เมื่อวันที่ 23 พ.ย.2558 ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ลงเรือตรวจความเรียบร้อยและความแข็งแรงของท่าเทียบเรือและโป๊ะริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งติดป้ายจำกัดน้ำหนักในระดับความปลอดภัยไม่เกิน 60 คน และจัดเจ้าหน้าที่เทศกิจ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัย รวมทั้งสมาชิก อปพร. พร้อมเสื้อชูชีพและห่วงยาง ดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนทุกท่าเทียบเรือ นอกจากนี้ยังได้สั่งปิดท่าเทียบเรือและโป๊ะริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไม่พร้อมใช้งาน จำนวน 53 แห่ง จากทั้งหมด 436 แห่ง
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่ตนห่วงใยที่สุดในเทศกาลลอยกระทง คือความปลอดภัยของประชาชน ดังนั้นกทม.จึงต้องเตรียมความพร้อมเพื่อดูแลความปลอดภัยในพื้นที่จัดงานลอยกระทงบริเวณต่างๆ โดยเฉพาะบริเวณท่าเทียบเรือ ซึ่งจะมีประชาชนใช้งานจำนวนมาก ทั้งนี้ท่าเทียบเรือที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาและริมคลองต่างๆของกรุงเทพฯ มีจำนวนทั้งสิ้น 436 ท่า ซึ่งเป็นท่าที่อยู่ในสภาพปลอดภัย พร้อมใช้งานจำนวน 383 ท่า และเป็นท่าเรือที่ชำรุด ห้ามเปิดใช้งานจำนวน 53 ท่า ซึ่งกทม.ได้เข้ากั้นพื้นที่ ติดป้ายประกาศห้ามใช้งานอย่างเป็นทางการเสร็จสิ้นแล้ว ส่วนท่าเรือที่สามารถใช้งานได้นั้น จะมีการติดป้ายรองรับน้ำหนักและจำนวนคนให้ประชาชนรับทราบเพื่อความปลอดภัย โดยแต่ละท่าเรือจะสามารถรองรับน้ำหนักผู้ใช้งานได้ประมาณ 60 คน ซึ่งกทม.จะจัดให้มีเจ้าหน้าที่ประจำตามท่าเรือต่างๆ พร้อมอุปกรณ์ป้องกันภัยคอบดูแลประชาชนในวันลอยกระทงอย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้ยังได้บูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และหน่วยงานสาธารณะสุข จัดตั้งกองอำนวยการร่วมส่วนหน้า โดยจะเป็นการจัดกำลัง อุปกรณ์กู้ภัย ประจำการทั้งสิ้น 6 จุด คือบริเวณเชิงสะพานพระราม8 สะพานพระราม9 สวนสันติไชยปราการ สวนลุมพินี ริมคลองผดุงกรุงเกษม และริมบึงลำพังพวย โดยหากประชาชนต้องการความช่วยเหลือใดๆ สามารถประสานเจ้าหน้าที่ในจุดดังกล่าวได้ทันที ตนอยากให้ประชาชนทุกคนช่วยกันเป็นหูเป็นตา ดูแลความปลอดภัยให้กันและกัน โดยเฉพาะเด็กๆ ซึ่งผู้ปกครองต้องดูแลอย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าเป็นห่วงคือการจุดพลุและเล่นดอกไม้ไฟ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดอันตรายและเกิดเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชนได้ ซึ่งกทม.ได้คุมเข้มห้ามเล่น จำหน่าย ดอกไม้ไฟในเขตพื้นที่กรุงเทพฯช่วงเทศกาลลอยกระทงโดยเด็ดขาด อีกทั้งตามกฎหมายจะกำหนดห้ามปล่อยโคมลอยในพื้นที่พระราชวัง พื้นที่ที่มีอาคารสูง และพื้นที่เขตการบิน 15 เขต ประกอบด้วยเขตประเวศ หนองจอก สวนหลวง มีนบุรี คลองสามวา ลาดกระบัง ดอนเมือง บางเขน หลักสี่ สายไหม บางซื่อ ลาดพร้าว ดุสิต พญาไท และเขตจตุจักร ตามพ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยพ.ศ.2550 โดยหากมีการฝ่าฝืนจะมีโทษปรับไม่เกิน 6,000 บาท และจำคุกไม่เกิน 3 เดือน
ขณะที่เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เข้าตรวจสอบร้านจำหน่ายพลุ ประทัด และดอกไม้เพลิงแหล่งใหญ่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ใกล้ป้อมมหากาฬ ถนนมหาไชย เขตพระนคร พบร้านจำหน่ายดอกไม้ไฟไม่ปฏิบัติตามกฎหมายข้อบังคับ ว่าด้วยเรื่องการควบคุมฉลากและคำเตือน โดยเฉพาะฉลากเตือนอันตรายที่เกิดจากการเล่นพลุ ประทัด ตามประกาศคณะกรรมการว่าด้วยฉลาก ฉบับที่ 36 ปี 2556 ที่กำหนดให้ผู้ประกอบการจะต้องกำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับฉลากให้ชัดเจน เช่น ผู้เล่นดอกไม้เพลิงที่มีอายุต่ำกว่า 14 ปี ต้องอยู่ในการกำกับดูแลของผู้ใหญ่ ไม่ควรเก็บประทัดไว้ในที่ที่มีอุณหภูมิที่สูง และควรเล่นประทัดในที่โล่งกว้างห่างไกลจากวัตถุไวไฟ เบื้องต้นส่งเรื่องให้ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) ดำเนินคดี
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่ตนห่วงใยที่สุดในเทศกาลลอยกระทง คือความปลอดภัยของประชาชน ดังนั้นกทม.จึงต้องเตรียมความพร้อมเพื่อดูแลความปลอดภัยในพื้นที่จัดงานลอยกระทงบริเวณต่างๆ โดยเฉพาะบริเวณท่าเทียบเรือ ซึ่งจะมีประชาชนใช้งานจำนวนมาก ทั้งนี้ท่าเทียบเรือที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาและริมคลองต่างๆของกรุงเทพฯ มีจำนวนทั้งสิ้น 436 ท่า ซึ่งเป็นท่าที่อยู่ในสภาพปลอดภัย พร้อมใช้งานจำนวน 383 ท่า และเป็นท่าเรือที่ชำรุด ห้ามเปิดใช้งานจำนวน 53 ท่า ซึ่งกทม.ได้เข้ากั้นพื้นที่ ติดป้ายประกาศห้ามใช้งานอย่างเป็นทางการเสร็จสิ้นแล้ว ส่วนท่าเรือที่สามารถใช้งานได้นั้น จะมีการติดป้ายรองรับน้ำหนักและจำนวนคนให้ประชาชนรับทราบเพื่อความปลอดภัย โดยแต่ละท่าเรือจะสามารถรองรับน้ำหนักผู้ใช้งานได้ประมาณ 60 คน ซึ่งกทม.จะจัดให้มีเจ้าหน้าที่ประจำตามท่าเรือต่างๆ พร้อมอุปกรณ์ป้องกันภัยคอบดูแลประชาชนในวันลอยกระทงอย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้ยังได้บูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และหน่วยงานสาธารณะสุข จัดตั้งกองอำนวยการร่วมส่วนหน้า โดยจะเป็นการจัดกำลัง อุปกรณ์กู้ภัย ประจำการทั้งสิ้น 6 จุด คือบริเวณเชิงสะพานพระราม8 สะพานพระราม9 สวนสันติไชยปราการ สวนลุมพินี ริมคลองผดุงกรุงเกษม และริมบึงลำพังพวย โดยหากประชาชนต้องการความช่วยเหลือใดๆ สามารถประสานเจ้าหน้าที่ในจุดดังกล่าวได้ทันที ตนอยากให้ประชาชนทุกคนช่วยกันเป็นหูเป็นตา ดูแลความปลอดภัยให้กันและกัน โดยเฉพาะเด็กๆ ซึ่งผู้ปกครองต้องดูแลอย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าเป็นห่วงคือการจุดพลุและเล่นดอกไม้ไฟ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดอันตรายและเกิดเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชนได้ ซึ่งกทม.ได้คุมเข้มห้ามเล่น จำหน่าย ดอกไม้ไฟในเขตพื้นที่กรุงเทพฯช่วงเทศกาลลอยกระทงโดยเด็ดขาด อีกทั้งตามกฎหมายจะกำหนดห้ามปล่อยโคมลอยในพื้นที่พระราชวัง พื้นที่ที่มีอาคารสูง และพื้นที่เขตการบิน 15 เขต ประกอบด้วยเขตประเวศ หนองจอก สวนหลวง มีนบุรี คลองสามวา ลาดกระบัง ดอนเมือง บางเขน หลักสี่ สายไหม บางซื่อ ลาดพร้าว ดุสิต พญาไท และเขตจตุจักร ตามพ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยพ.ศ.2550 โดยหากมีการฝ่าฝืนจะมีโทษปรับไม่เกิน 6,000 บาท และจำคุกไม่เกิน 3 เดือน
ขณะที่เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เข้าตรวจสอบร้านจำหน่ายพลุ ประทัด และดอกไม้เพลิงแหล่งใหญ่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ใกล้ป้อมมหากาฬ ถนนมหาไชย เขตพระนคร พบร้านจำหน่ายดอกไม้ไฟไม่ปฏิบัติตามกฎหมายข้อบังคับ ว่าด้วยเรื่องการควบคุมฉลากและคำเตือน โดยเฉพาะฉลากเตือนอันตรายที่เกิดจากการเล่นพลุ ประทัด ตามประกาศคณะกรรมการว่าด้วยฉลาก ฉบับที่ 36 ปี 2556 ที่กำหนดให้ผู้ประกอบการจะต้องกำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับฉลากให้ชัดเจน เช่น ผู้เล่นดอกไม้เพลิงที่มีอายุต่ำกว่า 14 ปี ต้องอยู่ในการกำกับดูแลของผู้ใหญ่ ไม่ควรเก็บประทัดไว้ในที่ที่มีอุณหภูมิที่สูง และควรเล่นประทัดในที่โล่งกว้างห่างไกลจากวัตถุไวไฟ เบื้องต้นส่งเรื่องให้ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) ดำเนินคดี