นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงความคืบหน้าการแก้ปัญหาการจัดลำดับความยากง่ายการประกอบธุรกิจของธนาคารโลก หรือ เวิลด์แบงก์ ซึ่งจัดไทยอยู่ลำดับที่ 49 จากทั้งหมด 189 ประเทศ ซึ่งแย่ลงกว่าปีที่แล้วที่ไทยอยู่ลำดับที่ 47 ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจัง ล่าสุด กระทรวงพาณิชย์ได้รับมอบหมายให้เป็นเจ้าภาพการปรับลดขั้นตอนการดำเนินงานต่าง ๆ ถ้าหากแต่ละกระทรวงมีความพร้อมด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือไอที ทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น เท่าที่สอบถามแต่ละกระทรวงตอบว่ายังอยู่ระหว่างดำเนินงาน ทำให้การรวมศูนย์ปฏิบัติการไว้จุดเดียว หรือซิงเกิลวินโดว์ ยังไม่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้เชิญตัวแทน 4 ฝ่าย ได้แก่ ภาครัฐ เอกชน ตัวแทนธนาคารโลก และผู้ตอบแบบสอบถาม เข้าร่วมหารืออย่างต่อเนื่อง เพื่อให้อันดับความยากง่ายการประกอบธุรกิจของประเทศไทยปี 2558 มีลำดับดีขึ้น โดยรัฐบาลมีเป้าหมายจะให้ไทยติดอยู่ในลำดับ 1 ใน 10 ของประเทศที่มีความสะดวกในการประกอบธุรกิจของโลกให้ได้
โดยส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงพาณิชย์ซึ่งเป็นตัวชี้วัดด้านการเริ่มต้นธุรกิจมี 4 ขั้นตอน ได้แก่ จองชื่อ ชำระค่าหุ้น จัดทำตรายาง และจดทะเบียนและยื่นข้อบังคับการทำงาน ซึ่งใช้ระยะเวลาดำเนินการรวม 27.5 วัน ก็ได้สั่งการให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้ารับไปพิจารณาดำเนินการ เพื่อลดระยะเวลาการดำเนินการดังกล่าวลงแล้ว
ทั้งนี้ ในการประชุมคณะกรรมการพัฒนาการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานวันที่ 4 ธันวาคมนี้ กระทรวงพาณิชย์จะเสนอแผนยุทธศาสตร์การค้าระหว่างประเทศ โดยไทยยังคงมุ่งเน้นที่อาเซียนเป็นตลาดหลักโดยเฉพาะกลุ่ม CLMV ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะร่วมมือกับเอกชนจัดทำยุทธศาสตร์ 5 ปี เจาะกลุ่มลงไปถึงระดับเมืองของแต่ละประเทศใน CLMV เพื่อเป็นการวางรากฐานการค้าระหว่างประเทศระยะยาว
นอกจากนี้ ยังจะมีการหารือถึงการเข้าเป็นสมาชิก TPP หรือหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เอเชีย-แปซิฟิก ในการประชุมดังกล่าวด้วย โดยเป้าหมายการส่งออกปีหน้าเชื่อว่าจะฟื้นตัวดีขึ้นจากปีนี้ โดยเฉพาะราคาสินค้าเกษตรซึ่งตกต่ำมากในอนาคตน่าจะกลับมาดีขึ้น แต่มีโอกาสน้อยมากที่จะได้เห็นการส่งออกไทยเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก เนื่องจากมีปัจจัยระดับโลกหลายอย่างที่มีความผันผวนสูง เช่นการก่อการร้ายซึ่งเกิดขึ้นจนเกือบจะเป็นเรื่องปกติไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้เชิญตัวแทน 4 ฝ่าย ได้แก่ ภาครัฐ เอกชน ตัวแทนธนาคารโลก และผู้ตอบแบบสอบถาม เข้าร่วมหารืออย่างต่อเนื่อง เพื่อให้อันดับความยากง่ายการประกอบธุรกิจของประเทศไทยปี 2558 มีลำดับดีขึ้น โดยรัฐบาลมีเป้าหมายจะให้ไทยติดอยู่ในลำดับ 1 ใน 10 ของประเทศที่มีความสะดวกในการประกอบธุรกิจของโลกให้ได้
โดยส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงพาณิชย์ซึ่งเป็นตัวชี้วัดด้านการเริ่มต้นธุรกิจมี 4 ขั้นตอน ได้แก่ จองชื่อ ชำระค่าหุ้น จัดทำตรายาง และจดทะเบียนและยื่นข้อบังคับการทำงาน ซึ่งใช้ระยะเวลาดำเนินการรวม 27.5 วัน ก็ได้สั่งการให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้ารับไปพิจารณาดำเนินการ เพื่อลดระยะเวลาการดำเนินการดังกล่าวลงแล้ว
ทั้งนี้ ในการประชุมคณะกรรมการพัฒนาการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานวันที่ 4 ธันวาคมนี้ กระทรวงพาณิชย์จะเสนอแผนยุทธศาสตร์การค้าระหว่างประเทศ โดยไทยยังคงมุ่งเน้นที่อาเซียนเป็นตลาดหลักโดยเฉพาะกลุ่ม CLMV ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะร่วมมือกับเอกชนจัดทำยุทธศาสตร์ 5 ปี เจาะกลุ่มลงไปถึงระดับเมืองของแต่ละประเทศใน CLMV เพื่อเป็นการวางรากฐานการค้าระหว่างประเทศระยะยาว
นอกจากนี้ ยังจะมีการหารือถึงการเข้าเป็นสมาชิก TPP หรือหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เอเชีย-แปซิฟิก ในการประชุมดังกล่าวด้วย โดยเป้าหมายการส่งออกปีหน้าเชื่อว่าจะฟื้นตัวดีขึ้นจากปีนี้ โดยเฉพาะราคาสินค้าเกษตรซึ่งตกต่ำมากในอนาคตน่าจะกลับมาดีขึ้น แต่มีโอกาสน้อยมากที่จะได้เห็นการส่งออกไทยเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก เนื่องจากมีปัจจัยระดับโลกหลายอย่างที่มีความผันผวนสูง เช่นการก่อการร้ายซึ่งเกิดขึ้นจนเกือบจะเป็นเรื่องปกติไปแล้ว