นายกรัฐมนตรี ยันรัฐบาลไม่ได้ห้ามลอยกระทง แต่ถ้าน้ำแห้งก็ลอยบนบก ยอมรับสภาพภัยแล้ง ฝากเลิกใช้โฟม หรือใช้สิ่งประดิษฐ์ เล็งเปิดสะพานเหล็กขายของเป็นถนนคนเดินเสาร์ - อาทิตย์ คาดปีใหม่ชัดเจน ครวญพิธีกรทีวีด่า “ใช้เวลาอธิบายนานเกินไป” ย้อนกลับจะรู้เรื่องไหม ชี้ ต้องการให้ประชาชนให้ความร่วมมือ หยุดความขัดแย้ง แม่ค้าโรงอาหารทำเนียบฯ ร้องเรียนขายไม่ออก คนในทำเนียบฯ หนีไปกินตลาดนัดหลายเดือน
วันนี้ (24 พ.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า ใกล้ช่วงเทศกาลลอยกระทง ซึ่งรัฐบาลไม่ได้มีการห้ามลอยกระทงทั้งจังหวัด ตามที่มีกระแสข่าว เพียงแต่ช่วงนี้น้ำแห้งไม่มีน้ำก็สามารถลอยบกก็ได้ ในเมื่อมันเป็นบึงแล้วไม่มีน้ำ มันก็ต้องยอมรับสภาพว่ามันไม่มีเพราะอะไร เพราะป่าไม้ถูกทำลายใช่หรือไม่ จึงทำให้ต้องมีการลอยกระทงกันทางบก
“เอาสิ่งเหล่านี้มาสอนคนสิ ผมจะไปห้ามเขาได้อย่างไร เรื่องการทำกระทงก็เหมือนกัน ผมอยากให้นึกถึงคนทำความสะอาดด้วย นึกถึงสิ่งที่ทำให้สิ่งแวดล้อมเสียไป เช่น เรื่องการใช้โฟม จะต้องลดให้ได้หรือไม่ใช้เลย หรือใช้สิ่งประดิษฐ์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาตินำมาเพิ่มรายได้ อาทิ ใบลาน มะระ ทำให้เป็นนวัตรกรรม อยากให้ทุกคนได้ทำ โดยถ้าประกวดได้ก็ดีไม่ใช่กระทงแบบเดิมเป็นกระทงที่สร้างนวัตกรรม เอาหลายสิ่งมาประกอบกันทำให้ดูสวยงาม มีราคา” นายกฯ กล่าว
ส่วนเรื่องความปลอดภัย การปล่อยโคมลอยที่เป็นประเพณีดั้งเดิมของเรา แต่วันนี้มีเครื่องบินจึงต้องช่วยกันระมัดระวัง ซึ่งกฎหมายมีอยู่แล้ว ถ้าปล่อยไปแล้วไปมีผลกระทบกับเครื่องบิน ทำให้เครื่องบินตก หรือทำให้เกิดไฟไหม้ไร่นา เจ้าของต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงการจัดพื้นที่ขายของที่สะพานเหล็ก ว่า เรื่องขายของเป็นกังวล แต่หลังจากจัดระเบียบสะพานเหล็ก จะเห็นว่าคลองโอ่งอ่างสะอาดสดใสขึ้น แต่ก่อนมองไม่เห็นคลอง เห็นแต่หลังคาสองฝั่งชนกันตรงกลาง ในอดีตถ้าเราไม่จำเป็นต้องถมคลอง ทำถนน วันนี้เราคงมีคลองมหาศาล โดยไทยถูกเปรียบเป็นเวนิสตะวันออก เพราะสมัยก่อนน้ำยังใสสะอาด คนไม่มากเท่าทุกวันนี้ แต่วันนี้ปัญหาทุกอย่างสะสม ขณะเดียวกัน ระบบการระบายน้ำไม่ได้รับการแก้ไข ไม่มีระบบกันน้ำเสียเข้าสู่โรงบำบัดน้ำเสียเพื่อปล่อยกลับคืนสู่ธรรมชาติ โครงการนี้ไม่เกิด ซึ่งก่อนหน้านี้เคยจะเกิดขึ้นแต่เกิดการฟ้องร้อง เกิดความเสียหายอย่างกรณีคลองด่าน จุดเดียวยังเกิดไม่ได้ ประเทศไทยเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นคิดว่าทุกคนต้องมามองตรงนี้ด้วย ส่วนเรื่องความเสียหายก็ว่ากันไปค่อย ๆ แก้ไข รัฐบาลพร้อมแก้ปัญหา แต่จะให้ถูกใจทุกคนมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ซึ่งยอมรับว่า การเข้าไปจัดระเบียบดังกล่าวย่อมมีผลกระทบ และต้องนึกถึงประชาชนที่อยู่ตรงจุดนั้นด้วยที่ร้องเรียนมา อย่างไรก็ตาม หลังการจัดระเบียบนี้ รัฐบาลกำลังพิจารณาหาทาง โดยหลังปีใหม่จะเกิดความชัดเจนว่าจะอนุมัติให้ขายของจุดไหนได้บ้างหรือจะจัดเป็นถนนคนเดิน หรือจะขายเฉพาะเสาร์ - อาทิตย์ หรือจะจัดเป็นตลาดจตุจักร แต่ถ้าให้ขายตลอดก็จะแงะไม่ออกอีก เซ้งกันต่อ ๆ มา ผู้ค้ารวยคนเข็นผักจนก็น่าสงสาร
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า วันนี้ทุกประเทศกำลังส่งเสริมเรื่องเทคโนโลยีความทันสมัยต่าง ๆ หุ่นยนต์ต่าง ๆ ซึ่งตนอยากถามว่าคนจนจะรู้จักของพวกนี้ และจะได้ใช้สิ่งของเหล่านี้หรือไม่ ในเมื่อรายได้มีเท่านี้ ดังนั้น ยิ่งจะทำให้เกิดช่องว่างทางรายได้มากขึ้น วันนี้แม้แต่การปรับพฤติกรรมปลูกพืชยังปรับไม่ได้ ซึ่งตนยืนยันว่าเรามีศูนย์แนะนำพร้อมทั้งลงเดินสอนตามหมู่บ้าน ตำบล แต่คงไปไม่ได้ทุกบ้าน เพราะบางคนอาจไม่อยู่บ้าน หรืออาจจะอยู่แต่ก็ไม่ฟัง ซึ่งเราก็ไม่ได้บังคับใคร เพียงแต่เดินเพื่อแนะนำ ซึ่งเขาก็บอกกลับมาว่ามันยากเกินไปสำหรับเขาไม่ถนัด ไม่เคยทำ กลัวตลาดขายไม่ออก คือ มีแต่ปัญหาทั้ง ๆ ที่รัฐเตรียมไว้หมดแล้วก็ยังไม่เอาจะขอทำอย่างเดิม คือ ปลูกข้าวโดยจะขอรับผิดชอบตัวเองเสียหายอย่างไรก็จะไม่เรียกร้องจากใคร ตรงนี้รัฐมีหลักฐาน โดยได้รับรายงานจากกระทรวงมหาดไทยที่ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ และทหาร รายงานมา ซึ่งรัฐจะไปไล่จับก็ไม่ได้ ซึ่งก็ต้องสอนการรับรู้เพิ่มขึ้น และวันนี้ก็มีตนพูดอยู่คนเดียว ฉะนั้น ขอให้สื่อช่วยจุดนี้ด้วย หรือจะให้เป็นอย่างนี้ต่อไปอีกกี่ชาติ
ในตอนหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รู้สึกน้อยใจ มีคนพูดชื่นชมว่า นายกฯ สนใจ รู้ทุกเรื่อง ขยัน มีข้อมูลอ่านหนังสือ รับฟังความคิดเห็นในทุกเรื่อง ขณะที่พิธีกรรายการกลับบอกว่า “ท่านใช้เวลาอธิบายนานเกินไปมั่งครับ” ทำไมจะให้เป็นการถามคำ ตอบคำหรือยังไง แล้วมันจะรู้เรื่องไหม แล้วที่ตนพูดไปทั้งหมดคุณพูดได้เหมือนตนหรือเปล่า ที่ตนพูดงานเป็นร้อยเรื่อง ตนพูดเพื่อให้ข้าราชการฟัง ให้ประชาชนให้ความร่วมมือ ให้คู่ขัดแย้งหยุดความเคลื่อนไหว เพราะเขาไม่ได้คิดอย่างที่ผมคิด ถ้าเขาคิดมันคงไม่เกิดเรื่องให้ตนต้องทำหรอก เอาจริง ๆ ทุกเรื่องเลย นั้นเหละคือสิ่งที่มันเป็นข้อเท็จจริง
“โดยข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ได้คือ ถ้าทุกอย่างดีอยู่แล้ว เป็นประชาธิปไตยอยู่แล้วมันจะไม่เกิดเรื่องเหล่านี้เลย ไม่ว่าจะเป็นความไม่เข้มแข็ง การไม่มีขีดความสามารถในการแข่งขัน การทุจริตผิดกฎหมาย บ้านเมืองไร้ระเบียบโดยสิ้นเชิง ผมถามว่ามันเกิดจากใครแต่ผมมาแก้ไม่รู้ว่ากี่เรื่องที่ทำ กำลังแก้ทั้งหมด แต่กลายเป็นว่าผมทำไม่ถูก เพราะผมเข้ามาอย่างนี้ ก็แล้วแต่ถ้ามองผมเป็นใครล่ะ ในนิทานอีสปที่มาอย่างเดียว อย่างอื่นไม่สนใจ มาแล้วจะทำอะไร เวลาเขามาแล้วไม่ทำอะไรกลับชื่นชม เชิดชู ชมว่า เป็นคนพูดน้อย ถ้าไม่มีผมแล้ว คอยดูเถอะ จะคิดถึง หนังสือพิมพ์จะขายไม่ออก จะบอกให้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังที่ พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เสร็จสิ้น ได้รับแจ้งจากสื่อว่า มีแม่ค้าในโรงอาหารภายในทำเนียบฯ ฝากแจ้งว่า ขายของไม่ค่อยดี เนื่องจากมีตลาดมาเปิดที่ข้างคลองผดุงกรุงเกษมต่อเนื่องมาหลายเดือนแล้ว จึงอยากให้นายกฯ ไปให้กำลังใจแม่ค้า จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้เดินไปตรวจเยี่ยมโรงอาหารใต้ตึกบัญชาการ 1 ในทันที โดยนายกฯ ได้พูดคุยและสอบถามกับแม่ค้าว่า ขายของเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งแม่ค้าทุกร้านได้แจ้งกับนายกฯ ว่า หลายเดือนที่ผ่านมามีลูกค้ามาทานอาหารในโรงอาหารน้อยลง เนื่องจากมีตลาดมาเปิดข้างทำเนียบ และมีอาหารหลากหลายลูกค้าจึงเลือกที่จะไปซื้อทานข้างนอก ส่งผลให้รายได้ลดลง ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ให้กำลังใจ และแนะนำให้ลดต้นทุนการผลิตอาหารลง โดยนายกฯ ได้มอบหมายให้นางเรณู ตังคจิวางกูร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ประสานให้ความช่วยเหลือ