นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ "แนวโน้มเศรษฐกิจปี 59" ในการสัมมนาใหญ่ประจำปีของสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ประเมินว่าเมื่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มดีขึ้นจนต้องขยับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย ยังกังวลว่าจะรับมือกับเงินทุนไหลเข้าสหรัฐฯ ได้หรือไม่ และกระทบกับประเทศอื่นที่มีปัญหาเงินทุนไหลอย่างไรบ้าง ท่ามกลางเศรษฐกิจจีนมีปัญหาชะลอตัว ยุโรปยังไม่ดีขึ้น ประเทศเกิดใหม่ยังอ่อนแอ ไอเอ็มเอฟจึงคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวร้อยละ 3.6 ในปี 2559
สำหรับเศรษฐกิจไทย ยอมรับว่ายังมีปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำจากปัญหาราคาน้ำมันปรับลดลง รัฐบาลจึงต้องมุ่งให้การช่วยเหลือเกษตรกร แม้หลายคนมองว่าเศรษฐกิจปีนี้อาจไม่สดใส แต่รัฐบาลมองว่าเป็นความท้าทาย เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดการณ์จีดีพีขยายตัวร้อยละ 3.5 ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) คาดการณ์ว่าจีดีพีขยายตัวร้อยละ 3-4 ส่วนไอเอ็มเอฟมองว่าขยายตัวร้อยละ 2.5 รัฐบาลจึงต้องผลักดันเครื่องยนต์ทุกตัวให้ทำงานเพื่อหวังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เนื่องจากการส่งออกยังมีสัดส่วนร้อยละ 70 ของเศรษฐกิจประเทศ กระตุ้นการบริโภคของประชาชน การลงทุนภาครัฐจะต้องเร่งเดินหน้าทุกส่วนเพื่อเป็นตัวนำในการลงทุนของเอกชน และเดินหน้าออกมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างเต็มสูบ
ทั้งนี้ รัฐบาลจึงได้ประกาศแผนดำเนินงานปี 2559 ได้แก่ การช่วยเหลือเกษตรกร การส่งเสริมผู้ประกอบการใหม่ การส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชนด้านต่าง ๆ เพื่อให้เกิดการลงทุนเพิ่มขึ้น การเดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน รถไฟฟ้าเส้นทางต่าง ๆ โดยปีนี้จะผลักดันการสร้างรถไฟฟ้าไทย-จีนให้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน และการขับเคลื่อนผ่านนโยบายการคลัง โดยต้องเดินหน้าภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เพื่อเก็บรายได้จากทรัพย์สินมาพัฒนาประเทศ การปรับโครงสร้างภาษีเพื่อให้จัดเก็บภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม นายสมคิด ยอมรับว่า ไม่เป็นห่วงปัญหาเศรษฐกิจที่ชะลอตัวขณะนี้ แต่เป็นห่วงคนในประเทศที่ยังมีความขัดแย้ง จึงเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเข้ามาร่วมกันแก้ปัญหา จากนั้นจึงส่งต่อให้รัฐบาลชุดต่อไปในช่วงหนึ่งปีครึ่งข้างหน้า จึงมอบหมายให้สำนักงบประมาณเตรียมจัดสรรงบที่มีอยู่จำนวนหนึ่งนำออกมาพัฒนาส่วนที่จำเป็น เพราะรัฐบาลคงไม่เน้นการช่วยเหลือผ่านการให้เงินชดเชยสินค้าเกษตรด้านต่าง ๆ เพราะเป็นการช่วยเหลือระยะสั้น จะสร้างภาระงบประมาณเพิ่มภายหลัง จึงต้องการสร้างความยั่งยืนให้เกษตรกรระยะยาว
สำหรับเศรษฐกิจไทย ยอมรับว่ายังมีปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำจากปัญหาราคาน้ำมันปรับลดลง รัฐบาลจึงต้องมุ่งให้การช่วยเหลือเกษตรกร แม้หลายคนมองว่าเศรษฐกิจปีนี้อาจไม่สดใส แต่รัฐบาลมองว่าเป็นความท้าทาย เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดการณ์จีดีพีขยายตัวร้อยละ 3.5 ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) คาดการณ์ว่าจีดีพีขยายตัวร้อยละ 3-4 ส่วนไอเอ็มเอฟมองว่าขยายตัวร้อยละ 2.5 รัฐบาลจึงต้องผลักดันเครื่องยนต์ทุกตัวให้ทำงานเพื่อหวังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เนื่องจากการส่งออกยังมีสัดส่วนร้อยละ 70 ของเศรษฐกิจประเทศ กระตุ้นการบริโภคของประชาชน การลงทุนภาครัฐจะต้องเร่งเดินหน้าทุกส่วนเพื่อเป็นตัวนำในการลงทุนของเอกชน และเดินหน้าออกมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างเต็มสูบ
ทั้งนี้ รัฐบาลจึงได้ประกาศแผนดำเนินงานปี 2559 ได้แก่ การช่วยเหลือเกษตรกร การส่งเสริมผู้ประกอบการใหม่ การส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชนด้านต่าง ๆ เพื่อให้เกิดการลงทุนเพิ่มขึ้น การเดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน รถไฟฟ้าเส้นทางต่าง ๆ โดยปีนี้จะผลักดันการสร้างรถไฟฟ้าไทย-จีนให้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน และการขับเคลื่อนผ่านนโยบายการคลัง โดยต้องเดินหน้าภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เพื่อเก็บรายได้จากทรัพย์สินมาพัฒนาประเทศ การปรับโครงสร้างภาษีเพื่อให้จัดเก็บภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม นายสมคิด ยอมรับว่า ไม่เป็นห่วงปัญหาเศรษฐกิจที่ชะลอตัวขณะนี้ แต่เป็นห่วงคนในประเทศที่ยังมีความขัดแย้ง จึงเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเข้ามาร่วมกันแก้ปัญหา จากนั้นจึงส่งต่อให้รัฐบาลชุดต่อไปในช่วงหนึ่งปีครึ่งข้างหน้า จึงมอบหมายให้สำนักงบประมาณเตรียมจัดสรรงบที่มีอยู่จำนวนหนึ่งนำออกมาพัฒนาส่วนที่จำเป็น เพราะรัฐบาลคงไม่เน้นการช่วยเหลือผ่านการให้เงินชดเชยสินค้าเกษตรด้านต่าง ๆ เพราะเป็นการช่วยเหลือระยะสั้น จะสร้างภาระงบประมาณเพิ่มภายหลัง จึงต้องการสร้างความยั่งยืนให้เกษตรกรระยะยาว