พระอาจารย์ใหญ่ ดร.มหาผ่อง ปิยะทีโร (สะมาเลิก) อดีตประธานศูนย์กลางการพระพุทธศาสนาสัมพันธ์ลาว(อพส) (พระสังฆราชลาวรูปที่ 4) อดีตเจ้าอาวาสวัดองค์ตื้อ นครเวียงจันท์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ได้ละสังขารเมื่อวันที่ 7 ต.ค.2558 ที่ผ่านมา สิริอายุ 100 ปี 6 เดือน 81 พรรษา และกำหนดให้มีพิธีถวายเพลิงพระศพเมื่อวานนี้ (20ธ.ค.2558) ที่พระเมรุ ที่ตั้งอยู่ลานวัดพระธาตุหลวง นครเวียงจันท์
ทั้งนี้พิธีเคลื่อนขบวนพระศพจากวัดองค์ตื้อไปยังเมรุมาศท้องสนามหลวง หน้าวัดพระธาตุหลวง นครเวียงจันทน์ เมื่อเวลา 12.00 น.หลังจากเสร็จสิ้นพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนาแล้ว โดยมีพุทธศาสนิกชนชาวลาวที่ไปร่วมในพิธีครั้งนี้ ที่ต่างแต่งกายด้วยชุดสีขาว ร่วมขบวนเชิญสรีระสังขารพระอาจารย์ใหญ่ ดร.มหาผ่องขึ้นสู่พระเมรุ และร่วมวางดอกไม้จัน ก่อนจะมีพิธีถวายเพลิงในเวลาประมาณ 21.00 น.โดยมีนายจูมมลี ไชยสอน ประธานสปป.ลาวเป็นประธานในพิธี
ในการนี้ได้มีชาวลาวและไทย รวมถึงคณะสงฆ์ไทย เช่นพระพรหมบัณฑิต กรรมการมหาเถรสมาคม อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) และผู้แทนคณะกรรมการสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา นำโดยพระเทพพุทธิวิเทศ ประธานสมัชชาสงฆ์ไทยฯ และเลขาธิการ พระครูสิริอรรถวิเทศ พร้อมด้วยพระอนุจร ร่วมในพิธีด้วย
สำหรับชีวประวัติของพระอาจารย์ใหญ่ ดร.มหาผ่อง เกิดเมื่อวันที่ 10 เมษายน พ.ศ.2459 ที่ อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี ประเทศไทย ได้บรรพชาและอุปสมบทที่วัดโพธิ์ศรี อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2479 และได้เข้ามาจำพรรษาที่วัดชนะสงคราม บางลำพู โดยญาติพี่น้องได้สำทับว่า หากไม่ได้เป็นมหาเปรียญ อย่าได้กลับ จ.อุบลราชธานี ท่านจึงทุ่มเทเรียนปริยัติธรรมที่วัดชนะสงครามอย่างเต็มที่ จนสามารถสอบได้เปรียญธรรม 6 ประโยค เข้ารับพระราชทานพัดเปรียญจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล (รัชกาลที่ 8) ใน พ.ศ. 2489 จากนั้นได้ทำหน้าที่สอนพระปริยัติธรรมที่วัดชนะสงครามอีก 6 ปี รวมเวลาที่เป็นนักเรียนและครูที่วัดชนะสงคราม 16 ปี หลังจากนั้นได้เข้าร่วมขบวนปลดปล่อยประเทศลาวอย่างเต็มตัว และอยู่ฝั่ง สปป.ลาว นับตั้งแต่ พ.ศ.2495 เป็นต้นมา จนกระทั่ง พ.ศ.2498 จึงได้รับอาราธนาให้ไปสอนหนังสือที่วัดพระเจ้าองค์ตื้อ นครหลวงเวียงจันทน์ และ พ.ศ.2500 ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะเมืองโพนทอง ครั้น พ.ศ.2515 จึงได้เลื่อนเป็นเจ้าคณะแขวงจำปาศักดิ์
ต่อมาในปี พ.ศ.2519 ท่านได้รับนิมนต์ให้ไปดำรงตำแหน่งรองประธานศูนย์กลาง อพส. ประจำ ณ วัดพระเจ้าองค์ตื้อ นครหลวงเวียงจันทน์ ณ ที่แห่งนั้น ได้สร้างผลงานโดดเด่นขึ้นมาในโลกพระพุทธศาสนา คือการประสานงานรอมชอมพระสงฆ์ 2 นิกาย อันได้แก่ มหานิกายและธรรมยุติกนิกาย ซึ่งแตกแยกมานาน ให้สมานฉันท์ไม่มีนิกายในลาว ในปีพ.ศ.2553 พระมหาวิจิตร วีรญาโณ (สิงหะราช) ประธานศูนย์กลาง อพส. รูปที่ 3 ได้ถึงแก่มรณภาพลง ท่านจึงได้รับการยกย่องขึ้นดำรงตำแหน่งประธานศูนย์กลาง อพส. เป็นรูปที่ 4 ซึ่งตำแหน่งนี้เทียบเท่ากับตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชของไทย ในวันที่ 7 ตุลาคม 2558 เวลา 17.11 น. ท่านได้ละสังขารลง สิริรวมอายุ 100 ปี 6 เดือน 81 พรรษา
ทั้งนี้พิธีเคลื่อนขบวนพระศพจากวัดองค์ตื้อไปยังเมรุมาศท้องสนามหลวง หน้าวัดพระธาตุหลวง นครเวียงจันทน์ เมื่อเวลา 12.00 น.หลังจากเสร็จสิ้นพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนาแล้ว โดยมีพุทธศาสนิกชนชาวลาวที่ไปร่วมในพิธีครั้งนี้ ที่ต่างแต่งกายด้วยชุดสีขาว ร่วมขบวนเชิญสรีระสังขารพระอาจารย์ใหญ่ ดร.มหาผ่องขึ้นสู่พระเมรุ และร่วมวางดอกไม้จัน ก่อนจะมีพิธีถวายเพลิงในเวลาประมาณ 21.00 น.โดยมีนายจูมมลี ไชยสอน ประธานสปป.ลาวเป็นประธานในพิธี
ในการนี้ได้มีชาวลาวและไทย รวมถึงคณะสงฆ์ไทย เช่นพระพรหมบัณฑิต กรรมการมหาเถรสมาคม อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) และผู้แทนคณะกรรมการสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา นำโดยพระเทพพุทธิวิเทศ ประธานสมัชชาสงฆ์ไทยฯ และเลขาธิการ พระครูสิริอรรถวิเทศ พร้อมด้วยพระอนุจร ร่วมในพิธีด้วย
สำหรับชีวประวัติของพระอาจารย์ใหญ่ ดร.มหาผ่อง เกิดเมื่อวันที่ 10 เมษายน พ.ศ.2459 ที่ อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี ประเทศไทย ได้บรรพชาและอุปสมบทที่วัดโพธิ์ศรี อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2479 และได้เข้ามาจำพรรษาที่วัดชนะสงคราม บางลำพู โดยญาติพี่น้องได้สำทับว่า หากไม่ได้เป็นมหาเปรียญ อย่าได้กลับ จ.อุบลราชธานี ท่านจึงทุ่มเทเรียนปริยัติธรรมที่วัดชนะสงครามอย่างเต็มที่ จนสามารถสอบได้เปรียญธรรม 6 ประโยค เข้ารับพระราชทานพัดเปรียญจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล (รัชกาลที่ 8) ใน พ.ศ. 2489 จากนั้นได้ทำหน้าที่สอนพระปริยัติธรรมที่วัดชนะสงครามอีก 6 ปี รวมเวลาที่เป็นนักเรียนและครูที่วัดชนะสงคราม 16 ปี หลังจากนั้นได้เข้าร่วมขบวนปลดปล่อยประเทศลาวอย่างเต็มตัว และอยู่ฝั่ง สปป.ลาว นับตั้งแต่ พ.ศ.2495 เป็นต้นมา จนกระทั่ง พ.ศ.2498 จึงได้รับอาราธนาให้ไปสอนหนังสือที่วัดพระเจ้าองค์ตื้อ นครหลวงเวียงจันทน์ และ พ.ศ.2500 ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะเมืองโพนทอง ครั้น พ.ศ.2515 จึงได้เลื่อนเป็นเจ้าคณะแขวงจำปาศักดิ์
ต่อมาในปี พ.ศ.2519 ท่านได้รับนิมนต์ให้ไปดำรงตำแหน่งรองประธานศูนย์กลาง อพส. ประจำ ณ วัดพระเจ้าองค์ตื้อ นครหลวงเวียงจันทน์ ณ ที่แห่งนั้น ได้สร้างผลงานโดดเด่นขึ้นมาในโลกพระพุทธศาสนา คือการประสานงานรอมชอมพระสงฆ์ 2 นิกาย อันได้แก่ มหานิกายและธรรมยุติกนิกาย ซึ่งแตกแยกมานาน ให้สมานฉันท์ไม่มีนิกายในลาว ในปีพ.ศ.2553 พระมหาวิจิตร วีรญาโณ (สิงหะราช) ประธานศูนย์กลาง อพส. รูปที่ 3 ได้ถึงแก่มรณภาพลง ท่านจึงได้รับการยกย่องขึ้นดำรงตำแหน่งประธานศูนย์กลาง อพส. เป็นรูปที่ 4 ซึ่งตำแหน่งนี้เทียบเท่ากับตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชของไทย ในวันที่ 7 ตุลาคม 2558 เวลา 17.11 น. ท่านได้ละสังขารลง สิริรวมอายุ 100 ปี 6 เดือน 81 พรรษา