xs
xsm
sm
md
lg

รัฐบาลชูเบี้ยยังชีพชราตามขั้นบันได เชิญชาวบ้านร่วมกองทุนออมแห่งชาติ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกรัฐบาล (แฟ้มภาพ)
โฆษกรัฐบาลชูรัฐบาลเพิ่มเบี้ยยังชีพตามขั้นบันได ใครอายุครบ 60 ปี ลงทะเบียนได้จนถึงสิ้นเดือน ส่วนอายุต่ำกว่าเกณฑ์ให้สมัครเข้ากองทุนออมแห่งชาติ โอ่ยอดฝากรวมแล้ว 388.2 ล้านบาท

วันนี้ (20 พ.ย.) พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงนโยบายการจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและผู้พิการของรัฐบาล เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคมและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนว่า ที่ผ่านมารัฐบาลได้เพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเป็นแบบขั้นบันได โดยผู้ที่มีอายุ 60-69 ปี ได้รับเงินยังชีพ 600 บาทต่อเดือน อายุ 70-79 ปี ได้รับเดือนละ 700 บาท อายุ 80-89 ปี ได้รับเดือนละ 800 บาท และ 90 ปีขึ้นไป ได้รับเดือนละ 1,000 บาท ส่วนผู้พิการได้รับเบี้ยยังชีพเดือนละ 800 บาท โดยรัฐบาลขอชวนเชิญพี่น้องประชาชนที่จะมีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ในวันที่ 30 ก.ย. 2559 (เกิดก่อน 1 ต.ค. 2499) และผู้พิการที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนขอรับเบี้ยยังชีพไปลงทะเบียนได้จนถึงวันที่ 30 พ.ย. 2558 ณ ที่ทำการปกครองที่ตนเองมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน โดยจะได้รับเบี้ยยังชีพตั้งแต่เดือน ต.ค. 2559 เป็นต้นไป

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า นอกจากนี้ ประชาชนที่มีอายุ 15-60 ปี สามารถวางแผนการออมเงินเพิ่มเติม เพื่อเป็นหลักประกันความมั่นคงภายหลังเกษียณอายุ โดยสมัครเข้าเป็นสมาชิกกองทุนการออมแห่งชาติได้ที่ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส.ทุกสาขาทั่วประเทศ แล้ววางแผนจัดสรรเงินในแต่ละเดือนเพื่อออมในกองทุนฯ ซึ่งขณะนี้มียอดผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิกกองทุนฯ แล้วกว่า 360,000 คน คิดเป็นยอดวงเงินฝากรวม 388,258,243 บาท ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสอบถามรายละเอียดได้ที่ศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน โทร.1111 ตลอด 24 ชั่วโมง

“นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับการมีคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนทุกคนโดยเฉพาะผู้สูงอายุและผู้พิการ โดยประมาณการว่าในปี 2568 สังคมไทยจะก้าวสู่สังคมสูงวัย มีจำนวนผู้สูงอายุมากกว่า 15 ล้านคน ท่านจึงได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาและจัดทำรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือผู้สูงวัยโดยเฉพาะผู้ยากไร้ และกำหนดมาตรการกำกับให้ผู้สูงวัยใช้ชีวิตอย่างถูกต้อง ไม่สูบบุหรี่ หรือดื่มสุรา เป็นต้น” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น