ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - หนุ่มใหญ่ตัวแทนผู้ค้าถนนคนเดินถนนบำรุงราษฎร์ในตัวเมืองเชียงใหม่ ข้าง ร.ร.ปรินส์ บุกศาลากลางฯ ยื่นหนังสือร้องเรียนถึงนายกรัฐมนตรี และ คสช. อ้างไม่ได้รับความเป็นธรรมถูกยกเลิกการอนุญาตตั้งถนนคนเดิน และถูกเจ้าหน้าที่รัฐข่มขู่คุกคามหนัก จนท.ศูนย์ดำรงธรรมแจงหน่วยงานเกี่ยวข้องสั่งยกเลิกตามข้อร้องเรียนของประชาชนผู้ใช้เส้นทางที่ได้รับความเดือดร้อนหนัก และมีการผ่อนผันให้จัดต่อได้ 90 วัน ริมถนนรัตนโกสินทร์ ที่อยู่ย่านเดียวกัน เพื่อหาพื้นที่ใหม่ ย้ำชัดไม่มีการกลั่นแกล้งหรือข่มขู่คุกคาม
วันนี้ (25 ธ.ค. 58) ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายพูนทรัพย์ วงศาศุกลปักษ์ ที่อ้างว่าเป็นตัวแทนผู้ประกอบการค้าถนนคนเดินถนนบำรุงราษฎร์ ด้านข้างโรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย และมหาวิทยาลัยพายัพ วิทยาเขตแก้วนวรัฐ ในตัวเมืองเชียงใหม่ พร้อมพวกจำนวนหนึ่ง ซึ่งนัดผู้สื่อข่าวว่าจะเดินทางมาผูกคอฆ่าตัวตายเพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมและประท้วงกรณีที่ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีคำสั่งให้ยกเลิกการอนุญาตให้ตั้งแผงขายสินค้าถนนคนเดินถนนบำรุงราษฎร์ ที่ปกติจะมีการจัดขึ้นเป็นประจำทุกวันเสาร์และอาทิตย์ มีผลตั้งแต่วันที่ 5 ธ.ค. 58 เป็นต้นไป ได้เดินทางไปอยู่บริเวณหน้าห้องทำงานผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีการชูป้ายและพูดจาโวยวายเสียงดัง ก่อนอ่านหนังสือแถลงการณ์ร้องเรียนขอคามเป็นธรรมที่จะยื่นถึงนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ แต่ไม่มีการผูกคอฆ่าตัวตายแต่อย่างใด
ทั้งนี้ นายพูนทรัพย์ระบุว่า ผู้ประกอบการค้าถนนคนเดินถนนบำรุงราษฎร์ ถูกสั่งให้ยกเลิกการตั้งแผงขาย แต่กลับยังคงอนุญาตให้ผู้ประกอบการค้าอีกกลุ่มหนึ่งยังคงสามารถตั้งแผงขายบนถนนรัตนโกสินทร์ ที่อยู่ด้านหลังโรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย และมหาวิทยาลัยพายัพ วิทยาเขตแก้วนวรัฐได้ ทั้งที่เป็นการกระทำผิดกฎหมาย เพราะรุกล้ำพื้นที่สาธารณะ
ส่วนกลุ่มผู้ประกอบการค้าถนนคนเดินถนนบำรุงราษฎร์ที่ถูกยกเลิกนั้นยังไม่สามารถหาพื้นที่ใหม่ได้ แม้จะมีความพยายามย้ายไปจัดถนนคนเดินที่ถนนเลียบทางรถไฟเป็นการชั่วคราว ตามข้อเสนอของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเจรจาแก้ไขปัญหาเรื่องการจัดหาพื้นที่ใหม่ซึ่งได้มีการเข้าไปจัดเตรียมพื้นที่แล้ว แต่ก็ถูกทางสถานีรถไฟเชียงใหม่ เจ้าของพื้นที่ปฏิเสธที่จะอนุญาตให้ใช้พื้นที่ รวมทั้งมีการข่มขู่คุกคามจากกลุ่มผลประโยชน์นอกกฎหมาย และเจ้าหน้าที่รัฐด้วย จึงมองว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากกรณีนี้ และยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้องแห่งชาติ (คสช.) ให้ตรวจสอบและให้ความเป็นธรรมด้วย
นายพูนทรัพย์ย้ำด้วยว่า การจัดตั้งถนนคนเดินถนนบำรุงราษฎร์ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องจากเจ้าพนักงานจราจรมาตั้งแต่ปี 2548 กระทั่งมาถูกยกเลิกในครั้งนี้ พร้อมอ้างด้วยว่าการจัดตั้งถนนคนเดินของกลุ่มตัวเองได้รับการอนุญาตจากทาง คสช.ด้วย
อย่างไรก็ตาม ในครั้งนี้ยังไม่สามารถนำเอกสารหลักฐานมาแสดงได้ ส่วนการที่แจ้งไว้ว่าตัวเองจะผูกคอฆ่าตัวตายเพื่อเรียกร้องของความเป็นธรรมนั้น ต้องยกเลิกไปก่อน เพราะเกรงว่าคนในกลุ่มของตัวเองจะไม่ได้รับความปลอดภัยอย่างร้ายแรงมากกว่าชีวิต หากตัวเองต้องเสียชีวิตไปแล้ว
ด้าน พ.ท.ประยูร อุทยาน เจ้าหน้าที่ส่วนรับเรื่องร้องทุกข์และส่งต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า การยกเลิกถนนคนเดินถนนบำรุงราษฎร์ เนื่องจากมีการร้องเรียนจากประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนเกี่ยวกับใช้เส้นทางดังกล่าว โดยเฉพาะการเข้าออกโรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย และมหาวิทยาลัยพายัพ วิทยาเขตแก้วนวรัฐ ซึ่งรวมทั้งจะมีการยกเลิกถนนคนเดินถนนรัตนโกสินทร์ ที่อยู่ด้านหลังโรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย และมหาวิทยาลัยพายัพ วิทยาเขตแก้วนวรัฐด้วย เพราะก่อให้เกิดปัญหาตามข้อร้องเรียนด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ค้าและเพื่อให้มีเวลาในการจัดหาพื้นที่ใหม่ ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงมีการอนุโลมให้จัดแผงขายคนเดินถนนรัตนโกสินทร์ได้อีก 90 วัน โดยผู้ค้าที่สามารถตั้งแผงขายได้ทั้งหมดจะต้องเป็นผู้ค้ารายเดิมที่ขายของอยู่แล้วและต้องมาลงทะเบียนรายชื่อผู้ค้าไว้ด้วย เพื่อการควบคุมดูแลให้เป็นระเบียบ แต่นายพูนทรัพย์ปฏิเสธที่จะนำผู้ค้าถนนคนเดินถนนบำรุงราษฎร์เข้าร่วมด้วย และพยายามจะไปจัดตั้งถนนคนเดินใหม่ที่บริเวณถนนเลียบทางรถไฟ ซึ่งทางสถานีรถไฟเชียงใหม่ไม่อนุญาต เพราะมีการเข้าไปใช้พื้นที่บริเวณคลังน้ำมัน และกีดขวางทางเข้าออกบ้านพักของเจ้าหน้าที่สถานีรถไฟ รวมทั้งการอนุญาตเป็นอำนาจแต่เพียงผู้เดียวของผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทยด้วย
สำหรับข้อกล่าวอ้างของนายพูนทรัพย์ที่ว่าได้รับการอนุญาตจาก คสช.นั้น เจ้าหน้าที่ส่วนรับเรื่องร้องทุกข์และส่งต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า เท่าที่สอบถามจากนายพูนทรัพย์ก็ไม่สามารถนำเอกสารหลักฐานใดๆ มาแสดงได้ โดยมีแต่เพียงการกล่าวอ้างเท่านั้น ส่วนที่นายพูนทรัพย์กล่าวอ้างว่ามีการข่มขู่คุกคามจากผู้มีอิทธิพลและเจ้าหน้าที่รัฐจากกรณีนี้นั้น ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่รัฐไม่มีการกระทำลักษณะดังกล่าวอย่างแน่นอน และหากมีการข่มขู่คุกคามจากผู้ใดก็ขอให้เข้าทำการร้องเรียนร้องทุกข์พร้อมหลักฐานที่ชัดเจนได้ที่ศูนย์ดำรงธรรม
