สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย เมื่อวันที่ 3 ม.ค. ว่า ชาวอิหร่านจำนวนมากออกมารวมตัวกันประท้วงที่ด้านหน้าสถานเอกอัครราชทูตซาอุดีอาระเบียในกรุงเตหะรานของอิหร่าน แสดงความไม่พอใจต่อการประหารชีวิตเชค นิมร์ อัล-นิมร์ นักการศาสนาชาวชีอะห์วัย 56 ปี และผู้ต้องหาชาวชีอะห์อีก 3 ราย เมื่อวันเสาร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มนักโทษ 47 คน ที่ถูกประหารในข้อหาก่อการร้าย
ทั้งนี้กลุ่มผู้ประท้วงสามารถบุกเข้าไปด้านในสถานเอกอัครราชทูตได้สำเร็จในช่วงเช้าของวันอาทิตย์ ตามเวลาท้องถิ่น และจุดไฟเผาสร้างความเสียหายบางส่วนก่อนเจ้าหน้าที่จะเข้าควบคุมสถานการณ์ได้ โดยเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกัน ได้เกิดขึ้นที่สถานกงสุลซาอุดีอาระเบียในเมืองมัชฮัดด้วย
สำหรับเชค นิมร์ เป็นนักการศาสนาที่ได้รับการยกย่องในอิหร่านว่า เป็นผู้ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงและเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องสิทธิความเท่าเทียมแก่ชาวชีอะห์ ซึ่งเป็นเพียงประชากรส่วนน้อยในซาอุดีอาระเบีย โดยเขาถูกกล่าวหาว่ามีส่วนปลุกระดมให้เกิดการประท้วงต่อต้านรัฐบาลระหว่างปี 2554-2556 ซึ่งลุกลามเป็นเหตุรุนแรงและทำให้มีเจ้าหน้าที่เสียชีวิตหลายนาย
ทันทีที่มีข่าวการประหารชีวิตเผยแพร่ออกมา กระทรวงการต่างประเทศอิหร่านได้เชิญเอกอัครราชทูตซาอุดีอาระเบียประจำกรุงเตหะรานเข้าพบ เพื่อประท้วงต่อการประหารชีวิตดังกล่าว ขณะที่กองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่าน (ไออาร์ซีจี) ประกาศว่า ราชวงศ์ซาอุดีอาระเบียจะต้องเจอกับการเอาคืนอย่างสาสม
อย่างไรก็ตามนักโทษที่ถูกประหารชีวิตในคราวนี้อีก 43 คน ล้วนเป็นชาวสุหนี่ ซึ่งรวมถึงสมาชิกกลุ่มก่อการร้ายอัล-กออิดะห์ โดยรัฐบาลริยาดยืนยันว่า การประหารชีวิตนักโทษในคราวเดียว 47 ราย ซึ่งนับเป็นการประหารชีวิตครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายสิบปีนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสงครามต่อต้านก่อการร้าย โดยไม่ได้มีเจตนาเลือกปฏิบัติก่อให้เกิดความแตกแยก โดยกระทรวงการต่างประเทศซาอุดีอาระเบียได้มีหนังสือเชิญเอกอัครราชทูตอิหร่านประจำกรุงริยาดเข้าพบเช่นกัน เพื่อประท้วงต่อปฏิกิริยารุนแรงที่เกิดขึ้นในอิหร่าน ซึ่งระบุว่ามีเจตนา"แทรกแซง"อย่างชัดเจน
ทั้งนี้กลุ่มผู้ประท้วงสามารถบุกเข้าไปด้านในสถานเอกอัครราชทูตได้สำเร็จในช่วงเช้าของวันอาทิตย์ ตามเวลาท้องถิ่น และจุดไฟเผาสร้างความเสียหายบางส่วนก่อนเจ้าหน้าที่จะเข้าควบคุมสถานการณ์ได้ โดยเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกัน ได้เกิดขึ้นที่สถานกงสุลซาอุดีอาระเบียในเมืองมัชฮัดด้วย
สำหรับเชค นิมร์ เป็นนักการศาสนาที่ได้รับการยกย่องในอิหร่านว่า เป็นผู้ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงและเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องสิทธิความเท่าเทียมแก่ชาวชีอะห์ ซึ่งเป็นเพียงประชากรส่วนน้อยในซาอุดีอาระเบีย โดยเขาถูกกล่าวหาว่ามีส่วนปลุกระดมให้เกิดการประท้วงต่อต้านรัฐบาลระหว่างปี 2554-2556 ซึ่งลุกลามเป็นเหตุรุนแรงและทำให้มีเจ้าหน้าที่เสียชีวิตหลายนาย
ทันทีที่มีข่าวการประหารชีวิตเผยแพร่ออกมา กระทรวงการต่างประเทศอิหร่านได้เชิญเอกอัครราชทูตซาอุดีอาระเบียประจำกรุงเตหะรานเข้าพบ เพื่อประท้วงต่อการประหารชีวิตดังกล่าว ขณะที่กองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่าน (ไออาร์ซีจี) ประกาศว่า ราชวงศ์ซาอุดีอาระเบียจะต้องเจอกับการเอาคืนอย่างสาสม
อย่างไรก็ตามนักโทษที่ถูกประหารชีวิตในคราวนี้อีก 43 คน ล้วนเป็นชาวสุหนี่ ซึ่งรวมถึงสมาชิกกลุ่มก่อการร้ายอัล-กออิดะห์ โดยรัฐบาลริยาดยืนยันว่า การประหารชีวิตนักโทษในคราวเดียว 47 ราย ซึ่งนับเป็นการประหารชีวิตครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายสิบปีนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสงครามต่อต้านก่อการร้าย โดยไม่ได้มีเจตนาเลือกปฏิบัติก่อให้เกิดความแตกแยก โดยกระทรวงการต่างประเทศซาอุดีอาระเบียได้มีหนังสือเชิญเอกอัครราชทูตอิหร่านประจำกรุงริยาดเข้าพบเช่นกัน เพื่อประท้วงต่อปฏิกิริยารุนแรงที่เกิดขึ้นในอิหร่าน ซึ่งระบุว่ามีเจตนา"แทรกแซง"อย่างชัดเจน
