สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (6 ม.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันที่สูงเกินไป หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นอย่างเหนือความคาดหมาย
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.พ. ร่วงลง 2 ดอลลาร์ หรือ 5.6% ปิดที่ 33.97 ดอลลาร์/บาร์เรล ต่ำสุดตั้งแต่เดือนธันวาคม 2008 ช่วงที่เกิดวิกฤตการเงิน
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. ที่ตลาดลอนดอน ร่วงลง 2.19 ดอลลาร์ หรือ 6% ปิดที่ 34.23 ดอลลาร์/บาร์เรล ทรุดลงต่ำกว่า 35 ดอลลาร์ เป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี โดยครั้งสุดท้ายที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนต์ขยับลงต่ำเช่นนี้ เกิดขึ้นเมื่อเดือนกรกฎาคม 2004
สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจาก EIA รายงานว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 1 ม.ค. พุ่งขึ้น 17,000 บาร์เรล สู่ระดับ 9.219 ตรงข้ามกับที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะลดลง
นอกจากนี้ รายงานของ EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมัน เพิ่มขึ้น 917,000 บาร์เรล สู่ระดับ 63.9 ล้านบาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 10.6 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 232 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 1.8 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 6.3 บาร์เรล สู่ระดับ 159.4 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.1 ล้านบาร์เรล
อย่างไรก็ตาม สต็อกน้ำมันดิบลดลง 5.1 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 482.3 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 300,000 บาร์เรล
นักลงทุนจับตาดูสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างซาอุดิอาระเบียและอิหร่านอย่างใกล้ชิด ขณะที่ธนาคารเอเอ็นแซดออกรายงานระบุว่า ความขัดแย้งระหว่างซาอุดิอาระเบียและอิหร่านจะยิ่งเป็นปัจจัยลบต่อราคาน้ำมัน เนื่องจากจะทำลายความร่วมมือของชาติอาหรับในความพยายามผลักดันราคาน้ำมันขึ้นด้วยการลดกำลังการผลิต ส่งผลให้ราคาน้ำมันจะยังคงมีแนวโน้มที่ซบเซาต่อไป
รายงานระบุว่า ความขัดแย้งดังกล่าวจะทำให้ภาวะน้ำมันล้นตลาดยิ่งมีความรุนแรงขึ้นในปีนี้ ขณะที่อิหร่านจะกลับมาเดินหน้าส่งออกน้ำมัน หลังจากที่ชาติตะวันตกยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร
บริษัทซาอุดิ อาระเบียน ออยล์ ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันของรัฐบาลซาอุดิอาระเบีย ประกาศปรับลดราคาน้ำมันดิบสำหรับลูกค้าทางตะวันตกเฉียงเหนือของยุโรปลงบาร์เรลละ 0.60 ดอลลาร์ และลดราคา 0.20 ดอลลาร์สำหรับลูกค้าในแถบเมดิเตอร์เรเนียน สำหรับงวดส่งมอบเดือนก.พ.
ผู้เชี่ยวชาญของอิหร่านมองว่า การกระทำของซาอุดิอาระเบียเป็นการแข่งขันกับอิหร่าน ซึ่งกำลังกลับเข้าขายน้ำมันในตลาดโลก หลังชาติตะวันตกยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.พ. ร่วงลง 2 ดอลลาร์ หรือ 5.6% ปิดที่ 33.97 ดอลลาร์/บาร์เรล ต่ำสุดตั้งแต่เดือนธันวาคม 2008 ช่วงที่เกิดวิกฤตการเงิน
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. ที่ตลาดลอนดอน ร่วงลง 2.19 ดอลลาร์ หรือ 6% ปิดที่ 34.23 ดอลลาร์/บาร์เรล ทรุดลงต่ำกว่า 35 ดอลลาร์ เป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี โดยครั้งสุดท้ายที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนต์ขยับลงต่ำเช่นนี้ เกิดขึ้นเมื่อเดือนกรกฎาคม 2004
สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจาก EIA รายงานว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 1 ม.ค. พุ่งขึ้น 17,000 บาร์เรล สู่ระดับ 9.219 ตรงข้ามกับที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะลดลง
นอกจากนี้ รายงานของ EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมัน เพิ่มขึ้น 917,000 บาร์เรล สู่ระดับ 63.9 ล้านบาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 10.6 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 232 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 1.8 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 6.3 บาร์เรล สู่ระดับ 159.4 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.1 ล้านบาร์เรล
อย่างไรก็ตาม สต็อกน้ำมันดิบลดลง 5.1 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 482.3 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 300,000 บาร์เรล
นักลงทุนจับตาดูสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างซาอุดิอาระเบียและอิหร่านอย่างใกล้ชิด ขณะที่ธนาคารเอเอ็นแซดออกรายงานระบุว่า ความขัดแย้งระหว่างซาอุดิอาระเบียและอิหร่านจะยิ่งเป็นปัจจัยลบต่อราคาน้ำมัน เนื่องจากจะทำลายความร่วมมือของชาติอาหรับในความพยายามผลักดันราคาน้ำมันขึ้นด้วยการลดกำลังการผลิต ส่งผลให้ราคาน้ำมันจะยังคงมีแนวโน้มที่ซบเซาต่อไป
รายงานระบุว่า ความขัดแย้งดังกล่าวจะทำให้ภาวะน้ำมันล้นตลาดยิ่งมีความรุนแรงขึ้นในปีนี้ ขณะที่อิหร่านจะกลับมาเดินหน้าส่งออกน้ำมัน หลังจากที่ชาติตะวันตกยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร
บริษัทซาอุดิ อาระเบียน ออยล์ ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันของรัฐบาลซาอุดิอาระเบีย ประกาศปรับลดราคาน้ำมันดิบสำหรับลูกค้าทางตะวันตกเฉียงเหนือของยุโรปลงบาร์เรลละ 0.60 ดอลลาร์ และลดราคา 0.20 ดอลลาร์สำหรับลูกค้าในแถบเมดิเตอร์เรเนียน สำหรับงวดส่งมอบเดือนก.พ.
ผู้เชี่ยวชาญของอิหร่านมองว่า การกระทำของซาอุดิอาระเบียเป็นการแข่งขันกับอิหร่าน ซึ่งกำลังกลับเข้าขายน้ำมันในตลาดโลก หลังชาติตะวันตกยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร