นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษก กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า รถยนต์ที่ผลิตได้ในเดือนพฤศจิกายน 2558 มีทั้งสิ้น 163,170 คัน เพิ่มขึ้น 3.25% จากเดือนพฤศจิกายน 2557 จากการผลิตรถกระบะรุ่นใหม่เพื่อส่งออก ที่ผลิตเพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2557 ถึง 18.94% และผลิตรถกระบะ ดัดแปลง (PPV) เพื่อจำหน่ายในประเทศ เพิ่มขึ้น 10.78% จากเดือนพฤศจิกายน 2557 แต่ลดลงจากเดือน ตุลาคม 2558 คิดเป็น 1.34% โดยรถยนต์ที่ผลิตช่วงเดือนมกราคม-พฤศจิกายน 2558 อยู่ที่ 1,760,310 คัน เพิ่มขึ้น 1.97% จากช่วงเดียวกันปี 2557
ในขณะที่การผลิตเพื่อส่งออกเดือน พฤศจิกายน 2558 อยู่ที่ 100,729 คัน เท่ากับ 61.73% ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้น 8.76% จากเดือนพฤศจิกายน 2557 ส่วนเดือนมกราคม-พฤศจิกายน 2558 ผลิตเพื่อส่งออกได้ 1,120,305 คัน เท่ากับ 63.64% ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้น 8.02% จากช่วงเดียวกันของปี 2557 ส่วน ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศเดือนพฤศจิกายน 2558 อยู่ที่ 62,441 คัน เท่ากับ 38.27% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลง 4.55% จากเดือนพฤศจิกายน 2557 และช่วงเดือน มกราคม-พฤศจิกายน 2558 ผลิตได้ 640,005 คัน เท่ากับ 36.36% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลง 7.14% จากช่วงเดียวกันของปี 2557
ส่วนยอดขายรถยนต์ภายในประเทศ เดือนพฤศจิกายน 2558 มีทั้งสิ้น 76,421 คัน เพิ่มขึ้น 4.6% จากเดือนพฤศจิกายน 2557 เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 31 เดือน และเพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2558 ถึง 12.5% จากการเร่งซื้อรถกระบะ PPV ซึ่งมียอดขาย เติบโตถึง 199% เนื่องจากจะมีราคาสูงขึ้นจากโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ โดยคิดอัตราภาษีตามปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ที่จะเริ่มมี ผลบังคับใช้วันที่ 1 มกราคม 2559 แต่จาก ยอดขายรถยนต์นั่งและรถกระบะที่ยังลดลง แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจในประเทศยังไม่ฟื้นตัว เพราะสินค้าเกษตรยังทรงตัวในระดับต่ำ การลงทุนของภาครัฐยังไม่เกิดขึ้นมากนัก และการลงทุนภาคเอกชนยังชะลอตัวจากตัวเลขการนำเข้าเครื่องจักรและวัตถุดิบยังไม่ฟื้นตัว รวมทั้งการเข้มงวด การอนุมัติสินเชื่อรถยนต์ด้วย โดยการผลิตรถยนต์ทั้งปี 2558 คาดว่าจะอยู่ที่ 1,920,000 คัน ลดจาก เป้าหมาย 1,950,000 คัน แบ่งเป็นส่งออก 1,200,000 คัน ตามเป้าหมาย ส่วนการ ขายในประเทศเหลือ 720,000 คัน เพราะ ยอดจองรถในงานมหกรรมยานยนต์ที่จัด ในเดือนธันวาคม 2558 อยู่ที่ประมาณ 30,000 คัน ลดลงจากเป้าหมาย 50,000 คัน แสดงว่ากำลังซื้อยังไม่เพิ่มขึ้น ทำให้ ปี 2559 คาดว่า ยอดผลิตรถยนต์จะ เติบโต 3% จากปี 2558 หรืออยู่ที่ ประมาณ 1,950,000-2,000,000 คัน เป็นการส่งออก 1,220,000-1,250,000 คัน การขายในประเทศ 750,000-780,000 คัน
ในขณะที่การผลิตเพื่อส่งออกเดือน พฤศจิกายน 2558 อยู่ที่ 100,729 คัน เท่ากับ 61.73% ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้น 8.76% จากเดือนพฤศจิกายน 2557 ส่วนเดือนมกราคม-พฤศจิกายน 2558 ผลิตเพื่อส่งออกได้ 1,120,305 คัน เท่ากับ 63.64% ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้น 8.02% จากช่วงเดียวกันของปี 2557 ส่วน ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศเดือนพฤศจิกายน 2558 อยู่ที่ 62,441 คัน เท่ากับ 38.27% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลง 4.55% จากเดือนพฤศจิกายน 2557 และช่วงเดือน มกราคม-พฤศจิกายน 2558 ผลิตได้ 640,005 คัน เท่ากับ 36.36% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลง 7.14% จากช่วงเดียวกันของปี 2557
ส่วนยอดขายรถยนต์ภายในประเทศ เดือนพฤศจิกายน 2558 มีทั้งสิ้น 76,421 คัน เพิ่มขึ้น 4.6% จากเดือนพฤศจิกายน 2557 เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 31 เดือน และเพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2558 ถึง 12.5% จากการเร่งซื้อรถกระบะ PPV ซึ่งมียอดขาย เติบโตถึง 199% เนื่องจากจะมีราคาสูงขึ้นจากโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ โดยคิดอัตราภาษีตามปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ที่จะเริ่มมี ผลบังคับใช้วันที่ 1 มกราคม 2559 แต่จาก ยอดขายรถยนต์นั่งและรถกระบะที่ยังลดลง แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจในประเทศยังไม่ฟื้นตัว เพราะสินค้าเกษตรยังทรงตัวในระดับต่ำ การลงทุนของภาครัฐยังไม่เกิดขึ้นมากนัก และการลงทุนภาคเอกชนยังชะลอตัวจากตัวเลขการนำเข้าเครื่องจักรและวัตถุดิบยังไม่ฟื้นตัว รวมทั้งการเข้มงวด การอนุมัติสินเชื่อรถยนต์ด้วย โดยการผลิตรถยนต์ทั้งปี 2558 คาดว่าจะอยู่ที่ 1,920,000 คัน ลดจาก เป้าหมาย 1,950,000 คัน แบ่งเป็นส่งออก 1,200,000 คัน ตามเป้าหมาย ส่วนการ ขายในประเทศเหลือ 720,000 คัน เพราะ ยอดจองรถในงานมหกรรมยานยนต์ที่จัด ในเดือนธันวาคม 2558 อยู่ที่ประมาณ 30,000 คัน ลดลงจากเป้าหมาย 50,000 คัน แสดงว่ากำลังซื้อยังไม่เพิ่มขึ้น ทำให้ ปี 2559 คาดว่า ยอดผลิตรถยนต์จะ เติบโต 3% จากปี 2558 หรืออยู่ที่ ประมาณ 1,950,000-2,000,000 คัน เป็นการส่งออก 1,220,000-1,250,000 คัน การขายในประเทศ 750,000-780,000 คัน