สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (4 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวภาวะอุปทานน้ำมันที่สูงเกินไป ส่วนสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างซาอุดิอาระเบียและอิหร่านนั้น ได้หนุนสัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นแข็งแกร่งในช่วงแรก ก่อนที่จะอ่อนแรงลงมาปิดตลาดในแดนลบ
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.พ. ขยับลง 28 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 36.76 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 6 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 37.22 ดอลลาร์/บาร์เรล
ในช่วงแรกนั้น สัญญาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นเพราะได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างซาอุดิอาระเบียและอิหร่านซึ่งเป็นสองชาติมหาอำนาจในตะวันออกกลางนั้น อาจจะลุกลามและทวีความรุนแรง
สถานการณ์ตึงเครียดดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากกลุ่มผู้ประท้วงชาวอิหร่านได้ก่อเหตุโจมตีหน่วยงานด้านการทูตของซาอุดิอาระเบียในอิหร่าน ภายหลังจากซาอุดิอาระเบียได้ประหารชีวิตนักโทษคดีก่อการร้าย 47 ราย รวมถึง นิมร์ อัลนิมร์ นักบวชนิกายชีอะห์ ซึ่งเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ประท้วงต่อต้านรัฐบาลเมื่อปี 2554
ด้านรัฐบาลซูดานได้ประกาศขับนักการทูตอิหร่านออกจากประเทศเมื่อวานนี้ เพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังจากที่ซาอุดิอาระเบีย และบาห์เรนประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิหร่าน ขณะที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ประกาศลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูต
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบ WTI อ่อนแรงลงจนกระทั่งปิดตลาดในแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันที่สูงเกินไป หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบที่สิ้นสุด ณ วันที่ 25 ธ.ค. เพิ่มขึ้น 2.6 ล้านบาร์เรลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 487.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะลดลง 1 ล้านบาร์เรล
ขณะเดียวกัน EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมัน เพิ่มขึ้น 900,000 บาร์เรล แตะ 63 ล้านบาร์เรล ขณะที่ปริมาณสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 900,000 บาร์เรล ที่ 221.4 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล พุ่งขึ้น 1.8 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 153.1 ล้านบาร์เรล
นักวิเคราะห์กล่าวว่า สต็อกน้ำมันที่เพิ่มขึ้นยิ่งตอกย้ำถึงความวิตกกังวลของตลาดเกี่ยวกับภาวะอุปทานที่สูงเกินไป ท่ามกลางอุปสงค์ที่ซบเซา
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.พ. ขยับลง 28 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 36.76 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 6 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 37.22 ดอลลาร์/บาร์เรล
ในช่วงแรกนั้น สัญญาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นเพราะได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างซาอุดิอาระเบียและอิหร่านซึ่งเป็นสองชาติมหาอำนาจในตะวันออกกลางนั้น อาจจะลุกลามและทวีความรุนแรง
สถานการณ์ตึงเครียดดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากกลุ่มผู้ประท้วงชาวอิหร่านได้ก่อเหตุโจมตีหน่วยงานด้านการทูตของซาอุดิอาระเบียในอิหร่าน ภายหลังจากซาอุดิอาระเบียได้ประหารชีวิตนักโทษคดีก่อการร้าย 47 ราย รวมถึง นิมร์ อัลนิมร์ นักบวชนิกายชีอะห์ ซึ่งเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ประท้วงต่อต้านรัฐบาลเมื่อปี 2554
ด้านรัฐบาลซูดานได้ประกาศขับนักการทูตอิหร่านออกจากประเทศเมื่อวานนี้ เพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังจากที่ซาอุดิอาระเบีย และบาห์เรนประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิหร่าน ขณะที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ประกาศลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูต
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบ WTI อ่อนแรงลงจนกระทั่งปิดตลาดในแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันที่สูงเกินไป หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบที่สิ้นสุด ณ วันที่ 25 ธ.ค. เพิ่มขึ้น 2.6 ล้านบาร์เรลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 487.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะลดลง 1 ล้านบาร์เรล
ขณะเดียวกัน EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมัน เพิ่มขึ้น 900,000 บาร์เรล แตะ 63 ล้านบาร์เรล ขณะที่ปริมาณสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 900,000 บาร์เรล ที่ 221.4 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล พุ่งขึ้น 1.8 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 153.1 ล้านบาร์เรล
นักวิเคราะห์กล่าวว่า สต็อกน้ำมันที่เพิ่มขึ้นยิ่งตอกย้ำถึงความวิตกกังวลของตลาดเกี่ยวกับภาวะอุปทานที่สูงเกินไป ท่ามกลางอุปสงค์ที่ซบเซา
