หลังจากที่สน.ลำผักชี เปิดโครงการ “ล้างใบสั่ง 100 ราคาเดียว” เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม เพื่อให้ประชาชนที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สน.ลำผักชี ออกใบสั่ง และยังไม่ได้มาจ่ายค่าปรับ สามารถนำใบสั่งมาจ่ายค่าปรับได้ในราคา 100 บาท สำหรับข้อหาพื้นฐานหรือข้อหาที่ไม่กำหนดอัตราค่าปรับส่วนข้อหาหนักหรือข้อหาที่กำหนดอัตราค่าปรับจะปรับในอัตราขั้นต่ำตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อเป็นการคืนความสุขให้ แก่ประชาชนในเทศกาลขึ้นปีใหม่ 2559 และยังเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนอีกทางหนึ่งด้วย โดยได้รับการตอบจากประชาชนเป็นอย่างดี มีผู้นำใบสั่งมาเสียค่าปรับที่ สน.ลำผักชี เป็นจำนวนมาก ทั้งนี้โครงการดังกล่าวเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2558 และจะสิ้นสุดโครงการในวันที่ 15 มกราคม 2559
ด้านพล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รรท.ผบช.น.) กล่าวถึงโครงการล้างใบสั่ง 100 ราคาเดียวว่า เป็นโครงการที่ดี ดังนั้น จึงได้สั่งการให้กองบังคับการตำรวจนครบาล 1-9 (บก.น.1-9) และกองบังคับการตำรวจราจร (บก.จร.) รวมทั้ง 88 สน.ทั่วพื้นที่กรุงเทพมหานครดำเนินการตามโครงการดังกล่าว เพื่อให้แนวทางปฏิบัติเป็นไปในทิศทางเดียวกันทุกกองบังคับการ และเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่ประชาชน อีกทั้งโครงการล้างใบสั่งยังจะเป็นการป้องกันไม่ให้ประชาชนไปก่อความผิดซ้ำซ้อน ในกรณีที่ไม่มีใบอนุญาตขับขี่และไปแจ้งความเท็จ เพราะบางคนไปแจ้งความเนื่องจากรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่งก็จะทำให้มีโทษสูงถึงจำคุกถึง 2 ปี
นอกจากนี้เมื่อประชาชนเดินทางกลับบ้านจะได้มีเอกสารให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ กรณีที่เจ้าหน้าที่เรียกตรวจ เนื่องจากช่วงเทศกาลปีใหม่จะต้องมีการตรวจสอบอย่างเข้มข้น เพื่อป้องกันปัญหาอาชญากรรมหรือปัญหาอื่นๆ ที่จะตามมา
อย่างไรก็ตามขณะนี้ได้สั่งการให้ทุกกองบังคับการเริ่มปฏิบัติไปแล้ว โดยประชาชนที่ทำผิดกฎจราจรและถูกยึดใบขับขี่สามารถติดต่อได้ที่สน.พื้นที่ที่ถูกจับได้ตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคม 2558-15 มกราคม 2559 เป็นระยะเวลา 21 วัน แต่หากไม่มาติดต่อในระยะเวลาดังกล่าวก็จะต้องจ่ายค่าปรับในอัตราที่กระทำความผิด หรือขยายเวลาโครงการดังกล่าวขึ้นอยู่กับดุลพินิจของเจ้าหน้าที่เปรียบเทียบปรับตามความเหมาะสม
สำหรับโครงการล้างใบสั่งปรับ 100 บาท จะดำเนินการได้เฉพาะในความผิดที่กำหนดโทษปรับไว้ไม่เกิน 1,000 บาท เท่านั้น อาทิ ไม่สวมหมวกนิรภัย อุปกรณ์ส่วนควบไม่ครบ ไม่พกใบอนุญาตขับขี่ ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ซึ่งข้อหาเหล่านี้เป็นข้อหาที่ไม่ได้ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ส่วนรวม
ส่วนความผิดในข้อหาที่สร้างความเดือดต่อผู้อื่นส่งผลกระทบด้านการจราจรไม่ว่าจะเป็นจอดรถกีดขวาง จอดรถในที่ห้ามจอด ขับรถบนทางเท้า นำรถที่ด้อยสมรรถนะมาขับ และเมาแล้วขับ ซึ่งได้สั่งการกำชับว่า ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย ความผิดอะไรที่เป็นอัตราโทษปรับไม่น้อยกว่า 400 บาท หรืออะไรที่เป็นนโยบายดังที่กล่าวมา ข้อหาเหล่านี้ก็จะต้องถูกปรับ และดำเนินคดีในอัตราโทษสูงสุด
อย่างไรก็ตามโครงการนี้ยังมีนักกฎหมายเป็นห่วงและโต้แย้งว่าหากดำเนินการไปแล้วประชาชนอาจจะไม่เกรงกลัว และกระทำผิดกฎจราจรอย่างต่อเนื่อง แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการพิจารณาตามบทลงโทษอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังได้มีการทำสัญญาข้อตกลงหรือเอ็มโอยู เพื่อตกลงกันว่า จะไม่ทำผิดกรณีเดิมซ้ำอีกทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่เองก็ไม่ได้มุ่งหวังในเงินรางวัลนำจับเพียงอย่างเดียว แต่มีจุดประสงค์เพื่อเป็นการป้องกันประชาชนเท่านั้น
ด้านพล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รรท.ผบช.น.) กล่าวถึงโครงการล้างใบสั่ง 100 ราคาเดียวว่า เป็นโครงการที่ดี ดังนั้น จึงได้สั่งการให้กองบังคับการตำรวจนครบาล 1-9 (บก.น.1-9) และกองบังคับการตำรวจราจร (บก.จร.) รวมทั้ง 88 สน.ทั่วพื้นที่กรุงเทพมหานครดำเนินการตามโครงการดังกล่าว เพื่อให้แนวทางปฏิบัติเป็นไปในทิศทางเดียวกันทุกกองบังคับการ และเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่ประชาชน อีกทั้งโครงการล้างใบสั่งยังจะเป็นการป้องกันไม่ให้ประชาชนไปก่อความผิดซ้ำซ้อน ในกรณีที่ไม่มีใบอนุญาตขับขี่และไปแจ้งความเท็จ เพราะบางคนไปแจ้งความเนื่องจากรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่งก็จะทำให้มีโทษสูงถึงจำคุกถึง 2 ปี
นอกจากนี้เมื่อประชาชนเดินทางกลับบ้านจะได้มีเอกสารให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ กรณีที่เจ้าหน้าที่เรียกตรวจ เนื่องจากช่วงเทศกาลปีใหม่จะต้องมีการตรวจสอบอย่างเข้มข้น เพื่อป้องกันปัญหาอาชญากรรมหรือปัญหาอื่นๆ ที่จะตามมา
อย่างไรก็ตามขณะนี้ได้สั่งการให้ทุกกองบังคับการเริ่มปฏิบัติไปแล้ว โดยประชาชนที่ทำผิดกฎจราจรและถูกยึดใบขับขี่สามารถติดต่อได้ที่สน.พื้นที่ที่ถูกจับได้ตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคม 2558-15 มกราคม 2559 เป็นระยะเวลา 21 วัน แต่หากไม่มาติดต่อในระยะเวลาดังกล่าวก็จะต้องจ่ายค่าปรับในอัตราที่กระทำความผิด หรือขยายเวลาโครงการดังกล่าวขึ้นอยู่กับดุลพินิจของเจ้าหน้าที่เปรียบเทียบปรับตามความเหมาะสม
สำหรับโครงการล้างใบสั่งปรับ 100 บาท จะดำเนินการได้เฉพาะในความผิดที่กำหนดโทษปรับไว้ไม่เกิน 1,000 บาท เท่านั้น อาทิ ไม่สวมหมวกนิรภัย อุปกรณ์ส่วนควบไม่ครบ ไม่พกใบอนุญาตขับขี่ ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ซึ่งข้อหาเหล่านี้เป็นข้อหาที่ไม่ได้ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ส่วนรวม
ส่วนความผิดในข้อหาที่สร้างความเดือดต่อผู้อื่นส่งผลกระทบด้านการจราจรไม่ว่าจะเป็นจอดรถกีดขวาง จอดรถในที่ห้ามจอด ขับรถบนทางเท้า นำรถที่ด้อยสมรรถนะมาขับ และเมาแล้วขับ ซึ่งได้สั่งการกำชับว่า ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย ความผิดอะไรที่เป็นอัตราโทษปรับไม่น้อยกว่า 400 บาท หรืออะไรที่เป็นนโยบายดังที่กล่าวมา ข้อหาเหล่านี้ก็จะต้องถูกปรับ และดำเนินคดีในอัตราโทษสูงสุด
อย่างไรก็ตามโครงการนี้ยังมีนักกฎหมายเป็นห่วงและโต้แย้งว่าหากดำเนินการไปแล้วประชาชนอาจจะไม่เกรงกลัว และกระทำผิดกฎจราจรอย่างต่อเนื่อง แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการพิจารณาตามบทลงโทษอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังได้มีการทำสัญญาข้อตกลงหรือเอ็มโอยู เพื่อตกลงกันว่า จะไม่ทำผิดกรณีเดิมซ้ำอีกทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่เองก็ไม่ได้มุ่งหวังในเงินรางวัลนำจับเพียงอย่างเดียว แต่มีจุดประสงค์เพื่อเป็นการป้องกันประชาชนเท่านั้น