รัสเซียใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดซู-34 ติดขีปนาวุธจากอากาศสู่อากาศ ดำเนินภารกิจในซีเรียเป็นครั้งแรก ท่ามกลางข้อพิพาทกับตุรกีในเหตุซู-24ถูกสอยร่วง จากการเปิดเผยของโฆษกกองทัพอากาศมอสโกในวันจันทร์(30พ.ย.)
"วันนี้ เครื่องบินขับไล่ทิ้งระเบิดซู-34 ได้ดำเนินการโจมตีเป็นเที่ยวแรก โดยมันไม่ได้แค่บรรจุระเบิดลูกทิ้งอานุภาพสูงแล้ว มันยังติดตั้งขีปนาวุธอากาศสู่อากาศพิสัยกลางและพิสัยไกลด้วย" อิกอร์ คลิมอฟ โฆษกกองทัพอากาศรัสเซียเผย "เครื่องบินติดตั้งขีปนาวุธในวัตถุประสงค์ป้องกันตนเอง ขีปนาวุธมีกลไกค้นหาเป้าหมายและมีประสิทธิภาพในการโจมตีเป้าหมายทางอากาศภายในรัศมี60กิโลเมตร"
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเครื่องบินเอฟ16ของตุรกี ยิงเครื่องบินทิ้งระเบิดซู-24ของรัสเซียที่กำลังปฏิบัติภารกิจในซีเรียตกเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งทางอังการาอ้างว่ามันละเมิดน่านฟ้าของประเทศ แต่มอสโกปฏิเสธและอ้างข้อมูลข่าวกรองของกองทัพยืนยันว่าซู-24ลำดังกล่าวไม่เคยออกนอกน่านฟ้าของซีเรียเลย
ตามหลังเหตุเครื่องบินถูกยิงตก ประธานาธิบดีปูตินเมื่อวันเสาร์(28พ.ย.) ลงนามในกฤษฎีกากำหนดมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อตุรกี ในนั้นรวมถึงแบนองค์กรต่างๆของชาวเติร์กและห้ามนำเข้าสินค้าบางอย่าง ห้ามเครื่องบินเช่าเหมาลำและขายแพกเก็จทัวร์ไปยังตุรกี และระงับยกเว้นวีซาแก่พลเมืองตุรกี ซึ่งจะเริ่มในปีหน้า
ก่อนหน้านี้ในวันพฤหัสบดี(26พ.ย.) มอสโกได้เรียกผู้แทนทางทหารประจำตุรกีกลับประเทศ ในขณะที่กระทรวงกลาโหมเผยว่าได้ระงับความร่วมมือทางทหารกับอังการาทุกช่องทาง ในนั้นรวมถึงการจัดตั้งสายด่วนเพื่อแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของรัสเซียในซีเรีย
"วันนี้ เครื่องบินขับไล่ทิ้งระเบิดซู-34 ได้ดำเนินการโจมตีเป็นเที่ยวแรก โดยมันไม่ได้แค่บรรจุระเบิดลูกทิ้งอานุภาพสูงแล้ว มันยังติดตั้งขีปนาวุธอากาศสู่อากาศพิสัยกลางและพิสัยไกลด้วย" อิกอร์ คลิมอฟ โฆษกกองทัพอากาศรัสเซียเผย "เครื่องบินติดตั้งขีปนาวุธในวัตถุประสงค์ป้องกันตนเอง ขีปนาวุธมีกลไกค้นหาเป้าหมายและมีประสิทธิภาพในการโจมตีเป้าหมายทางอากาศภายในรัศมี60กิโลเมตร"
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเครื่องบินเอฟ16ของตุรกี ยิงเครื่องบินทิ้งระเบิดซู-24ของรัสเซียที่กำลังปฏิบัติภารกิจในซีเรียตกเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งทางอังการาอ้างว่ามันละเมิดน่านฟ้าของประเทศ แต่มอสโกปฏิเสธและอ้างข้อมูลข่าวกรองของกองทัพยืนยันว่าซู-24ลำดังกล่าวไม่เคยออกนอกน่านฟ้าของซีเรียเลย
ตามหลังเหตุเครื่องบินถูกยิงตก ประธานาธิบดีปูตินเมื่อวันเสาร์(28พ.ย.) ลงนามในกฤษฎีกากำหนดมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อตุรกี ในนั้นรวมถึงแบนองค์กรต่างๆของชาวเติร์กและห้ามนำเข้าสินค้าบางอย่าง ห้ามเครื่องบินเช่าเหมาลำและขายแพกเก็จทัวร์ไปยังตุรกี และระงับยกเว้นวีซาแก่พลเมืองตุรกี ซึ่งจะเริ่มในปีหน้า
ก่อนหน้านี้ในวันพฤหัสบดี(26พ.ย.) มอสโกได้เรียกผู้แทนทางทหารประจำตุรกีกลับประเทศ ในขณะที่กระทรวงกลาโหมเผยว่าได้ระงับความร่วมมือทางทหารกับอังการาทุกช่องทาง ในนั้นรวมถึงการจัดตั้งสายด่วนเพื่อแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของรัสเซียในซีเรีย