พ.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รักษาราชการแทนผู้บังคับการ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ หรือ ปคม. แถลงผลจับกุม นายดุสิต เลิศพงศ์ไพศาล ผู้ต้องหาฆ่าคนตายในพื้นที่ สน.ประเวศ และหลบหนีระหว่างคุมขัง
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ตำรวจกองกำกับการ 1 กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์เรียกตรวจบัตรประชาชน ขณะขับรถบีเอ็มดับบลิว อยู่บนถนนเทียนทะเล ย่านบางขุนเทียน ซึ่งจากการตรวจสอบ บัตรประชาชนชื่อ นายสุรพงษ์ เขื่อนปัญญา กลับพบว่าอายุในบัตรประชาชนไม่ตรงกับใบหน้าจริง และพบว่า นายสุรพงษ์ เสียชีวิต ไปแล้วตั้งแต่ 3 ขวบ จากนั้นจึงนำชื่อสกุลของผู้ต้องหาไปตรวจสอบพบว่าเป็นผู้ต้องหาในคดีฆ่า 3 ศพ ชิงเงินจำนวน 8 แสนบาท ในพื้นที่ สน.ประเวศ และศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุกตลอดชีวิต โดยถูกคุมขังในเรือนจำจังหวัดระยอง นานกว่า 11 ปี ก่อนจะหลบหนีออกมาเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2557
ทั้งนี้ นายดุสิต ผู้ต้องหาให้การสารภาพว่า เมื่อหลบหนีออกมาจากเรือนจำ มีผู้แนะนำให้สวมบัตรประชาชนปลอม จึงได้จ่ายเงิน 1 แสนบาท เป็นค่าดำเนินการ โดยมีผู้พาไปทำบัตรประชาชนที่อำเภอสังคม จ.หนองคาย พร้อมอ้างว่าป้าของ นายสุรพงษ์ เป็นผู้มาเซ็นรับรองบัตรให้ด้วย และได้ใช้บัตรประชาชนปลอมไปเปิดบัญชีที่ธนาคาร 2 ครั้ง ส่วนตัวเองออกมาทำอาชีพรับซื้อขายอะไหล่รถยนต์ โดยจากการตรวจสอบยังพบเงินในสองบัญชี กว่า 9 ล้านบาท ซึ่งหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบและขยายผลถึงผู้เกี่ยวข้องต่อไป
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ตำรวจกองกำกับการ 1 กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์เรียกตรวจบัตรประชาชน ขณะขับรถบีเอ็มดับบลิว อยู่บนถนนเทียนทะเล ย่านบางขุนเทียน ซึ่งจากการตรวจสอบ บัตรประชาชนชื่อ นายสุรพงษ์ เขื่อนปัญญา กลับพบว่าอายุในบัตรประชาชนไม่ตรงกับใบหน้าจริง และพบว่า นายสุรพงษ์ เสียชีวิต ไปแล้วตั้งแต่ 3 ขวบ จากนั้นจึงนำชื่อสกุลของผู้ต้องหาไปตรวจสอบพบว่าเป็นผู้ต้องหาในคดีฆ่า 3 ศพ ชิงเงินจำนวน 8 แสนบาท ในพื้นที่ สน.ประเวศ และศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุกตลอดชีวิต โดยถูกคุมขังในเรือนจำจังหวัดระยอง นานกว่า 11 ปี ก่อนจะหลบหนีออกมาเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2557
ทั้งนี้ นายดุสิต ผู้ต้องหาให้การสารภาพว่า เมื่อหลบหนีออกมาจากเรือนจำ มีผู้แนะนำให้สวมบัตรประชาชนปลอม จึงได้จ่ายเงิน 1 แสนบาท เป็นค่าดำเนินการ โดยมีผู้พาไปทำบัตรประชาชนที่อำเภอสังคม จ.หนองคาย พร้อมอ้างว่าป้าของ นายสุรพงษ์ เป็นผู้มาเซ็นรับรองบัตรให้ด้วย และได้ใช้บัตรประชาชนปลอมไปเปิดบัญชีที่ธนาคาร 2 ครั้ง ส่วนตัวเองออกมาทำอาชีพรับซื้อขายอะไหล่รถยนต์ โดยจากการตรวจสอบยังพบเงินในสองบัญชี กว่า 9 ล้านบาท ซึ่งหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบและขยายผลถึงผู้เกี่ยวข้องต่อไป