดือนตุลาคม ปีที่แล้ว ในจำนวนนี้ 404 คน เป็นทารกซึ่งมีอาการของภาวะศีรษะเล็กกว่าปกติ ที่หลายฝ่ายเชื่อว่าเป็นผลจากการที่มารดาได้รับเชื้อไวรัสซิการะหว่างตั้งครรภ์ เพิ่มขึ้นมากจากสถิติเมื่อปี 2557 ซึ่งอยู่ที่ 147 คนเท่านั้น อีกทั้งยังอาจทำให้เกิดโรคภูมิต้านทางตนเอง หรือ กลุ่มอาการกีแยง-บาร์เร (Guillain–Barré) ในผู้ป่วยวัยผู้ใหญ่ด้วย
ด้านนายริก สกอตต์ ผู้ว่าการรัฐเทกซัส ทางตอนใต้ของสหรัฐฯ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเชื้อไวรัสซิกาใน 4 เขต หลังพบผู้ติดเชื้ออย่างน้อย 9 คน หนึ่งในนั้นรวมถึงผู้ป่วยที่อาจได้รับเชื้อผ่านการมีเพศสัมพันธ์
ทั้งนี้ ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคของสหรัฐฯ (ซีดีซี) เตรียมออกคู่มือเรื่องไวรัสซิกา ที่จะมีการให้คำแนะนำเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ด้วย
ขณะที่ประธานาธิบดีจิลมา รูเซฟ ผู้นำบราซิล แถลงผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ ว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสซิกาเป็นภัยคุกคามต่อประชาชนทั้งประเทศ ซึ่งได้สั่งยกระดับมาตรการทุกอย่างที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อกำจัดยุงลาย ที่รวมถึงการระดมกำลังทหารมากกว่า 500,000 นาย กระจายกำลังทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายทั่วประเทศ และให้คำแนะนำแก่ประชาชนในเรื่องการดูแลตัวเองเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสซิกาแล้ว
ทั้งนี้ ตามรายงานขององค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า บราซิลเป็นประเทศพบผู้ได้รับเชื้อไวรัสซิกามากที่สุด โดยพบผู้ป่วยสะสมแล้ว 3,670 คน นับตั้งแต่เดือนตุลาคม ปีที่แล้ว ในจำนวนนี้ 404 คน เป็นทารกซึ่งมีอาการของภาวะศีรษะเล็กกว่าปกติ ที่หลายฝ่ายเชื่อว่าเป็นผลจากการที่มารดาได้รับเชื้อไวรัสซิการะหว่างตั้งครรภ์ เพิ่มขึ้นมากจากสถิติเมื่อปี 2557 ซึ่งอยู่ที่ 147 คนเท่านั้น อีกทั้งยังอาจทำให้เกิดโรคภูมิต้านทางตนเอง หรือ กลุ่มอาการกีแยง-บาร์เร (Guillain–Barré) ในผู้ป่วยวัยผู้ใหญ่ด้วย
ด้านนายริก สกอตต์ ผู้ว่าการรัฐเทกซัส ทางตอนใต้ของสหรัฐฯ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเชื้อไวรัสซิกาใน 4 เขต หลังพบผู้ติดเชื้ออย่างน้อย 9 คน หนึ่งในนั้นรวมถึงผู้ป่วยที่อาจได้รับเชื้อผ่านการมีเพศสัมพันธ์
ทั้งนี้ ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคของสหรัฐฯ (ซีดีซี) เตรียมออกคู่มือเรื่องไวรัสซิกา ที่จะมีการให้คำแนะนำเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ด้วย
