นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เผยว่า กระทรวงการคลังจะเสนอมาตรการกระตุ้นการลงทุนให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน 2 สัปดาห์ ซึ่งจะเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลออกต่อจากการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก การเพิ่มรายได้ให้กับผู้มีรายได้น้อย การเร่งลงทุนระดับตำบล และการเร่งลงทุนโครงการขนาดเล็กไม่เกิน 1 ล้านบาท ก่อนหน้านี้รัฐบาลได้กระตุ้นการลงทุนภาคในกรอบใหญ่ผ่านคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ทั้งการลดภาษี การจัดคลัสเตอร์การลงทุน และการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งในส่วนของคลังก็กระตุ้นลงไปในรายอุตสาหกรรม ที่ผ่านมาได้กระตุ้นการลงทุนภาคอสังหาริมทรัพย์ เพราะไม่ต้องการให้เกิดปัญหากระทบกับเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม ยังมีภาคอุตสาหกรรมอื่นที่มีความสำคัญกับเศรษฐกิจ ซึ่งจะออกตามมาโดยเป้าหมายให้มีการเร่งลงทุนในปีนี้และปีหน้า จะได้สิทธิพิเศษเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยังให้คณะทำงานสร้างอุตสาหกรรมใหม่ที่ควรส่งเสริมให้มีการลงทุน เพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยใน 10-20 ปีข้างหน้า รวมถึงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ซึ่งจะเป็นการลงทุนที่มารับต่อจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ทำให้เศรษฐกิจของไทยสามารถเดินไปข้างหน้าได้อย่างแข็งแรง
นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า สิ่งที่ยังต้องทำเพิ่มเติมเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจ คือการอำนวยความสะดวกการทำธุรกิจ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญ และได้สั่งให้คณะทำงานเรื่องนี้ที่มีการประชุมกันมาหลายรอบเข้าไปชี้แจงรายละเอียดให้รับทราบ และยังจะมีการดำเนินการให้ผู้ประกอบการมีบัญชีเดียว โดยที่รัฐบาลจะไม่ดำเนินการเอาผิดย้อนหลังหากทำให้ถูกต้อง ซึ่งไม่ใช่การนิรโทษกรรมภาษี ซึ่งทำมาแล้ว 3 ครั้ง แต่ไม่ได้ผลเพราะผู้เสียภาษีก็กลับมาทำผิดเหมือนเดิม อีกทั้งคลังยังจะดำเนินการทำระบบอีเพย์เมนต์ ซึ่งจะให้การเก็บภาษีมีประสิทธิภาพขึ้น
อย่างไรก็ตาม ยังมีภาคอุตสาหกรรมอื่นที่มีความสำคัญกับเศรษฐกิจ ซึ่งจะออกตามมาโดยเป้าหมายให้มีการเร่งลงทุนในปีนี้และปีหน้า จะได้สิทธิพิเศษเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยังให้คณะทำงานสร้างอุตสาหกรรมใหม่ที่ควรส่งเสริมให้มีการลงทุน เพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยใน 10-20 ปีข้างหน้า รวมถึงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ซึ่งจะเป็นการลงทุนที่มารับต่อจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ทำให้เศรษฐกิจของไทยสามารถเดินไปข้างหน้าได้อย่างแข็งแรง
นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า สิ่งที่ยังต้องทำเพิ่มเติมเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจ คือการอำนวยความสะดวกการทำธุรกิจ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญ และได้สั่งให้คณะทำงานเรื่องนี้ที่มีการประชุมกันมาหลายรอบเข้าไปชี้แจงรายละเอียดให้รับทราบ และยังจะมีการดำเนินการให้ผู้ประกอบการมีบัญชีเดียว โดยที่รัฐบาลจะไม่ดำเนินการเอาผิดย้อนหลังหากทำให้ถูกต้อง ซึ่งไม่ใช่การนิรโทษกรรมภาษี ซึ่งทำมาแล้ว 3 ครั้ง แต่ไม่ได้ผลเพราะผู้เสียภาษีก็กลับมาทำผิดเหมือนเดิม อีกทั้งคลังยังจะดำเนินการทำระบบอีเพย์เมนต์ ซึ่งจะให้การเก็บภาษีมีประสิทธิภาพขึ้น