ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (6 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน หลังจากเงินหยวนอ่อนค่าลงอีกเมื่อวานนี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของราคาน้ำมัน และสถานการณ์ตึงเครียดทางการเมืองทั้งในตะวันออกกลางและคาบสมุทรเกาหลี
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,906.51 จุด ร่วงลง 252.15 จุด หรือ -1.47% ดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 4,835.77 จุด ลดลง 55.66 จุด หรือ -1.14% ดัชนีเอสแอนด์พี500 ปิดที่ 1,990.26 จุด ลดลง 26.45 จุด หรือ -1.31%
นักลงทุนเทขายหุ้นอย่างหนัก เนื่องจากตลาดยังคงได้รับปัจจัยลบจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน โดยเมื่อวานนี้ เงินหยวนอ่อนค่าลงอีก 1.45% สู่ระดับ 6.5314 หยวนต่อดอลลาร์ ซึ่งสร้างความหวั่นวิตกในตลาด หลังจากที่ก่อนหน้านี้ตลาดหุ้นทั่วโลกได้รับแรงกดดันจากข้อมูลที่ว่า ภาคการผลิตของจีนหดตัวลง
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของราคาน้ำมันดิบ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นอย่างเหนือความคาดหมาย
นอกจากนี้ สถานการณ์ตึงเครียดทางการเมืองในต่างประเทศยังคงเป็นปัจจัยกดดันต่อบรรยากาศการซื้อขาย รวมถึงความขัดแย้งระหว่างซาอุดิอาระเบียและอิหร่าน จนเป็นเหตุบานปลายกลายเป็นความขัดแย้งทางการทูตของหลายประเทศในตะวันออกกลาง และล่าสุดคือการทดสอบนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นสาเหตุให้ตลาดหุ้นเอเชียร่วงหนักเมื่อวานนี้
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐก็เป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อตลาดเช่นกัน โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐลดลง 0.2% ในเดือนพ.ย. บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงในไตรมาส 4 โดยมีการปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของสหรัฐในไตรมาส 4 สู่ระดับ 0.5%
หุ้นเชฟรอน ร่วงลง 4% ขณะที่หุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอร์แรน ดิ่งลง 8.1%
ส่วนหุ้นกลุ่มรถยนต์ร่วงลงเช่นกัน โดยหุ้นฟอร์ด มอเตอร์ และหุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ ต่างก็ปรับลง 3.5% หลังจากบริษัทรถยนต์ทั้งสองแห่งเปิดเผยยอดขายที่น่าผิดหวัง
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนธ.ค. และสต็อกสินค้าและยอดค้าส่งเดือนพ.ย.
สำหรับข้อมูลแรงงานล่าสุดที่เปิดเผยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) ระบุว่า ภาคเอกชนของสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 257,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดในรอบ 1 ปี และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 195,000 ตำแหน่ง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,906.51 จุด ร่วงลง 252.15 จุด หรือ -1.47% ดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 4,835.77 จุด ลดลง 55.66 จุด หรือ -1.14% ดัชนีเอสแอนด์พี500 ปิดที่ 1,990.26 จุด ลดลง 26.45 จุด หรือ -1.31%
นักลงทุนเทขายหุ้นอย่างหนัก เนื่องจากตลาดยังคงได้รับปัจจัยลบจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน โดยเมื่อวานนี้ เงินหยวนอ่อนค่าลงอีก 1.45% สู่ระดับ 6.5314 หยวนต่อดอลลาร์ ซึ่งสร้างความหวั่นวิตกในตลาด หลังจากที่ก่อนหน้านี้ตลาดหุ้นทั่วโลกได้รับแรงกดดันจากข้อมูลที่ว่า ภาคการผลิตของจีนหดตัวลง
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของราคาน้ำมันดิบ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นอย่างเหนือความคาดหมาย
นอกจากนี้ สถานการณ์ตึงเครียดทางการเมืองในต่างประเทศยังคงเป็นปัจจัยกดดันต่อบรรยากาศการซื้อขาย รวมถึงความขัดแย้งระหว่างซาอุดิอาระเบียและอิหร่าน จนเป็นเหตุบานปลายกลายเป็นความขัดแย้งทางการทูตของหลายประเทศในตะวันออกกลาง และล่าสุดคือการทดสอบนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นสาเหตุให้ตลาดหุ้นเอเชียร่วงหนักเมื่อวานนี้
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐก็เป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อตลาดเช่นกัน โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐลดลง 0.2% ในเดือนพ.ย. บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงในไตรมาส 4 โดยมีการปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของสหรัฐในไตรมาส 4 สู่ระดับ 0.5%
หุ้นเชฟรอน ร่วงลง 4% ขณะที่หุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอร์แรน ดิ่งลง 8.1%
ส่วนหุ้นกลุ่มรถยนต์ร่วงลงเช่นกัน โดยหุ้นฟอร์ด มอเตอร์ และหุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ ต่างก็ปรับลง 3.5% หลังจากบริษัทรถยนต์ทั้งสองแห่งเปิดเผยยอดขายที่น่าผิดหวัง
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนธ.ค. และสต็อกสินค้าและยอดค้าส่งเดือนพ.ย.
สำหรับข้อมูลแรงงานล่าสุดที่เปิดเผยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) ระบุว่า ภาคเอกชนของสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 257,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดในรอบ 1 ปี และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 195,000 ตำแหน่ง