วันนี้ (2 ก.ย.) แกนนำพรรคเพื่อไทย อาทิ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรค นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รักษาการรองเลขาธิการพรรค นายชูศักดิ์ ศิรินิล หัวหน้าคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย นายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงราย ในฐานะคณะทำงานติดตามการร่างรัฐธรรมนูญ ร่วมอ่านแถลงการณ์พร้อมทั้งแสดงจุดยืนของพรรคต่อร่างรัฐธรรมนูญที่กำลังจะเข้าสู่การพิจารณาของ สปช.ในวันที่ 6 กันยายนนี้ ว่า ผลของร่างรัฐธรรมนูญจะทำให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอ่อนแอ ไร้ประสิทธิภาพ บริหารประเทศไม่ได้ เศรษฐกิจของประเทศจะยิ่งตกต่ำและจะนำพาประเทศไปสู่ความขัดแย้งในทุกระดับ ยากที่จะกลับคืนสู่สันติสุขได้ อยู่ในวงจรอุบาทว์อย่างไม่สิ้นสุด
ทั้งนี้ มีการวิพากษ์วิจารณ์แสดงความเห็นโดยสุจริต ต่างเห็นพ้องต้องกันว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่มีความเป็นประชาธิปไตย นำพาประเทศถอยหลังไปจากเดิมจนเป็นการย้อนยุค มีลักษณะสืบทอดอำนาจ สร้างรัฐซ้อนรัฐ อำนาจของประชาชนถูกเหยียบย่ำ จึงเป็นที่คาดหมายได้ว่า มีแนวโน้มที่จะไม่ผ่านประชามติ อาจต้องสูญเปล่าทั้งในแง่ของกระบวนการยกร่าง และงบประมาณแผ่นดิน ที่ต้องนำมาใช้ถึงกว่า 3,000 ล้านบาท ในการยกร่างและจัดทำประชามติ พรรคเพื่อไทยจึงขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันไตร่ตรอง คำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้น
ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยขอเสนอว่า สปช.ควรแสดงความรับผิดชอบและแสดงบทบาทเพื่อระงับยับยั้งมิให้ประเทศก้าวไปสู่วิกฤติ โดยการลงมติไม่ให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ซึ่งจะส่งผลให้มีการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ที่หลาย ๆ ฝ่ายสามารถที่จะยอมรับได้ แต่หาก สปช.ให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ พรรคเพื่อไทยเชื่อว่าปัญหารัฐธรรมนูญที่พยายามจะยัดเยียดให้ประชาชนโดยขาดการมีส่วนร่วมอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะร่วมคิดหรือร่วมร่าง จะเป็นต้นเหตุของการนำชาติเข้าสู่ภาวะแห่งความขัดแย้ง นำชาติดำดิ่งสู่วงจรอุบาทว์
อย่างไรก็ตาม นายสามารถ กล่าวว่า ตนเชื่อว่า สปช.ยังมีวิจารณญาณว่าจะผ่านร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่ ถ้าผ่านแล้วอะไรจะเกิดขึ้น แต่เสียงที่ก้ำกึ่งของ สปช.แสดงให้เห็นว่า สปช.เริ่มคิดได้แล้ว ส่วนจะมีการจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์ที่มีท่าทีคัดค้านร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น นายสามารถ กล่าวว่า ต่างคนต่างไป เพราะแต่ละพรรคต่างมีมวลชนและสมาชิกของตนเอง
นายสามารถ กล่าวด้วยว่า การแถลงข่าวครั้งนี้ไม่จำเป็นต้องขออนุญาต คสช. เพราะเพียงต้องการแสดงจุดยืนท่าทีของพรรคต่อร่างรัฐธรรมนูญ ส่วนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. ระบุว่าควรมีคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ (คปป.)นั้น ถือเป็นความเห็นส่วนตัว
ทั้งนี้ มีการวิพากษ์วิจารณ์แสดงความเห็นโดยสุจริต ต่างเห็นพ้องต้องกันว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่มีความเป็นประชาธิปไตย นำพาประเทศถอยหลังไปจากเดิมจนเป็นการย้อนยุค มีลักษณะสืบทอดอำนาจ สร้างรัฐซ้อนรัฐ อำนาจของประชาชนถูกเหยียบย่ำ จึงเป็นที่คาดหมายได้ว่า มีแนวโน้มที่จะไม่ผ่านประชามติ อาจต้องสูญเปล่าทั้งในแง่ของกระบวนการยกร่าง และงบประมาณแผ่นดิน ที่ต้องนำมาใช้ถึงกว่า 3,000 ล้านบาท ในการยกร่างและจัดทำประชามติ พรรคเพื่อไทยจึงขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันไตร่ตรอง คำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้น
ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยขอเสนอว่า สปช.ควรแสดงความรับผิดชอบและแสดงบทบาทเพื่อระงับยับยั้งมิให้ประเทศก้าวไปสู่วิกฤติ โดยการลงมติไม่ให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ซึ่งจะส่งผลให้มีการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ที่หลาย ๆ ฝ่ายสามารถที่จะยอมรับได้ แต่หาก สปช.ให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ พรรคเพื่อไทยเชื่อว่าปัญหารัฐธรรมนูญที่พยายามจะยัดเยียดให้ประชาชนโดยขาดการมีส่วนร่วมอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะร่วมคิดหรือร่วมร่าง จะเป็นต้นเหตุของการนำชาติเข้าสู่ภาวะแห่งความขัดแย้ง นำชาติดำดิ่งสู่วงจรอุบาทว์
อย่างไรก็ตาม นายสามารถ กล่าวว่า ตนเชื่อว่า สปช.ยังมีวิจารณญาณว่าจะผ่านร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่ ถ้าผ่านแล้วอะไรจะเกิดขึ้น แต่เสียงที่ก้ำกึ่งของ สปช.แสดงให้เห็นว่า สปช.เริ่มคิดได้แล้ว ส่วนจะมีการจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์ที่มีท่าทีคัดค้านร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น นายสามารถ กล่าวว่า ต่างคนต่างไป เพราะแต่ละพรรคต่างมีมวลชนและสมาชิกของตนเอง
นายสามารถ กล่าวด้วยว่า การแถลงข่าวครั้งนี้ไม่จำเป็นต้องขออนุญาต คสช. เพราะเพียงต้องการแสดงจุดยืนท่าทีของพรรคต่อร่างรัฐธรรมนูญ ส่วนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. ระบุว่าควรมีคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ (คปป.)นั้น ถือเป็นความเห็นส่วนตัว