เมื่อวันที่ 30 ต.ค. 58 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดไต่สวนพยานหลักฐาน คดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี, พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และพวกรวม 4 คน ในฐานะตามความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มาตรา 157 และพระราชบัญญัติ ป.ป.ช. คดีการสั่งสลายการชุมนุมของพันธมิตร ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 51
โดยศาลได้เลื่อนตรวจหลักฐานออกไปเป็นวันที่ 16 ธ.ค. 58 เนื่องจากคู่ความทั้งสองฝ่าย อ้างพยานบุคคลและเอกสารจำนวนมาก จึงไม่สามารถตรวจพยานหลักฐานเสร็จทันกำหนด
ด้าน นายสมชาย กล่าวว่า มั่นใจในความบริสุทธิ์ของตนเอง ตามพยานหลักฐานที่กล่าวอ้างกับศาล แต่เนื่องจากมีพยานบุคคลจำนวนมาก ศาลฎีกาฯ จึงนัดตรวจรายละเอียดพยานบุคคลอีกครั้ง
นอกจากนี้ ศาลได้แจ้งต่อคู่ความว่า องค์คณะผู้พิพากษาในคดีนี้ 3 คน ประกอบด้วย น.ส.เพลินจิต ตั้งพูลสกุล, นายศิริชัย วัฒนโยธิน และนายวีระพล ตั้งสุวรรณ ได้พ้นจากการเป็นองค์คณะพิพากษาคดีนี้ โดยที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา เลือกนายโสภณ โรจน์อนนท์, นายพิศล พิรุณ และนายนิพนธ์ ใจสำราญ มาเป็นองค์คณะพิพากษาแทน ซึ่งคู่ความทั้งสองฝ่ายไม่ติดใจ
โดยศาลได้เลื่อนตรวจหลักฐานออกไปเป็นวันที่ 16 ธ.ค. 58 เนื่องจากคู่ความทั้งสองฝ่าย อ้างพยานบุคคลและเอกสารจำนวนมาก จึงไม่สามารถตรวจพยานหลักฐานเสร็จทันกำหนด
ด้าน นายสมชาย กล่าวว่า มั่นใจในความบริสุทธิ์ของตนเอง ตามพยานหลักฐานที่กล่าวอ้างกับศาล แต่เนื่องจากมีพยานบุคคลจำนวนมาก ศาลฎีกาฯ จึงนัดตรวจรายละเอียดพยานบุคคลอีกครั้ง
นอกจากนี้ ศาลได้แจ้งต่อคู่ความว่า องค์คณะผู้พิพากษาในคดีนี้ 3 คน ประกอบด้วย น.ส.เพลินจิต ตั้งพูลสกุล, นายศิริชัย วัฒนโยธิน และนายวีระพล ตั้งสุวรรณ ได้พ้นจากการเป็นองค์คณะพิพากษาคดีนี้ โดยที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา เลือกนายโสภณ โรจน์อนนท์, นายพิศล พิรุณ และนายนิพนธ์ ใจสำราญ มาเป็นองค์คณะพิพากษาแทน ซึ่งคู่ความทั้งสองฝ่ายไม่ติดใจ