เอเจนซีส์ – ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซียออกรัฐบัญญัติเปิดรับชาวต่างชาติเข้าเป็นทหารในกองทัพหมีขาว โดยต้องประจำการขั้นต่ำ 5 ปี และพูดภาษารัสเซียได้ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านรัสเซียชี้ว่านโยบายเช่นนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับความขัดแย้งในยูเครน
นโยบายที่ว่านี้คาดว่าจะดึงดูดพลเมืองจากอดีตรัฐโซเวียตในเอเชียกลางให้หลั่งไหลเข้าเป็นทหารในกองทัพรัสเซีย
ปัจจุบันมีอาสาสมัครต่างชาติรวมถึงชาวรัสเซียร่วมต่อสู้กับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในภาคตะวันออกของยูเครน ขณะที่รัฐบาลเคียฟและชาติตะวันตกกล่าวหาว่า รัสเซียส่งทั้งอาวุธหนักและทหารที่ผ่านการฝึกฝนอย่างดีเข้าไปช่วยหนุนหลังพวกกบฏ ทว่ามอสโกยังยืนกรานปฏิเสธเรื่องนี้
โจนาธาน มาร์คัส นักวิเคราะห์ด้านกลาโหมจากสำนักข่าวบีบีซี ชี้ว่า รัฐบัญญัติว่าด้วยการเปิดรับชาวต่างชาติเป็นทหารมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมศักยภาพแก่กองทัพรัสเซีย แต่ขณะเดียวกันก็มีนัยยะด้านความสัมพันธ์ทางการทูตกับอดีตรัฐโซเวียตด้วย
พาเวล เฟลเกนเฮาเวอร์ และ อเล็กซานเดอร์ โกลต์ส ผู้เชี่ยวชาญด้านกิจการกองทัพรัสเซีย ให้สัมภาษณ์กับบีบีซีว่า รัฐบัญญัติใหม่จะช่วยให้การปฏิบัติภารกิจของทหารรัสเซียนอกเหนือพรมแดน ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมานานหลายปี กลายเป็นเรื่องถูกกฎหมาย และยังช่วยให้กองทัพสามารถดึงพลเมืองท้องถิ่นเข้าร่วมได้ง่ายขึ้น ทั้งในแถบเอเชียกลาง, เทือกเขาคอเคซัส และทรานส์นีสเตรียซึ่งเป็นดินแดนที่แยกตัวออกมาจากมอลโดวา
** ยุทธศาสตร์เอเชียกลาง **
เฟลเกนเฮาเวอร์ ชี้ว่า “ก่อนหน้านี้ผู้ที่จะเป็นทหารจะต้องได้สัญชาติรัสเซีย หรือมีเอกสารรับรองสิทธิความเป็นพลเมืองรัสเซียเสียก่อน แต่ตอนนี้พวกเขาสามารถสมัครเข้าประจำการได้อย่างถูกกฎหมาย แม้จะไม่ใช่พลเมืองก็ตาม”
โกลต์ส เปิดเผยว่า เวลานี้มีทหารต่างชาติประมาณ 300 นายอยู่ในกองทัพรัสเซีย
รัสเซียยังมีฐานทัพอยู่ในอาร์มีเนีย และได้ส่งทหารไปประจำการในสาธารณรัฐอับฮาเซีย และเซาท์ออสซีเชียซึ่งแยกตัวออกมาจากจอร์เจียด้วย
“การส่งทหารรัสเซียเข้าไปประจำในเอเชียกลางมีค่าใช้จ่ายสูง ดังนั้นการรับพลเมืองท้องถิ่นเป็นทหารจึงเป็นวิธีที่สะดวกกว่า” เฟลเกนเฮาเวอร์ กล่าว
“การที่ นาโต ปลีกตัวออกจากอัฟกานิสถานทำให้ภัยคุกคามต่อภูมิภาคเอเชียกลางเริ่มเด่นชัดขึ้น ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้ที่รัสเซียจะขยายอิทธิพลทางทหารในเอเชียกลาง โดยอาศัยทหารในท้องถิ่นเอง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่ารัสเซียคิดที่จะดึงชาวต่างชาติเข้าสู่กองทัพอย่างขนานใหญ่”
โกลต์ส กล่าวในทำนองเดียวกันว่า มอสโกไม่ได้หวังสร้างกองกำลังต่างชาติแบบที่ฝรั่งเศสเคยใช้ปราบปรามเหตุจลาจลในอดีตรัฐอาณานิคมแถบแอฟริกาหรือพื้นที่สุ่มเสี่ยงอื่นๆ และด้วยค่าตอบแทนประมาณ 30,000 รูเบิลต่อเดือน (ราว 16,000 บาทตามอัตราแลกเปลี่ยนขณะนี้) รวมโอกาสที่จะได้รับสัญชาติรัสเซีย ก็น่าจะเป็นสิ่งล่อใจได้อย่างดีในสภาพเศรษฐกิจที่ถดถอย