ที่กองบังคับการสายตรวจและปฎิบัติการพิเศษ (191) เมื่อวันที่ 11 พ.ย.2558 พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผบก.สปพ. เปิดเผยหลังร่วมกันจับกุมนางพิทยา ทิวะกะรินทร์ อายุ 55 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดปราจีน ที่จ.168/2558 ลงวันที่ 16 ก.ย. 58 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง” โดยจับกุมได้บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 91/159 ม.4 ต.บึงคำพร้อย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากกลุ่มผู้เสียหายจำนวนหลายรายผ่านทางโครงการ You will never walk alone ว่าผู้ต้องหามีพฤติการณ์แอบอ้างว่ามีศักดิ์เป็นคุณหญิง รู้จักกับนายทหารระดับชั้นผู้ใหญ่จำนวนหลายคน และสามารถฝากบุตรหลานเข้ารับราชการเป็นนายทหารในโรงเรียนนายร้อย จปร. ได้ โดยมีค่าใช้จ่ายคนละ 400,000 บาท ภายหลังจากที่เหยื่อจ่ายเงินครบตามจำนวน ก็ยังไม่สามารถให้บุตรหลานเข้ารับราชการได้ตามคำรับปากเอาไว้ เมื่อถามถึงเงินที่จ่ายไป ก็ถูกบ่ายเบี่ยงมาตลอด จนกระทั่งไม่สามารถติดต่อได้ จนมีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อจำนวนหลายราย มูลค่าความเสียหายจำนวนหลายล้านบาท
ด้านพ.ต.ท.ปียรัช กล่าวว่า ภายหลังจากการระดมกวาดล้างคดีเกี่ยวกับทรัพย์สินสร้างความเดือนร้อนให้ประชาชน ซึ่งทางผู้บัญชาการตำรวจนครบาลได้เน้นย้ำลงมา จึงได้ออกหาข่าวสืบสวนจนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ที่บริเวณดังกล่าว ซึ่งจากการตรวจสอบก็พบว่าผู้ต้องหาก่อเหตุในลักษณะเดียวกันนี้มาแล้วหลายครั้ง มีผู้เสียหายมากกว่า 10 คน และมีหมายจับติดตัวจากศาลจังหวัดปราจีนอีก 4 หมาย ประกอบด้วย ที่จ.169/2558 ลงวันที่ 16 ก.ย. 58 ที่จ.199/2558 ลงวันที่ 13 ต.ค. 58 ที่จ.206/2558 ลงวันที่ 20 ต.ค. 58 และหมายจับศาลจังหวัดนครนายก ที่จ.82/2558 ลงวันที่ 1 ก.ค. 58 และอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานออกหมายจับอีกหลายท้องที่ ทั้งนี้จึงอยากประชาสัมพันธ์ถ้าหากว่ามีผู้เสียหายรายใดเคยถูกผู้ต้องหาหลอกลวงด้วยวิธีการเดียวกัน สามารถเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มเติม เพื่อขออายัดตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากกลุ่มผู้เสียหายจำนวนหลายรายผ่านทางโครงการ You will never walk alone ว่าผู้ต้องหามีพฤติการณ์แอบอ้างว่ามีศักดิ์เป็นคุณหญิง รู้จักกับนายทหารระดับชั้นผู้ใหญ่จำนวนหลายคน และสามารถฝากบุตรหลานเข้ารับราชการเป็นนายทหารในโรงเรียนนายร้อย จปร. ได้ โดยมีค่าใช้จ่ายคนละ 400,000 บาท ภายหลังจากที่เหยื่อจ่ายเงินครบตามจำนวน ก็ยังไม่สามารถให้บุตรหลานเข้ารับราชการได้ตามคำรับปากเอาไว้ เมื่อถามถึงเงินที่จ่ายไป ก็ถูกบ่ายเบี่ยงมาตลอด จนกระทั่งไม่สามารถติดต่อได้ จนมีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อจำนวนหลายราย มูลค่าความเสียหายจำนวนหลายล้านบาท
ด้านพ.ต.ท.ปียรัช กล่าวว่า ภายหลังจากการระดมกวาดล้างคดีเกี่ยวกับทรัพย์สินสร้างความเดือนร้อนให้ประชาชน ซึ่งทางผู้บัญชาการตำรวจนครบาลได้เน้นย้ำลงมา จึงได้ออกหาข่าวสืบสวนจนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ที่บริเวณดังกล่าว ซึ่งจากการตรวจสอบก็พบว่าผู้ต้องหาก่อเหตุในลักษณะเดียวกันนี้มาแล้วหลายครั้ง มีผู้เสียหายมากกว่า 10 คน และมีหมายจับติดตัวจากศาลจังหวัดปราจีนอีก 4 หมาย ประกอบด้วย ที่จ.169/2558 ลงวันที่ 16 ก.ย. 58 ที่จ.199/2558 ลงวันที่ 13 ต.ค. 58 ที่จ.206/2558 ลงวันที่ 20 ต.ค. 58 และหมายจับศาลจังหวัดนครนายก ที่จ.82/2558 ลงวันที่ 1 ก.ค. 58 และอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานออกหมายจับอีกหลายท้องที่ ทั้งนี้จึงอยากประชาสัมพันธ์ถ้าหากว่ามีผู้เสียหายรายใดเคยถูกผู้ต้องหาหลอกลวงด้วยวิธีการเดียวกัน สามารถเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มเติม เพื่อขออายัดตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป