พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายปลอดประสพ สุรัสวดี รักษาการรองหัวหน้าพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรค และนายชูศักดิ์ ศิรินิล หัวหน้าคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย ร่วมกันออกแถลงการณ์พรรคเพื่อไทยกรณีทุจริตโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ โดยระบุว่า 1. รัฐบาลจะต้องแถลงรายละเอียดของโครงการตั้งแต่ต้น รวมถึงผู้รับผิดชอบในแต่ละขั้นตอน ลำดับขั้นตอนกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างทั้งหมด งบประมาณในการดำเนินโครงการทั้งหมด ทั้งในส่วนที่เป็นเงินงบประมาณแผ่นดินและเงินบริจาค
2. เนื่องจากผู้รับผิดชอบในโครงการดังกล่าว ได้แถลงต่อสื่อมวลชนยอมรับว่า มีการเรียกรับผลประโยชน์จากการดำเนินโครงการ แต่อ้างว่ามีการนำเงินดังกล่าวไปบริจาคแล้ว จึงมีความชัดเจนว่าได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้นแล้ว 3. เนื่องจากได้ปรากฏเป็นข่าวต่อเนื่องมาโดยตลอดว่า มีข้าราชการและเอกชนเรียกรับผลประโยชน์จากโครงการดังกล่าว และรัฐบาลได้ประกาศนโยบายสำคัญ 2 ด้าน คือ ปกป้องสถาบันและปราบปรามการทุจริต รัฐบาลจึงต้องตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อหาตัวผู้รับผิดชอบและผู้กระทำผิดโดยเร่งด่วน นอกจากนั้น หากเป็นการกระทำของข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ ย่อมถือว่าเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจ หรือจูงใจ เพื่อให้บุคคลใดมอบให้ หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเอง หรือผู้อื่น หรือเป็นเจ้าพนักงานเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเอง หรือผู้อื่นโดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 และ 149 การนำเงินที่ได้จากการกระทำผิดไปบริจาคเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดฐานฟอกเงินตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 รัฐบาลจึงต้องดำเนินการร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดโดยทันที
4.การกระทำความผิดดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่ผู้รับผิดชอบโครงการนี้ ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาล และเป็นผู้นำระดับสูงของกองทัพ รวมทั้งในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และขณะนี้ยังดำรงตำแหน่งกรรมการในคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติอีกด้วย จึงไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบได้ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้รับผิดชอบโดยตรง รวมทั้งผู้บังคับบัญชาในลำดับชั้นต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง จะต้องแสดงความชัดเจน และแถลงให้สาธารณชนได้รับทราบว่า คณะบุคคลดังกล่าวทั้งหมดจะมีส่วนรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร
ทั้งนี้ การปล่อยให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งที่เป็นข้าราชการ และเอกชน หลบหนีไปต่างประเทศได้ ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ และข้อระแวงสงสัยต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศ พรรคเพื่อไทยจึงเรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล และประธานคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ ดำเนินการเรื่องนี้อย่างเปิดเผย โปร่งใส และประกาศให้สาธารณะได้ทราบโดยด่วน
2. เนื่องจากผู้รับผิดชอบในโครงการดังกล่าว ได้แถลงต่อสื่อมวลชนยอมรับว่า มีการเรียกรับผลประโยชน์จากการดำเนินโครงการ แต่อ้างว่ามีการนำเงินดังกล่าวไปบริจาคแล้ว จึงมีความชัดเจนว่าได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้นแล้ว 3. เนื่องจากได้ปรากฏเป็นข่าวต่อเนื่องมาโดยตลอดว่า มีข้าราชการและเอกชนเรียกรับผลประโยชน์จากโครงการดังกล่าว และรัฐบาลได้ประกาศนโยบายสำคัญ 2 ด้าน คือ ปกป้องสถาบันและปราบปรามการทุจริต รัฐบาลจึงต้องตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อหาตัวผู้รับผิดชอบและผู้กระทำผิดโดยเร่งด่วน นอกจากนั้น หากเป็นการกระทำของข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ ย่อมถือว่าเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจ หรือจูงใจ เพื่อให้บุคคลใดมอบให้ หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเอง หรือผู้อื่น หรือเป็นเจ้าพนักงานเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเอง หรือผู้อื่นโดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 และ 149 การนำเงินที่ได้จากการกระทำผิดไปบริจาคเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดฐานฟอกเงินตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 รัฐบาลจึงต้องดำเนินการร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดโดยทันที
4.การกระทำความผิดดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่ผู้รับผิดชอบโครงการนี้ ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาล และเป็นผู้นำระดับสูงของกองทัพ รวมทั้งในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และขณะนี้ยังดำรงตำแหน่งกรรมการในคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติอีกด้วย จึงไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบได้ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้รับผิดชอบโดยตรง รวมทั้งผู้บังคับบัญชาในลำดับชั้นต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง จะต้องแสดงความชัดเจน และแถลงให้สาธารณชนได้รับทราบว่า คณะบุคคลดังกล่าวทั้งหมดจะมีส่วนรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร
ทั้งนี้ การปล่อยให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งที่เป็นข้าราชการ และเอกชน หลบหนีไปต่างประเทศได้ ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ และข้อระแวงสงสัยต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศ พรรคเพื่อไทยจึงเรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล และประธานคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ ดำเนินการเรื่องนี้อย่างเปิดเผย โปร่งใส และประกาศให้สาธารณะได้ทราบโดยด่วน