ASTV ผู้จัดการ - กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ แถลงจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาหลอกผู้เสียหายซื้อดาวน์รถยนต์แล้วเชิดหนี มีผู้ตกเป็นเหยื่อแล้ว 33 ราย ความเสียกว่า 15 ล้านบาท พบทำเป็นขบวนการใหญ่ มีบุคคลมีสีเกี่ยวข้อง
วันนี้ (3 พ.ย.) เวลา 12.00 น. ที่กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (สปพ.) พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผบก.สปพ., พ.ต.อ.ภีมแสน ขจรประศาสน์ รอง ผบก.สปพ., พ.ต.อ.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รอง ผบก.สปพ., พ.ต.อ.สำราญ นวลมา ผกก.สายตรวจ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สายตรวจ ร่วมกันแถลงข่าว
จับกุม น.ส.ชลธิชา มารดาพิทักษ์ หรือมด อายุ 32 ปี, น.ส.วรรณวิมล อู่สุวรรณ์ หรือน้ำฝน อายุ 23 ปี และนายทรงศักดิ์ ศรียางคุย หรือเสริฐ อายุ 51 ปี พร้อมของกลางรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า ซิตี้ สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน กน 1063 สระบุรี 1 คัน, โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง และยาบ้า 9 เม็ด ได้ที่บริเวณลานจอดรถ และห้องพักเลขที่ 603 เอสเอ็นพี แมนชั่น ถ.เทศบาลสงเคราะห์ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 58 เวลาประมาณ 20.00 น.
ในข้อหาฉ้อโกงทรัพย์, ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ และมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย ส่วน น.ส.วรรณวิมล และนายทรงศักดิ์ ถูกแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย
สืบเนื่องจากโครงการ 191 ที่พึ่งแรกที่รักของประชาชน “You 'll never walk alone” ที่มีผู้เสียหายเข้าแจ้งขอความช่วยเหลือให้ช่วยสืบสวนติดตามจับกุมตัว น.ส.ชลธิชา มารดาพิทักษ์ เนื่องจากเมื่อช่วงระหว่างเดือน มิ.ย.-ต.ค. 58 ผู้ต้องหากับพวกได้ร่วมกันหลอกซื้อดาวน์รถยนต์จากผู้เสียหายหลายราย มูลค่าความเสียหายมากกว่า 15 ล้านบาท
โดยผู้ต้องหาจะเลือกดูประกาศขายดาวน์รถในเว็บไซต์ต่างๆ และเลือกผู้เสียหายที่กำลังเดือดร้อนเรื่องเงิน ไม่มีกำลังผ่อนรถต่อ ก่อนทำทีติดต่อขอซื้อดาวน์รถมาผ่อนต่อให้ หลังจากที่ได้ทำสัญญาซื้อขายกันแล้ว เมื่อผู้ต้องหาได้จ่ายเงินบางส่วนให้ผู้เสียหายและรับรถยนต์มาแล้วจึงหลบหนีไป จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้กระทำการสืบสวนสอบสวนจนกระทั่งสามารถจับกุมคนร้ายได้ตามวันเวลาและสถานที่ดังกล่าว
จากการสอบสวน น.ส.ชลธิชายอมรับสารภาพว่าได้ร่วมกับนายขวัญชัย บุตรศรีเมือง หรือนะ และ น.ส.วรรณวิมล ร่วมกันหลอกลวงผู้เสียหายจริง โดยมีนายแบงค์ และนางเล็ก ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง เป็นนายทุนผู้ออกเงินค่าซื้อดาวน์รถ ขณะเดียวกัน ยังมีนายนัน ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง ทำหน้าที่ขับรถของผู้เสียหาย และเป็นตัวกลางคอยประสานระหว่างนายทุนกับ น.ส.ชลธิชา โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการสืบสวนขยายผลหาผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีต่อไป
ด้านนายจิระพันธ์ รมยานนท์ อายุ 38 ปี ผู้เสียหายเปิดเผยว่า ได้ประกาศขายดาวน์รถยนต์ในราคา 30,000 บาทผ่านเว็บไซต์ เมื่อช่วงเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา กระทั่งผู้ต้องหาโทรศัพท์ติดเข้ามาและตกลงซื้อขายกันในราคา 25,000 บาท พร้อมทำสัญญาซื้อขายกันเป็นที่เรียบร้อยและนำรถยนต์ไป หลังจากนั้นผู้ต้องหาอ้างว่าภายใน 1-2 วันจะไปดำเนินการเปลี่ยนสัญญาผู้เช่าซื้อให้เรียบร้อย แต่พอครบกำหนดกลับไม่มีการกำเนินการแต่อย่างใด ซึ่งนายจิระพันธ์ได้โทรศัพท์ไปสอบถามกับผู้ต้องหา แต่ถูกอ้างว่าติดธุระอยู่ต่างจังหวัด ขณะที่ระยะเวลาเริ่มผ่านไปนานพอสมควร ประกอบกับผู้ต้องหาพยายามบ่ายเบี่ยงถึงขั้นไม่รับโทรศัพท์ จนนายจิระพันธ์ มั่นใจว่าถูกโกงจึงตัดสินใจเข้าแจ้งความดำเนินคดี
ขณะที่นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ในฐานะทนายความผู้เสียหาย เปิดเผยด้วยว่า กลุ่มผู้ต้องหามีการทำเป็นขบวนการใหญ่ และเกี่ยวข้องกับบุคคลมีสี อาทิ ผู้คุมเรือนจำในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร ร่วมเป็นนายทุน พร้อมเชื่อว่ามีนักกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้องในขบวนการดังกล่าวด้วย โดยรถที่ได้มาจะถูกส่งไปตามแนวชายแดน เดือนละไม่ต่ำกว่า 6-7 คัน จะได้ค่าจ้างคันละ 80,000-100,000 บาท ขณะนี้มีผู้เสียหายทั่วประเทศเข้าแจ้งความแล้วจำนวน 33 ราย โดยส่วนตัวมีหลักฐานเกี่ยวกับขบวนการดังกล่าวครบถ้วน หลังจากนี้จะส่งมอบให้แก่เจ้าหน้าที่เพื่อดำเนินการต่อไป