เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 24 ม.ค. ที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) น.พ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวตรวจพบผู้ป่วยเข้าข่ายโรคเมอร์ส (MERS) หรือโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลางในประเทศไทยรายที่ 2 ว่า พบผู้ป่วยเป็นชายชาวโอมาน อายุ 71 ปี โดยเดินทางมาพร้อมกับลูกชายอีก 1 คน เมื่อวันที่ 22 ม.ค. ที่ผ่านมา เมื่อมาถึงสนามบิน ไม่พบอาการไข้ ทำให้การตรวจสอบจากเครื่องเทอร์โมสแกนค่อนข้างลำบาก
อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยนั่งแท็กซี่เพื่อจะไปเช็กอินที่โรงแรม แต่ยังไม่ทันเข้าพัก ก็มีอาการและรีบไปรักษาที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ช่วงประมาณตี 1 ของวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งทางโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ตรวจพบโรคอย่างรวดเร็ว และนำเข้าห้องแยกโรคทันที โดยได้ตรวจเชื้อ ซึ่งผลออกมาประมาณเวลา 12.00 น. ของวันที่ 23 ม.ค. และรายงานการพบเชื้อมาที่กรมควบคุมโรค ซึ่งได้ส่งตรวจยืนยันเพิ่มอีกครั้งที่สถาบันบำราศนราดูร จนพบผลเป็นบวก ยืนยันพบเชื้อเมอร์สเช่นกัน จึงประสานตัวให้รับเข้าสถาบันบำราศนราดูร เมื่อเวลา 18.00 น. ของวันที่ 23 ม.ค. ส่วนผู้ที่สัมผัสกับผู้ป่วยรายอื่นๆ นั้น ทางการแพทย์จำเป็นต้องติดตามเพื่อเฝ้าระวังด้วย โดยระยะในการเฝ้าระวังจะอยู่ที่ 14 วันหลังจากสัมผัสผู้ป่วย หากพ้นระยะติดต่อโรคก็ถือว่าปลอดภัย
ทั้งนี้ สำหรับผู้สัมผัสโรคที่มีความเสี่ยงสูงมีจำนวน 37 คน ขณะที่ความเสี่ยงไม่สูงประมาณ 3-4 คน โดยเป็นคนไทยประมาณ 13 คน
อย่างไรก็ตาม รวมถึงลูกชายของผู้ป่วยอยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูงแล้ว และให้อยู่ที่สถาบันบำราศนราดูร เพื่อติดตามอาการแล้วเช่นกัน โดยส่วนใหญ่ผู้สัมผัสโรคจะเป็นผู้โดยสารเครื่องบิน นับจากผู้ป่วยนั่งแถวหน้าและแถวหลังไป 2 แถว มีจำนวน 23 คน แต่ถือว่าโชคดีที่ผู้ป่วยนั่งริมหน้าต่าง โอกาสแพร่เชื้อจึงแคบลง
น.พ.ปิยะสกล กล่าวอีกว่า ส่วนแท็กซี่ที่รับผู้ป่วยไปโรงแรม 1 คน และพนักงานโรงแรมอีก 1 คนนั่น จัดอยู่ในความเสี่ยงสูง โดยทั้งหมดได้ประสานติดตามตัวแล้ว ส่วนผู้โดยสารและเจ้าหน้าที่บนเครื่องบินที่เสี่ยงไม่สูง ไม่ต้องกักตัวไว้ แต่ต้องติดตามและบอกแนวทางปฏิบัติตัวก็เพียงพอ
อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยนั่งแท็กซี่เพื่อจะไปเช็กอินที่โรงแรม แต่ยังไม่ทันเข้าพัก ก็มีอาการและรีบไปรักษาที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ช่วงประมาณตี 1 ของวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งทางโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ตรวจพบโรคอย่างรวดเร็ว และนำเข้าห้องแยกโรคทันที โดยได้ตรวจเชื้อ ซึ่งผลออกมาประมาณเวลา 12.00 น. ของวันที่ 23 ม.ค. และรายงานการพบเชื้อมาที่กรมควบคุมโรค ซึ่งได้ส่งตรวจยืนยันเพิ่มอีกครั้งที่สถาบันบำราศนราดูร จนพบผลเป็นบวก ยืนยันพบเชื้อเมอร์สเช่นกัน จึงประสานตัวให้รับเข้าสถาบันบำราศนราดูร เมื่อเวลา 18.00 น. ของวันที่ 23 ม.ค. ส่วนผู้ที่สัมผัสกับผู้ป่วยรายอื่นๆ นั้น ทางการแพทย์จำเป็นต้องติดตามเพื่อเฝ้าระวังด้วย โดยระยะในการเฝ้าระวังจะอยู่ที่ 14 วันหลังจากสัมผัสผู้ป่วย หากพ้นระยะติดต่อโรคก็ถือว่าปลอดภัย
ทั้งนี้ สำหรับผู้สัมผัสโรคที่มีความเสี่ยงสูงมีจำนวน 37 คน ขณะที่ความเสี่ยงไม่สูงประมาณ 3-4 คน โดยเป็นคนไทยประมาณ 13 คน
อย่างไรก็ตาม รวมถึงลูกชายของผู้ป่วยอยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูงแล้ว และให้อยู่ที่สถาบันบำราศนราดูร เพื่อติดตามอาการแล้วเช่นกัน โดยส่วนใหญ่ผู้สัมผัสโรคจะเป็นผู้โดยสารเครื่องบิน นับจากผู้ป่วยนั่งแถวหน้าและแถวหลังไป 2 แถว มีจำนวน 23 คน แต่ถือว่าโชคดีที่ผู้ป่วยนั่งริมหน้าต่าง โอกาสแพร่เชื้อจึงแคบลง
น.พ.ปิยะสกล กล่าวอีกว่า ส่วนแท็กซี่ที่รับผู้ป่วยไปโรงแรม 1 คน และพนักงานโรงแรมอีก 1 คนนั่น จัดอยู่ในความเสี่ยงสูง โดยทั้งหมดได้ประสานติดตามตัวแล้ว ส่วนผู้โดยสารและเจ้าหน้าที่บนเครื่องบินที่เสี่ยงไม่สูง ไม่ต้องกักตัวไว้ แต่ต้องติดตามและบอกแนวทางปฏิบัติตัวก็เพียงพอ