พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงนโยบายการจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและผู้พิการของรัฐบาล เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคม และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนว่า ที่ผ่านมารัฐบาลได้เพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเป็นแบบขั้นบันได โดยผู้ที่มีอายุ 60-69 ปี ได้รับเงินยังชีพ 600 บาทต่อเดือน อายุ 70-79 ปี ได้รับเดือนละ 700 บท อายุ 80-89 ปี ได้รับเดือนละ 800 บาท และ 90 ปีขึ้นไป ได้รับเดือนละ 1,000 บาท ส่วนผู้พิการได้รับเบี้ยยังชีพเดือนละ 800 บาท โดยรัฐบาลขอชวนเชิญพี่น้องประชาชนที่จะมีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ในวันที่ 30 ก.ย. 2559 (เกิดก่อน 1 ต.ค.2499) และผู้พิการที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนขอรับเบี้ยยังชีพไปลงทะเบียนได้จนถึงวันที่ 30 พ.ย.2558 ที่ทำการปกครองที่ตนเองมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน จะได้รับเบี้ยยังชีพตั้งแต่เดือน ต.ค. 2559 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ ประชาชนที่มีอายุ 15-60 ปี สามารถวางแผนการออมเงินเพิ่มเติม เพื่อเป็นหลักประกันความมั่นคงภายหลังเกษียณอายุ โดยสมัครเข้าเป็นสมาชิกกองทุนการออมแห่งชาติได้ที่ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ แล้ววางแผนจัดสรรเงินในแต่ละเดือนเพื่อออมในกองทุนฯ ขณะนี้มียอดผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิกกองทุนฯ กว่า 360,000 คน คิดเป็นยอดวงเงินฝากรวม 388,258,243 บาท ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสอบถามรายละเอียดได้ที่ศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน โทร.1111 ตลอด 24 ชั่วโมง
นอกจากนี้ ประชาชนที่มีอายุ 15-60 ปี สามารถวางแผนการออมเงินเพิ่มเติม เพื่อเป็นหลักประกันความมั่นคงภายหลังเกษียณอายุ โดยสมัครเข้าเป็นสมาชิกกองทุนการออมแห่งชาติได้ที่ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ แล้ววางแผนจัดสรรเงินในแต่ละเดือนเพื่อออมในกองทุนฯ ขณะนี้มียอดผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิกกองทุนฯ กว่า 360,000 คน คิดเป็นยอดวงเงินฝากรวม 388,258,243 บาท ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสอบถามรายละเอียดได้ที่ศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน โทร.1111 ตลอด 24 ชั่วโมง